EP 1
ตอน สายน้ำไหลกลับ
จตุรภัทร นิธิสุวัฒนาฐากร ในวัยสามสิบเอ็ดปีเต็มกำลังยื่นสูทกับกระเป๋าแล็ปท็อปให้สมคิด ผู้เป็นคนขับรถประจำ หลังลงบันไดมาแล้ว จากนั้นก็ตรงเข้าห้องอาหาร ที่มีสมาชิกในบ้านครบ แม่บ้านเหมือนรู้เมื่อเห็นสภาพคุณชายใหญ่ของบ้าน เลยรีบจัดกาแฟสดเพียวๆ ให้ก่อนเรื่องอื่นใด
“เมื่อคืนกลับบ้านกี่ทุ่มกี่ยามล่ะพ่อคุณ ดูสภาพซินั่น แล้ววันนี้จะไปทำงานไหวมั้ย” ปัทมาภร นิธิสุวัฒนาฐากร เอ่ยทักลูกชายสุดรักเป็นคำแรก
“พอทนครับมี้ ไม่ไหวเลยลูกค้ากลุ่มนี้ เที่ยวดุน่าดู ตีสามแล้วยังไม่อยากกลับ” ลูกชายเอ่ยก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเรียกเรี่ยวแรง
“ดีแล้วที่ฉันยกหน้าที่พวกนี้ให้แก ไม่งั้นป่านนี้คงตื่นไม่ไหวแน่ๆ แก่แล้วเรื่องเที่ยวดึกนี่เห็นทีจะไปกันไม่ได้”
จตุพล นิธิสุวัฒนาฐากร วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วให้ความสนใจกับมื้อเช้าแบบจริงๆ จังๆ
“พี่ภามขาเที่ยวค่ะป๊า เรื่องพวกนี้ต้องยกให้เลย”
ปรียากรณ์ นิธิสุวัฒนาฐากร เองก็อดผสมโรงกับพ่อแม่ไม่ได้ เมื่อเห็นสภาพพี่ในเช้านี้
“ไม่ต้องมาทำพูดดีเลยเรา ใช่สิ! อยู่พีอาร์ มีแต่นั่งปั้นหน้าสวยๆ คอยต้อนรับแขกสบายๆ ไม่เหมือนพี่ ต้องดูตั้งแต่หน้าประตูยันดาดฟ้าบริษัท”
พี่บ่นน้องสาวคนเดียวบ้าง แล้วก้มลงไปสนใจกับข้าวต้มชามโตที่แม่บ้านยกมาวางไว้ตรงหน้า
“ว่าแต่เรื่องบริษัทเพื่อนเราที่ไปดูกับป๊าเมื่ออาทิตย์ก่อนล่ะจ๊ะ ตกลงจะซื้อมั้ย ถ้าซื้อจะไหวเหรอ แค่งานของตัวเองก็จะแย่แล้ว”
ปัทมาภรเพิ่งนึกได้
“แล้วแต่ป๊าเลยครับ ผมยังไงก็ได้” ลูกชายเลยโบ้ยให้พ่อทันที
“อ้าว! จะมาแล้วแต่ป๊าทำไม ก็ป๊าบอกแกตั้งแต่กลับจากไปดูโรงงานแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าตามใจแกทุกอย่าง อยากจะซื้อหรือไม่อยากก็ได้หมด เพราะป๊าไม่ไปบุกอีกอยู่แล้ว ถ้าไม่เหนื่อยแกก็ซื้อเลย หรือถ้าเหนื่อยก็แล้วแต่”
พ่อก็โบ้ยมาให้ลูกอีก
“อ้าว! ตกลงยังไงกันแน่สองพ่อลูก ซื้อหรือไม่ซื้อ”
“เฮ้อ! ไว้ผมคิดอีกทีก่อนก็แล้วกันครับมี้ เพิ่งจะลุยงานที่บริษัทให้อยู่ตัวไม่เท่าไหร่ ถ้าต้องลุยอีกที่ผมคงต้องขอพักก่อนครับ ในเมื่อกรรมการบริหารควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารออกตัวว่าจะไม่ยุ่งซะขนาดนี้ เห็นทีถ้าผมตกลงซื้อก็คงจะเหนื่อยอีกยกแน่ๆ เลยครับ”
ลูกชายปรายตาไปหาพ่อที่ยังอ้อยอิ่งอยู่กับชามข้าวต้มตรงหน้า ส่วนเขานั้นจำต้องรีบกินรีบไป เพราะประชุมเช้าตอนเก้าโมง จะต้องไปเตรียมตัวก่อน
“จะไปแล้วเหรอลูก”
“ครับ ใครจะใจเย็นอยู่ได้ล่ะครับ งานล้นมือ ไม่เหมือนท่านประธานกับรองประธานฝ่ายพีอาร์นี่ครับ จะได้ไม่ต้องเครียดและงานน้อยๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ”
“อ้าว! จะไม่กลับบ้านหรือไงคืนนี้” แม่อดสงสัยไม่ได้
“ไม่แน่ใจครับ ต้องไปงานวันเกิดไอ้ติต่อครับ อาจจะค้างคอนโด หรือถ้ากลับก็คงจะดึกมาก คงไม่ได้เห็นมี้หรอกครับ ไปนะครับ”
ทิชชูถูกชายหนุ่มหยิบมาเช็ดปากแล้วรีบผละจากห้องอาหารทันที เมื่อมีงานรออยู่ล้นมือจริงๆ เพราะเขารับหน้าที่บริหารเกือบทั้งหมดจากพ่อมาได้สามปีกว่าแล้ว และเนื่องจากวันนี้ตื่นสาย เลยได้ออกบ้านสายคือแปดโมงเช้า การจราจรบนท้องถนนก็ติดขัดกว่าทุกวัน
กว่ารถยุโรปหรูหราราคาแพงที่มีสมคิดเป็นคนขับจะแล่นผ่านประตู บริษัท N.T. Food Group จำกัด (มหาชน) หรือมีชื่อย่อคือ NTFG เข้าไปนั้น ก็เกือบเก้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ลงรถได้ชายหนุ่มเลยต้องรีบสาวเท้าด้วยท่วงท่ามั่นคง ส่วนสูงร้อยแปดสิบห้า กับใบหน้าและผิวพรรณขาวในแบบลูกชาวจีน รองเท้าหนังขัดมันวาววับกับสูทสีน้ำเงินช่วยส่งให้เขาดูดีไร้ที่ติ
“สวัสดีค่ะท่านรอง”
ชายหนุ่มจำต้องคอยพยักหน้าหรือไม่ก็ยกมือรับไหว้นับตั้งแต่เดินเข้าประตูมาถึงยังหน้าห้องทำงาน มีป้ายโลหะประทับอักษรสีทองเอาไว้ด้านหน้าว่า ‘รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร’ ซึ่งชื่อเขาในชาร์ตจะอยู่ใต้ชื่อพ่อกับคณะกรรมการบริหารเท่านั้น
ตามด้วยตำแหน่งยาวยืดในบรรทัดล่างที่เขียนว่า ‘ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ธุรกิจครบวงจรสัตว์บก’ นั่นหมายถึงการกินควบสองตำแหน่งเหมือนคนเป็นพ่อความรับผิดชอบของเขาที่มีในบริษัทส่งออกอาหารแช่แข็งนี้มากมายหลายอย่าง
“อีกยี่สิบนาทีผมจะเข้าห้องประชุมนะครับคุณดวง”
เขาบอกเลขาคู่ใจวัยสี่สิบ ก่อนเดินเข้าประตู สมคิดหิ้วกระเป๋ากับเสื้อสูทเปิดรอให้อยู่แล้ว เอกสารรอการอนุมัติบนโต๊ะถูกเรียงไว้ตามลำดับความสำคัญแล้ว มะเฟืองซึ่งเป็นพนักงานทั่วไปของแผนกยกน้ำดื่มกับชาร้อนๆ มาวางไว้ตามหน้าที่แล้วก็รีบออกไป
“วันนี้มีอะไรบ้างครับ”
ดวงตาเข้ามาพร้อมสมุดบันทึกแล้วรายงานเรื่องต่างๆ ตามปกติ จากนั้นวันทั้งวันของท่านรองประธานก็จะยุ่งเหยิงไปด้วยภารกิจหลากหลาย กว่าจะได้ออกจากบริษัทก็เกือบหนึ่งทุ่ม ซึ่งถือว่าเร็วกว่าทุกวัน เพราะมีงานต้องไปต่อ สมคิดขับรถไปส่งยังคอนโดหรูหราที่เขามีไว้ใช้ยามไม่อยากกลับบ้าน ซึ่งอยู่ไกลออกไปและต้องฝ่ารถติดเป็นชั่วโมง
“อีกไม่น้อยกว่าสามชั่วโมง ถ้าจะกลับไปกินข้าวกับลูกเมียก่อนก็ได้นะสมคิด ไว้ใกล้จะเลิกผมจะโทรบอกเอง หรือถ้าไม่ไปก็เข้าไปหาอะไรกินในงานได้”
แล้วเขาก็ก้าวออกจากรถในชุดสบายๆ คือกางเกงยีนสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพอดีตัวสีฟ้าอ่อนๆ เดินตรงเข้างาน ในมือมีวิสกี้ราคาขวดละหมื่นนิดๆ ติดไปด้วย โต๊ะต่อกันไว้ยาวยืดมีผองเพื่อนร่วมราวยี่สิบกว่าคนคือเป้าหมายให้เดินตรงไป
“Happy birthday นะเพื่อน”