บ้านที่ฮ่องกง
“เธอจะไม่ไปดื่มต่อกับฉันจริงๆเหรอ”
“ฉันให้นายมาส่งถึงหน้าบ้านขนาดนี้นายยังคิดไม่ได้อีกเหรอว่าฉันจะไปหรือไม่ไปกับนาย”
ฉันตอบเอริคออกไปตอนนี้หมอนี่มาส่งฉันที่บ้านค่ะหลังจากที่ทานมื้อเย็นกันเสร็จเอริคก็ชวนฉันไปดื่มต่อแต่ฉันไม่อยากไปค่ะช้อปปิ้งเสร็จก็อยากกลับบ้านอยากมาอยู่มาคุยกับแม่เพ็ญเพราะอีกไม่กี่วันแม่เพ็ญก็จะกลับไทยแล้ว
“พรุ่งนี้อยากไปไหนอีกไหมฉันจะมารับ”
“นายไม่คิดจะทำการทำงานบ้างเหรอเอริคถึงได้มีเวลาพาฉันเที่ยวทุกวัน”
“เธอก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ต้องทำงานก็เลี้ยงเธอได้สบายเฟรนด์ลี่”
อย่าจะเบ้ปากแล้วมองบนใส่จริงๆเลยค่ะกับคำพูดของเอริคหมอนี่ชอบพูดจาอวดร่ำอวดรวยแบบนี้ตลอดจนบางทีฉันก็รำคาญ อีกไม่นานฉันก็คงจะสลัดเขาออกแล้วค่ะเพราะฉันไม่ได้คุยกับเขาแค่คนเดียวก็ฉันโสดหนิคะจะคุยกับใครกี่คนก็ได้
“นายกลับไปได้ละฉันจะเข้าบ้านแล้ว”
พูดจบฉันก็เดินถือถุงแบลนด์ดังที่ฉันไปถลุงเงินเอริคชอปมาเข้าบ้านทันที
“เอาของขึ้นไปเก็บให้ที ส่วนถุงที่เป็นขนมเอาไปแบ่งๆกันนะ”
ฉันส่งถุงพวกนั้นให้คนใช้ที่เดินมารับของจากฉันก่อนที่ฉันจะเดินไปหาแม่เพ็ญที่ห้อง
“จ๊ะเอ๋!! คุยอะไรกันอยู่คะ”
พอเปิดประตูห้องแม่เพ็ญเข้าไปฉันก็เจอคุณปู่ที่มานั่งคุยเป็นเพื่อนแม่เพ็ญ
“กำลังคุยเรื่องหาแฟนให้เจ้าลีอยู่”
แล้วนี่ก็คือคำตอบของคุณปู่ หาแฟนให้พี่ลีงั้นเหรอ ฉันอยากจะบอกเหลือเกินว่าถ้าจะหาต้องหาผู้ชายนะเพราะลีน่าไม่ชอบผู้หญิง
สงสัยกันใช่ไหมละว่าทำไมฉันถึงคิดแบบนี้ก็ตั้งแต่เด็กจนโตฉันยังไม่เคยเห็นพี่ลีคบผู้หญิงคนไหนเลยแล้วเวลาฉันเรียกเขาว่าลีน่าเขาก็ไม่เคยปฏิเสธแบบนี้เขาเป็นชัวร์ๆอยู่แล้ว
“เฟรนด์ว่าคุณปู่กับแม่เพ็ญควรเผื่อใจเรื่องแฟนพี่ลีไว้บ้างก็ดีนะคะบางทีถ้าพี่ลีมีแฟนๆเขาอาจจะไม่ถูกใจคุณปู่กับแม่เพ็ญ”
“พูดจาอะไรไร้สาระหะเรา ว่าแต่เราเถอะปู่เห็นควงคนนั้นทีคนนี้ทีเมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขา”
“ชีวิตสาวโสดสุดแซ่บของเฟรนด์มีค่ามากเกินกว่าที่จะเอาไปผูกมัดกับใครค่ะคุณปู่”
ฉันตอบคุณปู่ออกไปแล้วหมุนตัวฟูลเทิร์นโชว์หนึ่งรอบก่อนที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆ แม่เพ็ญ
“แม่เพ็ญดีใจไหมอีกไม่กี่วันก็จะได้กลับไทยแล้ว”
“ดีใจสิลูก! แม่อยากเห็นหน้าลูกเขยเต็มทีแล้วดูสิว่าจะหน้าตาดีเหมือนน้องสาวอย่างหนูเฟรนด์รึเปล่า”
ลูกเขยแม่เพ็ญก็ไม่ใช่ใครหรอกค่ะเฮียฟาโรห์พี่ชายฉันเอง
“เรื่องน่าตารับรองแม่เพ็ญไม่ผิดหวังค่ะแต่เรื่องนิสัยใจคอเฟรนด์ไม่รับรอง”
“ว่าแต่เราเถอะจะไม่กลับไปอยู่ไทยแล้วจริงๆ เหรอ”
แล้วคุณปู่ก็ถามคำถามนี้กับฉันอีกแล้วค่ะตั้งแต่มาก็ถามแบบนี้ตลอด
“ไม่ค่ะเฟรนด์จะอยู่ที่นี่ช่วยวานคุณปู่ช่วยงานเฮียฟีนิกส์”
“ยังไม่หายโกรธพี่เขาอีกเหรอลูก”
แล้วแม่เพ็ญก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาก็เรื่องฉันกับพี่ลีนั้นแหละค่ะถามว่าฉันยังโกรธเขาอยู่ไหมมันก็โกรธนะแต่ก็ไม่เท่าตอนแรกๆ ฉันน่ะน้อยใจมากกว่า
“เป็นพี่น้องกันอย่ามาทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
คุณปู่พูดประโยคนี้ขึ้นมาแล้วมองหน้าฉันอย่างกดดัน
“เฟรนด์ไม่ได้โกรธแล้วแค่..เคืองๆ”
“งั้นก็คุยกับพี่มันซะวันนี้ได้ยินว่าลีมันตามง้อเราอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิคะ”
ฉันตอบออกไปแล้วหยิบมือถือมากดเล่นฟังผู้ใหญ่สองคนพูดเรื่องพี่ลีแล้วมันเซ็งๆ
“ไม่รู้! หรือว่าเราทำเป็นไม่สนใจพี่มันกันแน่”
“สรุปคือทั้งสองคนอยากให้เฟรนด์หายโกรธพี่ลีใช่ไหมคะ เอาเป็นว่าเฟรนด์ไม่โกรธพี่ลีแล้วก็ได้แต่เรื่องที่จะให้คุยกันเหมือนเดิม เฟรนด์ขอเวลาหน่อยก็แล้วกันนะคะ”
พูดจบฉันก็เลี่ยงออกมาทันทีค่ะทำไมถึงได้มีแต่คนเข้าข้างพี่ลีจังเลยทั้งๆที่เขาเป็นคนทำฉันเสียความรู้สึก
เวลา 23.30 น
“หิวข้าวจังเลย! แล้วก็ต้องหิวเวลานี้ทุกทีสิน่า”
ฉันพูดกับตัวเองขณะที่เดินลงมาชั้นล่างเพื่อที่จะไปหาอะไรกินในครัวตามปกติของทุกวันฉันหิวกลางดึกแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วและก็เหมือนแม่บ้านที่นี่จะรู้ค่ะเพราะฉันลงมาทีไรก็มักจะมีกับข้าวเตรียมไว้ให้ตลอด บอกไว้ก่อนถึงฉันจะเป็นผู้หญิงที่สวย หุ่นดี แต่ฉันไม่ได้เคร่งครัดเรื่องการบริโภคนะคะไอ้เรื่องห้ามทานอะไรตอนดึกตามแบบฉบับผู้หญิงเฮลตี้ฉันไม่เคยทำตามอยู่แล้วหิวเวลาไหนก็กินเวลานั้นไม่อยากทรมานกระเพาะอาหารตัวเอง
ซ่าาา!!
“หอมจัง”
เดินเข้ามาใกล้ๆห้องครัวฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนผัดอะไรสักอย่างพร้อมกับมีกลิ่นหอมๆลอยเข้ามาเตะจมูกพอเดินไปถึงประตูห้องครัวฉันก็เห็นหลังของผู้ชายคนหนึ่งใส่เชิ้ตสีดำกางเกงยีนต์สีดำใส่ผ้ากันเปื้อนพร้อม ยืนทำอาหารอยู่หน้าเตาผู้ชายที่ว่าก็คือพี่ลีค่ะ
“จะแอบมองอีกนานไหม”
นี่เขารู้เหรอคะว่าฉันแอบมองอยู่มีตาข้างหลังรึไงกัน
“เฟรนด์ไม่ได้แอบมองสักหน่อย”
“หึ!!..หิวอะดิ”
รู้ดีไปอีก! ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่าฉันหิว
“เปล่า..เฟรนด์แค่ลงมาหาน้ำกิน”
พูดจบฉันก็เดินไปเปิดตู้เย็นแต่สายตาฉันก็มองหาจานข้าวที่ปกติแม่ครัวมักจะทำวางไว้ให้แต่ทำไมวันนี้มันไม่มี
“หาจานข้าวอยู่เหรอ นั่งรอก่อนนะพี่กำลังทำอยู่”
พูดอะไรของเขาคะแล้วรู้ได้ไงว่าฉันกำลังมองหาจานข้าว
“เพ้อเจ้ออะไรของพี่เฟรนด์ไม่ได้มองหาจานข้าวสักหน่อย”
“ก็ลงมาหาข้าวกินเวลานี้ทุกคืนไม่ใช่เหรอ”
ทำไมเขารู้ค่ะว่าฉันลงมาหาข้าวกินเวลานี้
“พี่รู้ได้ไง”
“พี่เป็นคนทำกับข้าววางไว้ให้ทุกวันไม่รู้ก็แปลกแล้ว”
“......”