“อร่อยไหม!!”
“อือ!!”
ตอบยาวกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอวะอุตส่าห์ทำกับข้าวให้กินทุกคืนวันนี้รู้ความจริงว่าผมเป็นคนทำไว้ให้ก็มีสตั้นไปเหมือนกันนะครับแต่ก็ยังไม่ยอมคุยยาวๆ กับผมอยู่ดี
“ตอบสั้นจังเฟรนด์ลี่คนเดิมที่พูดจาเป็นต่อยหอยกับพี่หายไหนแล้ว!”
เงยหน้าจากจานข้าวแล้วเหลือบตามองผมแล้วก็เงียบใส่เหมือนเดิม
“เป็นเดือนแล้วเนอะ”
“บ่นอะไร! ถ้าพี่จะมานั่งพูดคนเดียวแบบนี้ก็ขึ้นไปนอนไป”
พูดแล้วครับยอมพูดกับผมละถึงมันจะเป็นประโยคผลักใสก็เถอะ
“พี่ไม่ได้บ่นแล้วพี่ก็ไม่ได้พูดคนเดียวพี่กำลังพูดกับเฟรนด์อยู่”
“มาพูดทำไม..เฟรนด์มันคนนิสัยไม่ดีพี่จะอยากมาพูดมาคุยด้วยทำไมกัน”
ประชดเก่ง!! งอนเก่ง!! ผมก็ดันเสือกง้อไม่เก่งแบบนี้คงต้องพูดตรงๆ ตามสไตล์ผม
“ดีกันนะ”
เคร้ง!!
วางช้อนกับส้อมเสียงดังขนาดนี้สงสัยไม่พอใจนิ้วก้อยที่ผมยื่นไปกระดิกใส่ตรงหน้า ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกครับผมยื่นนิ้วก้อยใส่เฟรนด์วิธีง้อแบบออริจินอลที่ใครๆ ก็ทำกันเพราะฉะนั้นคนอย่างผมทำมันก็ไม่แปลก
“ทำอะไรของพี่เนี้ยะ”
“ง้อไง”
ไหนๆน้องมันก็ถามออกมาแบบนี้ผมก็บอกมันไปตรงๆ เลยก็แล้วกันครับ
“ง้อเฟรนด์!!”
“อือ!!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
อยู่ดีๆ ก็ขำขึ้นมาเฉยเลยว่ะเมื่อกี้ยังหน้าบึ้งใส่ผมอยู่เลย
“วันนี้ไปดื่มกับฟีนิกส์มาเยอะเหรอถึงได้ทำอะไรไร้สาระแบบนี้ได้”
“พี่ไม่ได้เมา...พี่ตั้งใจจะง้อเฟรนด์แบบนี้จริงๆ”
“หมดกัน!! คุณลีผู้เงียบขรึมถ้าพวกลูกน้องมาเห็นพี่ทำแบบนี้เสียการปกครองแน่”
ต่อหน้าคนอื่นผมก็คงไม่ทำแบบนี้หรอกครับตอนนี้อยู่กับน้องมันแค่สองคนไงผมถึงได้ทำ
“สรุปจะหายโกรธพี่ไหมละ”
“ทีตอนว่าตอนด่าเฟรนด์ไม่คิด”
ได้ทีใส่ผมใหญ่เลยดิทีนี้แต่นาทีนี้สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือยอมครับ
“ขอโทษ”
ผมพูดแล้วมองหน้าเฟรนด์ที่ตอนนี้กำลังตักข้าวเข้าปากตัวเองอยู่น้องมันก็มองผมค้างอยู่พักหนึ่งครับ
“เฮ้อ!!...เอาจริงๆเฟรนด์ก็ไม่ได้โกรธอะไรพี่แล้วเฟรนด์ก็แค่น้อยใจ”
“น้อยใจพี่”
“ก็ใช่น่ะสิ!! พี่ก็รู้ว่าที่ผ่านมาพี่เป็นคนที่เข้าใจเฟรนด์ที่สุดแต่อยู่ๆ พี่กลายมาเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลกับเฟรนด์อ่ะ”
เฟรนด์พูดประโยคนี้ออกมาเหมือนน้องมันอัดอั้นเหมือนกันนะครับ
“จะให้พี่ทำยังไงเราถึงจะคุยกันได้เหมือนเดิม”
“ไม่ต้องทำยังไงหรอกเฟรนด์ก็ไม่อยากอึดอัดแล้วเหมือนกันที่ต้องหลบหน้าที่ไม่ได้คุยกับพี่ความรู้สึกมันเหมือนเพื่อนสาวคนหนึ่งหายไป”
“เพื่อนสาว!”
ผมขมวดคิ้วแล้วถามเฟรนด์ออกไปอย่าบอกนะว่าทุกวันนี้เฟรนด์มันยังคิดว่าผมเป็นเกย์อยู่
“ก็พี่เป็นเพื่อนสาวของเฟรนด์ไงจำไม่ได้เหรอ กลับมาคุยกันเหมือนเดิมก็ดีเฟรนด์จะได้ไม่เหงา”
“เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่าพี่เป็นสักที”
“ก็พี่เป็นจริงๆ จะให้เฟรนด์เลิกคิดได้ไง”
ให้ตายเถอะว่ะกะอีแค่ผมไม่คบใครไม่ควงผู้หญิงคนไหนมันทำให้เฟรนด์คิดได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ
“เมื่อกี้คุณปู่กับแม่เพ็ญคุยกันเรื่องจะหาแฟนให้พี่ด้วยนะ เฟรนด์ว่าพี่ไปบอกความจริงกับพวกเขาเถอะผู้ใหญ่จะได้ไม่คาดหวังเผื่อวันไหนที่พี่อยากเปิดตัวแฟนผู้ชายของพี่ทุกคนจะได้ไม่ตกใจ”
ไปกันใหญ่แล้วครับเฟรนด์แม่งคิดไปไกลมากเลยว่ะแล้วดูท่าเหมือนจะฉุดลงไม่ได้แล้วด้วย
“อะไรทำให้เฟรนด์คิดว่าพี่เป็น”
“ก็เฟรนด์ไม่เห็นพี่จะควงจะคบกับผู้หญิงคนไหนเลยทั้งๆที่สังคมของพวกพี่มีผู้หญิงรายล้อมขนาดนั้นดูอย่างเฮียฟาร์กับพี่พีทสิ”
“เฟรนด์ไม่คิดว่าพี่อยากเก็บซิงของพี่ไว้ให้คนที่ใช่สำหรับพี่จริงๆบ้างเหรอ”
“พี่ลี!!...ไม่มีผู้ชายที่ไหนเขาคิดแบบพี่หรอกนะแค่พี่คิดจะเก็บซิงของพี่ไว้แบบนี้พี่ก็คือผู้หญิงแล้ว”
พูดแล้วก็ขำใส่ผมไม่หยุดเลยทีนี้ทำไมครับผู้ชายที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาเลยอย่างผมมันผิดปกติผิดวิสัยผู้ชายมากเหรอครับ
“ความจริงพี่เคยมีแฟนนะ”
“แฟนผู้ชายเหรอ!!”
ยังครับยังไม่หยุดคิดอีกให้ตายเถอะว่ะ
“ผู้หญิง”
“แหม่ๆๆ อย่ามาแต่งเรื่องกลบเกลื่อนตั้งแต่จำความได้เฟรนด์ยังไม่เคยเห็นพี่คบใครเลย พอเลยเลิกคุยยังไงๆพี่ลีก็คือพี่ลีน่าของ เฟรนด์ไปนอนเถอะ เฟรนด์อิ่มแล้ว”
พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วชวนผมขึ้นไปนอนเฉยเลยสรุปตอนนี้ผมกับเฟรนด์กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ
ปึก!!
“โอ้ย!!”
“ทำไมซุ่มซ่ามจังวะเฟรนด์”
กำลังจะเดินออกจากห้องครัวอยู่ดีๆ เฟรนด์ก็เดือนไปเตะขาโต๊ะซะงั้น
“ไหนพี่ดูดิ”
ผมเดินไปแล้วก้มลงดูที่เท้าให้เฟรนด์แม่งแดงเลยว่ะ
“เจ็บไหม”
ในจังหวะที่ผมกำลังเงยหน้าขึ้นไปถามมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เฟรนด์ก้มลงมามองพอดีแล้วสายตาของเราสองคนก็มองกันค้างอยู่แบบนั้นผมกับเฟรนด์เราไม่เคยมองตากันใกล้ๆแบบนี้มาก่อนทำไมผมรู้สึกแปลกๆวะยิ่งมองที่ริมฝีปากเฟรนด์ใจผมก็ยิ่งเต้นแรงแล้วอยู่ๆ ผมก็
จุ๊บ!!!
“อื้อออ!!”