8
"ว่าแต่เขา ทีตัวเองล่ะ เมื่อไหร่จะยอมหมั้นและแต่งงานกับยาย ฟ้าซักทีละ แม่บ่นจนหนูหูชาไปหมดแล้วนะ” สร้อยสุรางค์จ้อจนพี่ชายฟังแทบไม่ทัน เธอกลัววันหนึ่งจะมีผู้หญิงอุ้มเด็กมาแล้วบอกว่านี่เป็นลูกของพี่ชาย ดูอย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนสิ ยายแก้วหน้าม้ามาประกาศตัวเป็นแฟนของปฐพีที่บ้าน ทำให้แม่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงและเธอต้องมารับเคราะห์เพลิงโทสะจนต้องรีบหาสำลีมาอุดหูเอาไว้ ไม่เช่นนั้นหูคงจะชาไปสามวันแปดวัน
"เอาน่า พี่ป้องกันอย่างดี อีกอย่างพี่ไม่น่ากลัวหรอก แกนั่นแหละยายสุรางค์ ไม่รู้เมื่อไหร่จะโดนไอ้หนุ่มที่แอบมาส่งดอกไม้ให้บ่อยๆ ฉุดกระชากลากเข้าไปในพงหญ้า”
"เรื่องอะไรไอ้คุณพี่ดิน มาแช่งหนูทำไม ตัวเองนะเอาตัวให้รอดก่อนเถอะ คอยดูนะ เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เมื่อไหร่ หนูจะหัวเราะให้ฟันหักเลย" สร้อยสุรางค์คาดโทษพี่ชาย ขอหัวเราะก่อนหาทุนเที่ยวพร้อมกับความช่วยเหลือ แค่คิดถึงเงินก้อนใหญ่ที่จะได้ สร้อยสุรางค์ตาเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที
สร้อยสุรางค์หันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นหู สาวน้อยร่างเล็กบางผมยาวเลยบ่ามาเล็กน้อย ใบหน้ายาวรี ดวงตากลมโต คิ้วโก่ง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ เพียงแค่เห็นคนที่กล้าหัวเราะเธอสร้อยสุรางค์ก็แยกเขี้ยวใส่เพื่อนรักทันที
“มาเมื่อไหร่นะฟ้า แล้วตัวหัวเราะอะไร ทำไม ถูกใจนักหรือไงที่เห็นเค้าโดนพี่ดินว่าเอานะ” สร้อยสุรางค์หันไปค้อนพี่ชายและเพื่อนรักพร้อมๆ กัน ใบหน้าสวยงอง้ำ
เนตรดาวยกมือกุมท้องหัวเราะ “เปล่า ฉันไม่ได้หัวเราะที่แกโดนพี่ดินว่าเอา แต่มันขำที่เห็นหน้าแกเป็นเหมือน....เหมือน.....”
“เหมือนอะไรฟ้า พูดให้มันดีๆ นะ ไม่งั้นเธอนั่นแหละจะตายเป็นคนแรก” มือหนึ่งสร้อยสุรางค์โอบรอบเอวแกร่งของพี่ชาย อีกมือก็ชี้หน้าเนตรดาวที่ยังยืนหัวเราะไม่ยอมหยุด
“ก็เหมือน...เหมือนไหร่หว่า? อ๋อ...นึกออกแล้ว เหมือนลิงที่เราไปเที่ยวที่ราชบุรีกันไงเพื่อน จำได้ไหมที่มันมานั่งมองตาแกแล้วยื่นมือมาขอกล้วยไปกินไง ฉันว่าหน้ามันแดงๆ เหมือนหน้าแกตอนนี้เลยนะ”
“เออ...เอาเข้าไป ทั้งพี่ชายและเพื่อนรักต่างก็รุมรังแกฉันคนเดียว นี่คงกะจะให้ฉันรีบไปไกลๆ ใช่ไหมล่ะ เธอกับพี่ดินจะได้มีเวลาจู๋จี๋กันก่อนอาหารเย็น ก็ได้...ก็ได้” สร้อยสุรางค์แสร้งทำเสียงน้อยใจ แต่ก็เดินเข้าไปในบ้าน “ฉันไปช่วยแม่ทำอาหารในครัวก็ได้ เชิญคุณพี่ชายสุดหล่อและว่าที่คุณพี่สะใภ้สุดสวยจู๋จี๋กันให้พอใจนะคะ”
“เออ...แกเข้าใจอะไรง่ายดีนะน้องรัก ว่าแต่น้องสาวของพี่จะเข้าไปช่วยแม่ทำอาหาร หรือจะเข้าไปช่วยแม่เปลี่ยนถ้วยชามชุดใหม่กันแน่” ปฐพีพูดพร้อมกลั้นเสียงหัวเราะจนหน้าแดง ก็น้องสาวเขานะซุ่มซ่าม เดินเตะโน่นชนนี่เป็นประจำ
เนตรดาวยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง ฟังเสียงหยอกล้อของสองพี่น้องอย่างอิจฉา
เธอเป็นลูกโทน ไม่มีเพื่อนก็เลยต้องเล่นเพียงคนเดียว ต่างจากครอบครัวปฐพี ถึงคุณหญิงสร้อยสุดาจะเป็นคนเข้มงวดและเอาแต่ใจไป แต่ท่านก็เลี้ยงให้ลูกๆ รักใคร่ปรองดองกัน เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันภายในบ้าน จะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แตกต่างจากบ้านของเธอลิบลับ เมื่อไหร่พ่อกับแม่มาอยู่ด้วยกัน จะมีแต่เสียงด่าและประชดประชันกัน
“เข้าไปเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ ใช่สิ เรามันคนนอกนี่ ชิ!” สร้อยสุรางค์แกล้งทำท่างอนตุ๊บป่องรีบเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดโอกาสให้พี่ชายกับเพื่อนรักได้มีเวลาเป็นส่วนตัวเผื่อทั้งสองคนจะเปลี่ยนใจรีบแต่งงานกันโดยเร็ว
“ยายตัวยุ่งไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่เราสองคน ตกลงว่าน้องฟ้าจะหลีกเลี่ยงการหมั้นและแต่งงานกับพี่ ด้วยการไปเรียนต่อเมืองนอกจริงๆ ใช่ไหม” ปฐพีถามสาวน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู
เขาเห็นเนตรดาวมาตั้งแต่เล็ก ไม่ใช่น้องก็เหมือนกับเป็นน้องแท้ๆ นั่นแหละ ในเมื่อเนตรดาวกับสร้อยสุรางค์อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งคู่วิ่งเล่นไล่จับกับเขามา ถ้าจะให้แต่งงานกันก็คงจะไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าจะให้รักอย่างคนรักคงจะเป็นไปไม่ได้ เคยเหมือนกันที่พยายามจะรักเนตรดาวเช่นคนรัก แต่ทำไม่ได้ ความสำคัญของหญิงตรงหน้าจึงเป็นได้เพียงแค่น้องสาว
“ค่ะ วิธีนี้น่าจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ อายุฟ้ายังน้อย บอกตรงๆ ว่ายังไม่อยากรับภาระเป็นคู่หมั้นพี่ดิน “
“อ้าว...ทำไมล่ะ พี่ออกจะหล่อนะ”
“ฟ้าไม่อยากที่จะสู้รบปรบมือกับผู้หญิงที่อยู่รายรอบตัวพี่ พี่ดินรูปหล่อพ่อรวย ปากหวาน ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้ก็อดที่จะหลงรักไม่ได้”
“แต่ไม่ใช่ฟ้าใช่ไหมล่ะ”
“ใช่สิคะ...ก็เราเป็นพี่น้องกันนี่น่า”
“เรานี่มันฉลาดเป็นกรด จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ นะหนูฟ้า พี่อยากรู้จัง ผู้ชายคนไหนที่จะไล่เธอให้จนมุมได้” ปฐพีจูงมือเนตรดาวเดินไปนั่งบนเก้าอี้ใต้ซุ้มเฟื่องฟ้า ย้อนนึกไปถึงคำพูดในวันที่เนตรดาวหาคำพูดหวานๆ เพราะๆ ที่ใช้ปฏิเสธการหมั้นหมายกับเขา
“ฟ้าอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ เองนะคะ พ่อกับแม่จะให้รีบหมั้นกับพี่ดินไปทำไม ฟ้าอายุยังน้อยยังอยากที่จะใช้ชีวิตโสดไปนานๆ และอีกอย่างที่ฟ้าตัดสินใจไปเรียน ก็เพราะจะเป็นผลดีกับตัวฟ้าและครอบครัว รวมไปถึงพี่ดินด้วย” เนตรดาวพูดยาวและเร็วจนแม้แต่แม่ของเขาที่ว่าพูดเร็วแล้วยังพูดไม่ทัน ได้แต่นั่งนิ่งฟังหญิงสาวพูดอยู่ฝ่ายเดียว
“การไปเรียนต่อ จะช่วยให้มีประสบการณ์ มีสายตาที่กว้างไกลขึ้น เมื่อถึงวันที่กลับมา ฟ้าก็จะสามารถยืนเคียงข้างพี่ดินได้อย่างภาคภูมิ สามารถเชิดหน้าชูตาพี่ดินและครอบครัวได้โดยไม่อายใคร”
แล้วเนตรดาวก็หันมาทางเขา แอบหยิกเนื้อที่แขนจนเขาสะดุ้ง “ที่สำคัญ เมื่อถึงวันนั้นฟ้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา และความมั่นคงทางอารมณ์ไม่หลงระแวงไปกับคำโป้ปดมดเท็จที่พี่ดินหรือว่าผู้หญิงที่อยู่รายรอบพี่ดินเป่าหู”
“ฟ้าไม่กลัวหรือลูก ถ้าหายไปนานๆ เกิดพี่ดินมีผู้หญิงคนใหม่แล้วแต่งงานไปเสียก่อน”
เสียงแม่ของเขาถามคนที่เอาแต่ยิ้ม
“ไม่เลยค่ะ ฟ้ามั่นใจ คุณป้าจะสามารถกำราบพี่ดินให้อยู่ในโอวาทได้ มั่นใจและไว้ใจว่าพี่ดินจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับฟ้า พี่ดินจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก่อนจะได้รับอนุญาตจากคุณป้าและครอบครัว รวมไปถึงได้รับความยินยอมจากฟ้าก่อน ใช่ไหมคะพี่ดิน”
เนตรดาวหาเหตุผลทุกทางที่นำมาใช้เป็นข้ออ้างหลีกเลี่ยงการหมั้นและแต่งงานกับเขา มือเล็กที่เย็นจัดราวยื่นมาจับมือเขาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ บีบแรงๆ ราวกับว่าต้องการจะขอกำลังใจ
“ใช่ครับแม่ ป้าสา” สาวิตรี มารดาของเนตรดาว “ผมสัญญา จะรอน้องฟ้ากลับมาครับ”
เขาก็ยืนยันคำพูดของเนตรดาวต่อหน้ามารดาและวิตรี จนทั้งคู่คลายความกังวล จึงยินยอมปล่อยให้เนตรดาวไปเรียนต่อได้
“คนของฟ้าคงจะยังไม่เกิดมั้งค่ะ แต่ของพี่ดินไม่แน่ ฟ้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ผู้หญิงคนไหน หน้าตาเป็นยังไง ถึงเอาผู้ชายที่ลื่นเป็นปลาไหลอยู่มือได้ ฟ้าว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องเก่งมากแน่เลย หรือไม่ก็...”
“อะไร”
“ผู้หญิงคนนั้นคงจะน่าสงสารที่สุดที่หลงมารักผู้ชายอย่างพี่ดินไง”
“ทำไม พี่ไม่ดีตรงไหน” ปฐพีแกล้งทำเสียงดัง แต่แววตาใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ไม่ดีค่ะ แต่ว่า...” เนตรดาวลากเสียงยาว “พี่ดินดีที่หนึ่งเลยกับการเป็นพี่ชาย แต่ไม่เหมาะที่จะมีครอบครัวหรือมีผู้หญิงให้รักเพียงคนเดียว เพราะพี่ดินเป็นคนที่เบื่อง่าย พอได้ลิ้มลองผู้หญิงคนไหนแล้วนานก็จะหาทางสลัดผู้หญิงคนนั้นทิ้ง”