ตอนที่ 8

1773 คำ
ในขณะที่มีนกลับมาทำงานตามปรกติทุกอย่าง เธอพยายามอย่างยิ้มแย้มให้สดใสที่สุดเท่าที่ทำได้ เธอต้องไหวสิ! ในเมื่อตัดสินใจเดินออกมาแล้วชีวิตจะเจออะไรก็ต้องสู้ เธอให้กำลังใจตัวเองแบบนี้ตลอดมาไม่ใช่เหรอ “อ้าวมีนแล้วมาแล้วเหรอ นี่พี่อยากจะแนะนำตากล้องคนใหม่ให้รู้จัก” “สวัสดีค่ะชื่อมีนนะคะ” “ครับ พี่ชื่อนทนะครับ” “เอาละรู้จักกันพอแล้วไปถ่ายงานต่อดีกว่าเนอะ เอ่อ...มีนแล้วนี่คริสไม่มาเหรอ?” “คือว่า…เราเลิกกันแล้วค่ะ” “อ้าว! นี่พี่ตกข่าวเหรอเนี่ย” มีนได้แต่พยักหน้ายิ้มรับกับสายตาของรุ่นพี่ที่ร่วมงานกันบ่อยๆ เธอต้องอยู่กับเหตุการณ์แบบนี้อีกนานแค่ไหนกันนะ เธอต้องทนกับคำถามเดิมๆแล้วต้องตอบแบบเดิมเสมอเลย รู้ไหมมันเหนื่อยมากนะ ยิ่งพูดก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ปลดปล่อยความอ่อนแอออกมาเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ไหว แต่เธอต้องอยู่คนเดียวได้ คริสจะได้ไม่เป็นห่วงกัน ไม่สิ! เขาไม่เคยเป็นห่วงเธออยู่แล้ว กว่าจะจบงานก็ค่ำมากแล้ง มีนขับรถกลับตามปรกติและแวะซื้อข้าวร้านโปรดที่เคยมากับคริส เมื่อก่อนเราเคยมาด้วยกันบ่อยๆ แต่เมื่อเขาเริ่มมีเพื่อนมากขึ้น เขามีเงินทองมากขึ้น และชื่อเสียงของเขามากมากขึ้น ทำให้เวลาที่มาด้วยกันแทบจะไม่มี เธอเคยเข้าใจว่าเขาทำงานหาเงินเพื่อสร้างตัวให้พ่อแม่ภูมิใจ จนมาถึงจุดที่เขาเปิดร้านเหล้า เปิดผับบาร์ เขาทำแบรนด์น้ำหอมแล้วยังเปิดอู่รถอีก เธอเข้าใจมาตลอดว่าเขาเหนื่อยจนลืมวันสำคัญทุกอย่าง แต่มันก็แปลกที่เขาจำวันเกิดตัวเองได้ เขาไปงานวันเกิดเพื่อนได้แล้วมีของขวัญให้ด้วย เขาจำวันปาร์ตี้ได้ แต่เรื่องเธอเขากลับลืมมันไปหมด เธอแพ้ปูทะเลแต่เขาก็ซื้อมาให้กินคิดแล้วก็ตลกที่เราคบกันมาตั้งนานแต่เขากลับจำอะไรไม่ได้เลย เธอเคยเกือบตายเพราะแพ้อาหารแต่เขาก็ลืม ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าคริสไม่เวลา แต่เขาแค่ไม่ได้ให้ค่าความสำคัญของเธอต่างหาก มันอาจจะจริงที่เธออยู่ในวันที่เขาไม่มีอะไรเลย เธอเข้าใจทุกอย่าง เธอให้กำลังใจและช่วยเหลือเสมอ แล้ววันนี้ที่เขามีทุกอย่างแต่เธอกลับไม่มีตัวตนในควมสำเร็จนั้นเลย เธอยอมถอยออกมารักตัวเอง เธอขอมาทำตามความฝันตัวเองสักครั้งถึงมันจะเหนื่อยมากแล้วก็ตาม ถึงเธอจะหมดแรงลุกขึ้นในทุกเช้าแต่เธอจะต้องฮึดสู้ให้ไหว เธอไม่ได้ใจแข็งหรอกนะ เธอแค่สงสารหัวใจตัวเองเท่านั้น “มีนขอโทษนะที่ไม่สามารถเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว” นี่เธอเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้ด้วย ที่ผ่านมาน้ำตามันยังไหลไม่พออีกรึไง ที่ผ่านมาเธอแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก เกือบทุกวันที่ต้องกินน้ำตาแทนข้าวและหลอกทุกคนว่าไม่เป็นอะไร เธอต้องพยายามหาเหตุผลให้เขาทั้งที่ความผิดมันแค่เล็กน้อย เธอหลอกตัวเองมาตลอดเวลาว่าไม่เป็นอะไรเลย เธอยิ้มให้เขาเสมอทั้งที่หัวใจพังไม่มีชิ้นดี ในตอนนี้คริสอาจจะแค่สับสนที่ไม่มีเธออยู่ข้างกาย แต่เขาก็ต้องอยู่ได้แน่นอน ที่ผ่านมาเขาอาจจะแค่ผูกพันแต่หมดรักกันไปนานแล้วก็ได้ถึงเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเวลาที่เจอเขาถึงอยากกอดต่อให้เขาจะเย็นชามากขนาดไหนก็ตาม จนถึงวันนี้เธอก็ยังเสพติดความอบอุ่นที่หลอกตัวเองมาเนิ่นนาน มันมีด้วยเหรอที่เธอนอนกอดแต่ว่าเขาปัดมือออกแล้วยังหันหลังให้อีก น่าตลกเนอะที่เธอพยายามหรอกตัวเองขนาดนั้น “เพลงนี้นานแล้วนะทำไมฉันยังชอบอยู่นะ” เพลงที่ชอบเปิดฟังบ่อยๆเมื่อก่อนเรียกรอยยิ้ม เรียกกำลังใจ แต่ตอนนี้กลับเรียกน้ำตาแทนเพราะคนที่เคยเล่นกีต้าร์ให้ฟังไม่อยู่แล้ว เพลงนี้ที่เขาเคยใช้เพื่อขอเธอเป็นแฟนมันน่ารักใช่ไหมละ เมื่อก่อนความรักของเธอก็สดใสเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้ แต่เมื่อเราเริ่มจับมือกันเดินอย่างจริงจังแล้วเจอขวากหนามมาทิ้มตำให้ต้องเจ็บอยู่ร่ำไป แต่ยังยึดมั่นกับมือคู่นั้นที่เลือกจับด้วยความอบอุ่นเสมอมา ก่อนที่จะเปลี่ยนไปทีละนิดและเริ่มชิมกับมือที่เย็นชา เมื่อถึงตอนนี้มีเพียงแค่ความอบอุ่นในวันวานแต่ไม่ใช่ปัจจุบันและเราปล่อยมือกันไปในที่สุด เธอยิ้มรับทุกอย่างที่เลือกเองแล้วกอดความเจ็บปวดเอาไว้เสมอ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณคริสมากนะที่ครั้งหนึ่งเขาทำให้เธอรู้ว่าความรักเป็นยังไง เขาทำให้รู้สึกถึงความสุขเวลาที่มีคนรักเคียงข้างในทุกสถานการณ์ไม่ว่าเจ็บปวดขนาดไหนก็ตาม เขาสอนให้เธอเข้าใจว่าทุกอย่างนั้นผันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่เลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้า แม้แต่ใจของคนก็เปลี่ยนไปตามเช่นกัน ตอนนี้เหลือแค่อดีตที่ยังคร่ำครวญ เหลือแค่ความรักที่ยังติดค้างในใจ แล้วอย่างน้อยในวันที่เขาไม่ได้ทิ้งกันแต่ก็เหมือนทิ้งเธอแล้ว นั่นทำให้รู้ว่าสิ่งสำคัญคือต้องรักตัวเองให้มากพอ ตอนนี้มันอาจจะยังเจ็บปวดอย่างสาหัสจนรู้สึกว่าทนแทบไม่ไหว แต่สุดท้ายเธอต้องก้าวพ้นมันไปให้ได้ไม่ช้าก็เร็ว ต่อให้วันนี้เธอจะยังรักอดีตมากขนาดไหน แต่สักวันเธอต้องปล่อยมันไปเพื่อคว้าอนาคตเอาไว้ในมือ ยังไงซะความรักก็ไม่ผิดหรอก คนต่างหากละที่ทำให้มันพังลงไปเอง มีนยืนริมระเบียงห้องมองท้องฟ้าที่แทบไม่มีดวงดาวเลย มีแค่ดวงจันทร์ที่ยังส่องสว่างเสมอ ไม่รู้ว่าคืนนี้จะผ่านไปได้ยังไงเหมือนกัน เธอคิดถึงคริสเหลือเกิน เธอยังต้องการเขาอยู่ในทุกช่วงเวลา แต่ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนสิ่งของได้แล้ว เธออยากให้เขามากอดด้วยความรักจริงๆอีกสักครั้ง เธออยากได้ยินเขาบอกรักแต่มันคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ในแต่ละวันที่ผ่านมาเธออยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าเหนื่อยมากขนาดไหน เธออยากได้กำลังใจจากเขาจนแทบคลั่ง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก คนบอกเลิกทั้งที่ยังรักมันทรมานมากนะ ต้องใจแข็งมาและต้องอยู่คนเดียวให้ไหว คริสกำลังอยู่ในโลกที่สดใสสวยงามตามความฝันของเขาที่วางไว้ แม้ว่าเธอเป็นคนช่วยสร้างแต่ไม่สามารถช่วยได้จนสุดทางก็ไม่เป็นอะไรเลย ตอนนี้เขามีคนช่วยเยอะกว่าเมื่อก่อนแล้ว เธอขอกลับมาดูแลตัวเองถึงมันแทบจะตายในบางครั้งก็ตาม ครั้งนี้ที่อยากจะจบชีวิตตัวเองเพื่อดับความทรมานที่มี “มีนขอโทษนะคริส” หลังจากที่เจอกันในวันนั้นคริสพยายามจะหาทางเจอมีนอีกครั้ง เขารู้สึกเคว้งคว้างมากตั้งแต่วันที่เธอหายออกไปจากชีวิต เขาอยากจะดึงเธอเข้ามากอดแต่ก็ไม่เคยทำได้เลย มีนเว้นระยะห่างให้เขาเสมอ แล้วเมื่อไรก็ตามที่เขาโวยวายไม่พอใจขึ้นมา เธอจะขีดเส้นใต้ความสัมพันธ์แล้วเน้นย้ำให้เขาได้จดจำว่าเราเลิกกันไปแล้ว ตั้งแต่เลิกกันเขามีแต่คำว่าทำไมมาตลอด แต่ตอนนี้รู้คำตอบแล้ว “แคก่ๆๆ” คริสนอนซมเพราะพิษไข้ “ใกล้ตายยังห่ะ?” ชินมาอยู่เฝ้าเพื่อนเพราะมันไม่มีเมียมาดูแลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว “ปากหมาแล้วไอ้สัตว์!” ให้เพื่อนดูมันก็ดูอย่างเดียว ข้าวน้ำยาเขาต้องเป็นคนบอกมันเองทุกอย่าง จนตอนนี้เริ่มไม่เข้าใจแล้วว่ามันแค่อยากเปลี่ยนที่นอนเฉยๆรึเปล่า “พรุ่งนี้วันที่เท่าไรวะ?” “วันที่ 9 ทำไมห่ะ มีปาร์ตี้อะไรเหรอวะ?” “พรุ่งนี้วันเปิดร้านของมีนอะดิ กูต้องไป” เขานึกออกจนได้ทั้งที่ปรกติเขาแทบไม่เคยใส่ใจกับเรื่องพวกนี้เลย “มึงดูสังขารตัวเองก่อนไหม สภาพใกล้ตายขนาดนี้ยังอยากนะ” ชินปรายตามองเพื่อนพร้อมกับส่งไลน์ไปถามไอ้โตด้วย “ถ้ามีนอยู่กูคงหายนานแล้ว ไม่มานอนเน่าแบบนี้หรอก” เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอเพราะมัวแต่นอนป่วย ต่อให้คิดถึงมากแค่ไหนก็ได้แค่เลื่อนดูอินสตาแกรมของเธอแค่นั้น “กว่าจะรู้ตัวนะมึงไอ้ควาย! มีนไม่อยู่แล้วตัดใจเถอะ” “กูพยายามแต่กูลืมไม่ได้ สองเดือนมานี้กูรู้สึกเหมือนตายให้ได้เลย” ถึงไม่ตายแต่ก็ใกล้เคียงแล้วแหละ เขาไม่รู้ว่าจะทนสภาพนี้ไปได้อีกนานขนาดไหนมีนถึงจะให้อภัยคนขี้ลืมแบบเขา สัญญาเลยถ้าเธอกลับมาจะดูแลให้ดีกว่าที่ผ่านมา กว่าจะรู้ว่าเขาละเลยไม่เคยใส่ใจมีนก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว นึกถึงเมื่อก่อนตอนเลิกกันใหม่ๆเหมือนกันนะ เขาเอาแต่โทษเธอแล้วไม่เข้าใจเหตุผลจนมาถึงวันนี้ที่เข้าใจด้วยตัวเอง เมื่อก่อนเขาคิดแค่ว่ารักมันก็เพียงพอต่อชีวิตคู่แล้ว เขาแค่คิดว่าจะทำดีกับมีนตอนไหนก็ได้เพราะเธอคงไม่หายไปไหน จนกระทั่งเราเลิกกันไปสองเดือนเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำเลยสักครั้งเดียว “มีนจะคืนดีกับกูไหมวะ?” มันก็เป็นแค่คำถามโง่ๆของคนโง่อย่างเขานี่แหละ แต่ก็อยากจะมีความหวังต่อไป “กูไม่รู้วะ” “หายเมื่อไรกูจะเดินหน้าง้อเมียเต็มที่เลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม