ตอนที่ 1
เมื่อความรักกลายเป็นความแค้น วันนี้เธอกลับมาพร้อมกับผู้ช่วยมือดีและแผนการร้อยเล่ห์ที่จะทั้งมัดใจและเอาคืนเขาให้สาสม!
1
หญิงสาวร่างบอบบางนั่งมองดูน้ำในทะเลสาบที่สะท้อนกับแสงของดวงอาทิตย์ยามบ่าย รอยยิ้มกระจ่างใบหน้า ดวงตาก็พร่างพราวระยับ อย่างคนอารมณ์ดีสุดๆ
วันที่ไปสัมภาษณ์งาน ความจริงเธอแทบไม่มีความหวัง เมื่อเห็นคู่แข่งแต่ละรายที่นอกจะหน้าตาดีแล้ว การศึกษาก็ยังโดดเด่น ด้วยจบมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ไหนจะรูปร่างหน้าตาและการแต่งกายที่โดดเด่นสะดุดตา ต่างจากเธอที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลและกระโปรงสีดำยาวแค่เขาที่ผ่านการใช้งานมานานแรมปี
แค่บุคลิกภาพคนอื่นก็กินขาดแล้ว เด็กกะโปโลอย่างเธอ...ที่ไม่ได้รู้จักใครในบริษัทอย่างเช่นบางคนที่คุยข่มว่ามีความสนิทชิดเชื้อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในบริษัทอีก ตอกย้ำความรู้สึกต่ำต้อยจนเธออยากจะลุกกลับบ้านเสียหลายครั้ง ได้แต่นั่งตัวลีบแบน รวมกับความคิดที่ว่า มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยว ถึงจะไม่ได้ แต่ก็ควรจะสมัครทิ้งๆ เอาไว้ จะได้ไม่มาเสียดายทีหลัง ที่เมื่อผลออกมาทำให้เธอแทบจะกระโดดพร้อมเสียงกรีดร้อง...
“ดีใจด้วยครับ เรารับคุณทำงาน ไม่ทราบว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ คุณจะมาทำงานกับเราได้เลยหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ”
เพราะไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินไปนั้น...ถูกต้อง เข้าใจไม่ผิด เธอจึงถามซ้ำอีกครั้ง
“หมายความว่าดิฉัน...ได้ทำงานที่นี่ใช่ไหมคะ”
หัวหน้าฝ่ายบุคคลอมยิ้ม “ครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันจันทร์ตอนเช้า ผมคงจะเจอคุณมารออยู่ที่หน้าห้อง”
“ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณมากๆ ” เธอละลักละล่ำบอกด้วยความดีใจจนเนื้อเต้น แม้จะเดินออกมาจนไกลแล้วก็ตาม เสียงของฝ่ายบุคคลของบริษัทในเครือ TR กรุป ยังคงดังก้องอยู่ในหู
หากความดีใจก็อยู่กับหญิงสาวได้ไม่นาน เธอถอนใจมองนกพิราบนับสิบที่กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารบนพื้นดิน แล้วย้อนคิดถึงตัวเอง
ชีวิตที่ควรจะอาศัยอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข แต่กลับต้องมาดิ้นหาเลี้ยงชีพเพราะพ่อไปมีครอบครัวใหม่ที่มีความสุขและอบอุ่น ปล่อยให้เธอเคว้งคว้างอยู่ตามลำพังในห้องเช่าหลังเล็กที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีเพียงความอ้างว้างเดียวดาย จะทุกข์หรือจะสุขก็รู้อยู่เพียงลำพัง
บ้านหลังเล็กที่เมื่อก่อนเต็มไปด้วยความอบอุ่น มีเธอพ่อและแม่กลับกลายเป็นบ้านที่ร้อนราวกับอยู่ในกองเพลิง เมื่อพ่อพาจินดาเมียคนใหม่กับน้องชายวัยรุ่นก้าวเข้ามา เธอไม่ได้รังเกียจ แต่มีความสุขในสิ่งที่พ่อเลือก หากจินดากับก้านไม่ใช่ ทั้งสองต้องการกำจัดเธอไปจากบ้าน ด้วยการบังคับให้แต่งงานกับเจ้าอ้วนหมูตอนพ่อค้าขายหมูในตลาด
วันไหนเธอไม่ได้ไปโรงเรียน พอพ่อออกไปทำงาน จินดาจะบังคับให้ทำงานบ้านทุกอย่าง ส่วนตัวเองก็นั่งชี้นิ้วสั่ง ส่วนก้านเป็นลูกไล่ของพี่สาวหาเรื่องลวนลาม เพื่อกดดันให้เธอรีบตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าอ้วนหมูตอนเร็ว ๆ เสียงกระซิบแหบพร่าที่ดังข้างหู มือที่คอยจับไปตามร่างกายตามแต่จะมีโอกาสทำให้เธอถึงกับขนลุกซู่ด้วยความรังเกียจและขยะแขยงจนอยากจะอาเจียนออกมา
นราวดีจำเสียงเกรี้ยวกราดและประชดประชันของจินดากับน้องชายวัยรุ่นได้ติดหู หญิงและชายใจร้ายที่คอยกระแนะกระแหนและหาทางเอารัดเอาเปรียบทั้งด้านร่างกายแรงงานและจิตใจ หลายครั้งที่นราวดีคิดจะบอกพ่อ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าของพ่อที่ทำงานเป็นคนงานแบกงามในโรงไม้ ทำให้เธอกล้ำกลืนฝืนทนเรื่อยมาก
แต่หวาดระแวงไม่เคยห่างจากใจ เมื่อก้านบุกรุกเข้าไปในห้อง แอบดูเธออาบน้ำ บางครั้งก็พูดจาลามก พอเธอนำเรื่องไปบอกพ่อก็ถูกจินดากล่าวหาว่ารังเกียจ ต้องการให้ออกไปจากบ้าน กลายเป็นฝันร้ายเมื่อเธอต้องหากทางป้องกันตัวเองจากคนคิดร้ายและใจดำ
เมื่อแม่เลี้ยงบอกข่าวดีกับพ่อ...ลูกที่จะต้องมีเงินเลี้ยงดู แต่เป็นข่าวร้ายของเธอเมื่อจินดาบอกความต้องการของตัวเอง...
“พี่สนให้หนูนาราลาออกจากโรงเรียนดีกว่านะจ๊ะ ตอนนี้น้องเหนื่อยมาก ไหนจะอาการแพ้ท้อง ไหนจะต้องทำงานบ้านอีก ก้านเองก็เป็นผู้ชาย พวกงานบ้านงานเรือนนะไม่ได้เรื่องได้ราวหรอกจ้ะ จะมีก็เพียงแค่หนูนาราคนเดียวที่จะช่วยเรื่องพวกนี้ได้”
จินดาก้มหน้าที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มลงมองพื้น ขณะมองเธอด้วยความเกลียดชังและสมน้ำหน้า
“พี่สนฟังน้องนะจ๊ะ ตอนนี้ครอบครัวเราจะมีสมาชิกใหม่ ถ้าพี่ให้หนูนาราเรียน ไหนจะค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าอะไรต่ออะไรจิปาถะที่จะตามมา แล้วเราจะเงินที่ไหนมาซื้อนมให้ลูกล่ะ เด็กเล็กต้องใช้เงินจำนวนมากนะพี่”
จินดากล่อมพ่อด้วยคำพูดหวานหู ที่นราวดีรู้ว่าไม่มีความจริงใจ
“พี่เข้าใจว่าจินดาหวังดี แต่อีกแค่เทอมเดียวนาราก็จะจบปวช. แล้ว ยังไงก็ให้ลูกเรียนให้จบดีกว่า ลูกจะได้มีไอ้ที่เขาเรียกวุฒิการศึกษาไปสมัครงาน พี่ว่ามันน่าจะได้เงินเยอะกว่าจบแค่ม.3 นะจินดา”
แล้วพ่อก็หันมาพูดกับเธอ “ฟังพ่อนะลูก ตอนนี้ครอบครัวเรามีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น จนพ่อส่งให้หนูเรียนจบปริญญาตรีไม่ได้ พ่อขอโทษที่ต้องให้หนูมาช่วยทำงานหาเงิน แต่พ่อสัญญา เมื่อฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวเราดีขึ้น พ่อจะส่งให้หนูได้เรียนตามที่พ่อเคยรับปากกับแม่ไว้ หนูไม่ว่าพ่อนะ”
เมื่อไม่ได้ดังใจจินดาก็โมโหและเกรี้ยวกราด เลยมาลงที่เธอ ทั้งบ่นด่า หยิกและทุบตี ตามแต่สองพี่น้องใจร้ายจะหาโอกาสได้ สิ่งที่เธอทำได้ก็คือหลีกเลี่ยง เมื่อน้องสาวเกิด ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด พ่ออดจูบก่อนไปและหลังกลับจากทำงานรวมไปถึงจินดาเมียสาว ความรักของทั้งคู่บาดหัวใจเธอที่ได้แต่แอบมองด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นคลอเบ้า
ไม่นานลางร้ายก็เริ่มมาเยือน พ่อสุขภาพย่ำแย่ จนเธอต้องทั้งเรียนและทำงานที่จินดาหามาให้พร้อมคำบังคับขู่เข็ญ วันที่เธอจบการศึกษา พ่อป่วยหนักต้องเข้าไปนอนในโรงพยาบาล จินดาก็กล่าวหาว่าเธอเป็นต้นเหตุ ฐานะทางครอบครัวที่แย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่เข้าไปอีกเมื่อผู้นำครอบครัวต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา
นราวดีต้องรีบหางานทำและเธอก็ได้งานเป็นเด็กเดินเอกสารในโรงงานที่พ่อเคยทำอยู่ แต่ก็เป็นเหมือนบาปซ้ำกรรมซัด เมื่อก้านก็ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย คืนวันขึ้นปีใหม่ก้านเมาและเริ่มใช้คำหยาบโลนและลวนลามเธอ เมื่อเธอเรียกให้พ่อ ช่วยจินดากลับสร้างเรื่องโป้ปดมดเท็จ
“น้องไม่อยากบอกเลยพี่สนหรอกนะ แต่ก็ทนไม่ไหวแล้ว น้องเห็นหนูนาราให้ท่าก้านหลายครั้งแล้ว น้องก็เป็นแค่แม่เลี้ยง พูดจาดุด่ามากไปก็ไม่ได้ คนอื่นเขาจะหาว่ารักแกลูกเลี้ยง ทำได้ก็เพียงแค่พูดจาตักเตือน แต่หนูนาราไม่เคยเชื่อ ยังหาว่าน้องยุ่งไม่เข้าเรื่อง น้องนึกไม่ถึงเหมือนกัน หนูนาราจะทำตัวน่าอายขนาดนี้...ถึงกับนัดให้ก้านเข้าหา”
“ไม่จริงนะคะพ่อ ไอ้...ไอ้บ้านี่มันลวนลามหนู แล้วมัน..มันจะปล้ำหนูด้วย”
นราวดีรีบบอกเสียงสั่น น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม ชี้มือไปที่ก้านที่ยืนยิ้มตาวาว ใบหน้าตาแดงก่ำ ขณะที่เธอเนื้อตัวสั่นเทา ทั้งโกรธและกลัวจนตึงเครียดไปหมด มือกำผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายไม่ให้หลุด ขาอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่อยู่
“เปล่านะพี่สน นาราให้ท่าผมเอง หลายด้วยแล้ว อยู่ที่ทำงานก็ให้ท่าผู้ชายคนอื่นๆ จนตอนนี้ผู้ชายในโรงงานกำลังจะคลั่งเพราะฤทธิ์ลูกสาวพี่ ผมเห็นนาราเป็นแค่น้อง ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ นาราเป็นลูกพี่ เราครอบครัวเดียวกัน จะทำอย่างนั้นได้ยังไง แต่ที่ผมเข้ามานี่ก็เพื่อเตือน แต่ไม่นึกเลยว่า....”
เพี๊ยะ!