6
นราวดีมองเสื้อผ้าที่อัดกันอยู่ในตู้อย่างตกตะลึงจนตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้น “ป้าเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหนกันคะ สวย ๆ ทั้งนั้นเลย เนื้อผ้าก็นิ่มมือ”
นราวดีจับผ้าในตู้อย่างตื่นตะลึง ก่อนจะสลดลงเมื่อนึกถึงความจริง เสื้อผ้าที่เห็นน่าจะมีราคาหลายร้อยหรืออาจจะถึงหลักพัน ที่ตอนนี้เธอไม่มีทางที่จะหาซื้อมาใส่
“เสื้อผ้าที่เป็นของคนเช่าเก่านะลูก” เธอย้ายออกไปอย่างรวดเร็วไม่มีเวลาแม้จะเก็บเพราะสามีร่างยักษ์ที่บอกว่าเสื้อผ้าพวกนี้ไม่จำเป็น ค่อยไปหาซื้อเอาใหม่ข้างหน้า
นวลนึกถึงชายร่างเล็กรูปร่างสูงกว่านราวดีเล็กน้อย แต่สัดส่วนรูปร่างใกล้เคียงกัน อาจจะหนากว่าเล็กน้อยเพราะเป็นผู้ชายที่แปลงเพศเป็นผู้หญิง
ก่อนไปสาวแปลงเพศรบกวนให้นางเอามันไปทิ้งหรือว่าจะนำมันไปทำอะไรก็ได้แล้วแต่จะเห็นสมควร “ตอนแรกป้าเก็บไว้ก่อน แล้วจะเอาไปบริจาคที่หลัง แต่ก็ลืมไปเลย วันนี้ถึงคิดขึ้นมาได้ หนูน่าจะใส่ได้นะลูก”
นวลเอื้อมมือไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวเล็กมาทาบบนตัวนราวดี “เสื้อตัวนี้หนูน่าจะใส่ได้ ตัดเย็บละเอียดประณีต เข้าตัว สีเขียวอ่อนดูเรียบร้อยดี ส่วนกระโปรงก็ใช้ตัวนี้”
นราวดีมองเสื้อเชิ้ตคอปกสีเขียวอ่อนแขนยาวถึงศอก เอวคอดเล็กน้อย มีสายผูกด้านหลังตัดเย็บอย่างละเอียดประณีตจนแทบจะไม่เห็นตะเข็บติดกระดุมด้านหน้า ตัวกระโปรงก็เป็นผ้าเนื้อนิ่มทิ้งตัวยาวแค่เข่าสีกรมท่า นราวดีเงยหน้ามองใบหน้ายิ้มแย้มของป้านวลน้ำตาคลอเบ้า
“ป้าค่ะ” นราวดีโผเข้ากอดป้านวลน้ำตานองหน้า “หนู...หนูพูดอะไรไม่ถูกแล้ว ทำไมป้าดีกับหนูจังเลยค่ะ”
“ใครว่า ตั้งแต่หนูมาอยู่ที่นี่ ทำให้ป้าคิดถึงลูกชายของป้าน้อยลง” นวนเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปที่มีรูปถ่ายของเด็กชายวัยรุ่นที่ยืนกอดเอวนางเอาไว้อย่างหลวมๆ ด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“นี่ไงจ๊ะลูกชายของป้า”
“ตอนนี้ลูกชายของป้าอยู่ที่ไหนละคะ” นราวดีเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้ป้านวลอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยื่นมาวางทับมือป้านวลแล้วบีบเบาๆ
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
สิงหราชลูกชายนางเป็นเด็กเกเร ส่งให้เรียนก็ไม่ยอมเรียนกลับทำตัวอันธพาล กินเหล้าเมายามั่วผู้หญิงทั้งที่อายุยังน้อย พอดุด่าหน่อยก็พาลโมโหแล้วหนีไปอยู่กับเพื่อน นานๆ ถึงจะกลับมานอนบ้าน ครั้งสุดท้ายกลับมาขอเงิน บอกว่าไปทำลูกสาวเขาท้อง จะเอาไปให้แฟนทำแท้ง พอไม่ให้ก็โมโหพาลทะเลาะแล้วก็เก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านไปเลย ถึงจะพยายามติดต่อสอบถามจากเพื่อนๆ หรือคนรู้จัก แต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องและเจอชายหนุ่มอีกเลย
นวลยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “ไม่รู้ตอนนี้เจ้าสิงห์จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ข่าวคราวก็ไม่เคยส่งมาถึงแม่คนนี้เลยสักนิด มันไม่รู้หรือไงว่าแม่รักทั้งเป็นห่วงแค่ไหน”
นราวดีฟังป้านวลบ่นหาลูกอย่างปวดร้าวคิดถึงแม่เป็นที่สุด น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนไหลทะลักออกมา สองสาวต่างวัยโผเข้ากอดกันจนแทบจะไม่มีที่ว่าง จนเจ้าเหมียวตัวน้อยที่นราวดีใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าเอาขาทั้งสองของมันข่วนจึงทำให้รู้สึกตัว
“ไม่เป็นไรค่ะป้า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่นานลูกชายป้าก็จะกลับมา หนูมั่นใจ” นราวดียิ้มให้กำลังใจป้านวล “ถ้าป้าไม่คิดว่าเป็นการรบกวน หนูขอเป็นลูกเป็นหลานป้าสักคนนะคะ”
“ได้สิจ๊ะ ทำไมจะไม่ได้” นวลบอก ดวงตาเหี่ยวย่นสดชื่นแจ่มใสขึ้นทันควัน “ป้าว่าตอนนี้เราอย่ามาพูดเรื่องที่ทำให้หดหู่ใจเลย หนูไปเลือกเสื้อผ้าดีกว่านะ”
นวลช่วยเลือกเสื้อผ้าที่ดูดีและเรียบง่ายที่เหมาะกับนราวดีใช้ใส่ไปทำงานในวันจันทร์ที่ใกล้จะมาถึง
นราวดีเดินเข้าในบริษัท แมกไม้ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ บริษัทที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของตระกูลไกรทรฤทธิ์ หรือที่ทุกๆ คนรู้จักกันในเครือบริษัท TR กรุป หญิงสาวกวาดตามองห้องโถงกึ่งห้องรับแขกที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ หรือถ้าจะเรียกให้ดีก็คือโกลาหนมากกว่า พนักงานแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีสีหน้าและท่าทางเหนื่อยล้า โดยมีหญิงร่างท้วมคนหนึ่งที่ยืนสั่งการด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ดวงตาดุและแข็งกร้าวกวาดมองไปทั่วบริเวณ
“ทำอะไรให้มันเร็วๆ นะหน่อยสิยะ มัวแต่อืดอาดยืดยาดอยู่ได้ ไม่ได้กินข้าวกันหรือไงพวกหล่อน แต่ละคนทำงานเหมือนเต่าคลาน นี่ๆ หล่อนนะ มัวยืนทำอะไรอยู่ นึกว่าเป็นนางงามหรือไง ถึงได้ยืนแจกยิ้มอยู่ได้”
มืออวบที่มีเครื่องประดับอยู่เต็มทั้งข้อมือและนิ้วมือ แหวนเพชรหัวใหญ่ส่องประกายสะท้อนแสงไฟเป็นแสงระยิบระยับดูงามจับตา ชี้ไปที่หญิงร่างรูปร่างสูงผอมซึ่งรีบวิ่งทำตามคำสั่งเนื้อตัวลนลาน ใบหน้าที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามขาวซีด
นราวดีรีบถอยฉากหนีไปอีกทาง เมื่อเห็นว่ามีคนถือกล่องขนาดใหญ่สองสามกล่องวางซ้อนกันจนคนถือมองไม่ค่อยจะเห็นทาง แต่ไม่ว่าเธอจะถอยไปทางไหนก็ดูเหมือนว่าร่างนั้นเดินตามไปเสียทุกครั้ง ก่อนจะถูกกระแทกจนเธอถึงกับล้มก้นกระแทกกับพื้นอย่างจัง
“โอ๊ย!!”
นราวดียื่นมือไปหยิบกระเป๋าที่หล่นไปอยู่ปลายเท้า อีกมือก็เท้าบนพื้นพยุงตัวเองขึ้น ก่อนที่จะต้องนั่งลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกเจ็บข้อเท้า
"เจ็บจังเลย มาทำงานวันแรกก็ซวยแล้ว วันต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย จะรอดไหมเรา" นราวดีขบกัดฟันบนริมฝีปากและลุกขึ้นยืน เมื่อรู้สึกว่าไม่ค่อยเจ็บแล้ว เธอลุกขึ้นยืนทั้งที่ขายังสั่นอยู่ พลางปัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าและร่างกายออก ก่อนจะมองคนที่เดินชนเธออย่างแปลกใจ
“คุณ...”
“นี่...เธอ”
นราวดีและปฐพียืนอึ้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายตรงข้ามอย่างถนัดตา ก่อนฝายชายจะแกล้งพูดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงดูถูก
“เธอมาทำอะไรที่นี่นะ แล้วมายืนหน้าตาซื่อตาใสอยู่แถวนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันเกะกะ หรือคิดจะมาเรียกร้องความเสียหาย แต่เสียใจนะเผอิญว่าผมไม่ใช่คนใจดี เพราะถ้าคิดให้ดีวันนั้นคนที่ผิดคือเธอไม่ใช่ผม”
ปฐพีพูดพร้อมมองร่างอรชรอย่างตื่นเต้นยินดี โลกแสนกลมพาเธอเข้ามาในช่วงเวลาที่เขาเบื่อผู้หญิงจัดจ้านที่อยู่รอบๆ กายอยู่พอดี เพียงแค่คิดว่าได้สาวน้อยท่าทางบอบบางและอ่อนต่อโลกมาอยู่ในอ้อมกอด ปฐพีก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยราวกับได้เจอของเล่นชิ้นโปรด
“เปล่าค่ะ ไม่ได้คิดมาเรียกร้องค่าเสียหายจากคุณ” นราวดีก้มหน้าตอบ ก่อนจะสาวเท้าเดินทางไปยังห้องฝ่ายบุคคลโดยเร็วไว ด้วยรู้สึกวูบวาบกับสายตาวามวาวที่มองมา
“อ้าว...จะรีบไปไหน อยู่คุยกันก่อนสิ ถ้าเธอไม่ได้มาเรียกร้องความเสียหายจาก แล้วมาทำไม” ปฐพีเดินไปดักหน้าหญิงสาว พลางมองปากสีชมพูระเรื่อที่ทำให้อยากจะจรดจุมพิตดูดกลืนความหวานจากผู้หญิงที่ปลุกความต้องการในกายเขาให้ลุกโชนตั้งแต่แรกเจอให้ฉ่ำใจ
“ขอโทษคะคุณ กรุณาหลีกทางให้ฉันด้วยค่ะ” นราวดีเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ก็โดนชายหนุ่มเดินไปดักหน้าไว้อีก
“ผมชื่อดินนะ คุณ...” ชายหนุ่มแนะนำตัวด้วยความดีใจ โชคดีที่วันนี้มาช่วยแม่ขนย้ายข้าวของและตกแต่งห้องทำงานใหม่ของตัวเองให้ใหญ่โตและกว้างขวางสมฐานะผู้บริหารใหม่แห่ง TR กรุป
“สวัสดีค่ะคุณดิน ยังไงก็ช่วยหลีกทางให้ฉันด้วยนะคะ ฉันจะต้องรีบไป” นราวดีพูดขอทางจากปฐพีเสียงใส แววตาอ่อนแสง ใบหน้าเอ่อร้อนจรดถึงลำคอ หัวใจเต้นแรงเพราะสายตาวามวาว
“จะรีบไปไหน ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” ชายหนุ่มเดินตามร่างบอบบางอย่างนึกสนุก ใจจริงอยากจะจับมือเรียวมาเกาะกุมและจุมพิตครั้ง แต่กลัวว่ากวางน้อยตรงหน้าจะตื่นจนเตลิดหนีไปเสียก่อน