บทที่ ๓ สุดสิ้นงานมงคล
งามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ แขกเหรื่อผู้มาร่วมแสดงความยินดีมีความเห็นตรงกัน ต่างคนเอ่ยอวยพรมอบคำชมเชยว่า ‘สมคู่สมคีมกัน’ บ้างว่า ‘กิ่งทองใบหยก’ คุณหลวงนายช่างทหารเรือช่างเหมาะสมกับลูกสาวพ่อค้าโรงฝิ่น ‘เ**กอี้’ ถึงหล่อนจะเป็นแค่ลูกสาวเศรษฐีแต่ความงามนั้นหาหญิงใดเทียบเทียม แลก็เป็นบุญของหล่อนที่จะได้เป็นเมียคนแรกของคุณหลวงจัน
เรือนร่างอรชรในเสื้อแขนยาวสีขาวต้นแขนพองลายลูกไม้ โจงกระเบนสีแดงตามแบบนิยม เข้ากับผิวละเอียดลออของหล่อน โดยทั่วไปแล้วผู้คนในพระนครมักดำคล้ำบ้างตามสภาพอากาศเมืองร้อน ไม่เหมือนฝรั่งที่เข้ามาทำการค้าในช่วงแรก ๆ นั้นต่างมีผิวขาวเผือก ขนาดว่าคุณหลวงจันเอง ด้วยความที่ต้องตรากตรำทำงานกลางแจ้งอยู่กรมช่างโยธาทหารเรือก็ยังมีฝ้ากระถึงไม่มากนัก แต่แก้วตาอยู่เพียงในโรงฝ**นคุมงานเจ๊ก ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหน ไม่แปลกที่หล่อนจะมีผิวขาวนวลเนียนทั่วทั้งตัว ทั้งบริเวณหลังมือ ต่ำกว่าชายโจงกระเบนไปนั้น ยามยืนหลังตรงอย่างงามสง่า ยกมือไหว้ประนมต้อนรับแขกด้วยกิริยาอ่อนช้อย สามารถทำให้ว่าที่สามีตาขวางได้
“ชอบกลจริงนะขอรับ จีนอี้ว่าลูกสาววัน ๆ อยู่แต่ในโรงฝิ่น เหตุใดจึงรู้จักคุณหญิงคุณนาย นายทหารชั้นผู้ใหญ่มากมาย...”
คุณพระสวมสูทฝรั่งเป็นทางการ ยืนเอามือไพล่หลังข้างคุณหลวงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาด้วยโจงกระเบนผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ช่วงบนเป็นเสื้อแพรไหมสีขาวราคาแพงสมฐานะ หลังเลี่ยงมาคุยธุระกันสักเล็กน้อยตรงมุมบ้านหลังใหญ่ สถานที่จัดงานก็เป็นบ้านคุณหลวงที่อาศัยอยู่ ณ ปัจจุบัน ทั้งคุณพระคุณหลวงปรึกษาหารือ เฝ้าฟังผู้คนพูดคุยกันในงาน พบความแปลกประหลาดของคุณหญิงคุณนาย ยังมีนายทหารระดับนายพลก้มหน้าลงกระซิบบางอย่างกับเจ้าสาวให้ได้ยินกันแค่สองคนก่อนเดินเลี่ยงไป
ไม่มีใครรู้ว่าสองหูของกุมภิลในร่างมนุษย์ได้ยินแว่ว ๆ ว่า
‘ยาสั่ง...’
‘ยาเสน่ห์...’
ชะรอยว่าหล่อนจะเป็นพวกฝักใฝ่คุณไสยอาคมอย่างที่เขาลือกัน...
“ท่านแน่ใจหน้ะ?”
“แน่ซีวะ แกจะทำไมกันนักหนา อ้ายคล้าว”
คุณพระกลอกตาวนไปมารอบหนึ่ง ก่อนจะว่า “เอ้อ... รึคุณหลวงจะโดนเสน่ห์ยาแฝด น้ำมันพรายผีจากสาวผู้ใดดีดใส่น้ะ?”
“หล่อนจำเป็นต้องใช้ด้วยฤา งามปานฉะนี้ หรือแกมีความเห็นไม่เท่ากัน ว่าหล่อนไม่งาม”
“กระผมไม่เห็นเป็นเช่นนั้นเลย คุณหลวงขอรับ แม่แก้วตาหล่อนงามนัก... งามราวกับว่าไม่ใช่ ‘มนุษ’ เดินดิน” คุณพระประสิทธิ์ไม่พูดเปล่า ผายมือไปทางเจ้าสาวคนสวย ก็ว่า “ดูซี... ไม่ว่าหล่อนยิ้มกระไร หล่อนจะทำหน้าถมึงทึงหรือนิ่งเฉยเป็นตุ๊กตา หนุ่ม ๆ ก็แลมองกันเป็นตาเดียว ขอรับประทานโทษเถิด ที่ตรงนู้น... ดูเศร้าโศกอาลัยเพราะมีผู้มาสู่ขอแม่คนงาม อยู่บนพื้นดินมาสักหกสิบปีแล้ว เพิ่งจะได้แลเห็นน้ำตาลูกผู้ชายนี่แหละ...”
‘แม่แก้ว... โปรดอย่าลืมมิตรสหายอย่างตัวพี่เทียวหล่อน แม่แก้วจ๋า...’
“ดูอย่างไร ๆ ก็ไม่ใช่เพื่อนพ้อง ในเมืองบางกอกมีผู้มาตอมหล่อนเท่านี้ กระผมขอให้ท่านโชคดี...”
“โชคดีกระไร มันเป็นหน้าที่ของแก คุณพระประสิทธิ์”
คุณพระเบิกตากว้างตะลึงงัน “นะ... หน้าที่... กระผม?”
“คุณพระนั่นแล เป็นเลขานุการของฉัน รับเงินเดือนจากฉัน ก็ต้องดูแลความสะดวกสบายให้เมียฉัน ยังจะต้องเป็นธุรจัดการเรื่องเสี้ยนหนามรังควานจิตใจให้ฉันด้วย”
ก็เพราะอย่างนี้! คุณพระถึงไม่อยากจะให้คุณหลวงตบแต่งกับแม่แก้วตา ต่อให้หล่อนจะงามสักเพียงไหน
“เดือดร้อนแล้วอ้ายคล้าวเอ๋ย... คุณพระก็เพิ่งจะได้เป็นแท้ ๆ”
ในรูปลักษณ์บุรุษอายุสักยี่สิบหกปี ผิดจากอายุขัยที่ยืนนานกว่ามนุษย์เช่นเดียวกันกับคุณหลวงจัน คุณพระบ่นอยู่ข้างกายคุณหลวง ยกมือปาดหยาดเหงื่อ ไม่ต่างจากว่าน้ำตาลูกผู้ชายคงรินไหลอยู่ภายใน แต่คุณหลวงรูปงามกำลังลอบยิ้มกรุ้มกริ่มดูลาดเลาของหญิงสาวว่าหล่อนจะทำกระไรอีก ฝั่งนายพลพวกหลงใหลในอำนาจ คุณหญิงคุณนายเศรษฐีมาร่วมแสดงความยินดีจะให้เกียรติงานมงคลนี้หรือไม่ หรือจะถือโอกาสนี้มาเอาของที่สั่งไว้!
ในชุดไทยหล่อเหลาในมือมีไม้ตะพดฝังเพชรเม็ดงาม คุณหลวงจันเดินกลับไปยืนเคียงข้างเจ้าสาว โดยไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคปัญหา เมื่อเบื้องหน้าสายตาปรากฏสาวงาม ที่เขากำลังจะได้เป็นเจ้าของ
“แม่แก้ว... อีกสักประเดี๋ยว เสร็จงานนี้แล้ว ฉันจะพาไปลาพ่อลาแม่”
“ค่ะ คุณหลวง”
“อีกเรื่องหนึ่ง...” เงียบไปครู่ แล้วจึงเอ่ยน้ำเสียงเข้มเครียดขึ้นกว่าเดิม “เคยทำการใดให้ละทิ้งเสียให้หมด อยู่บ้านฉันมีงานให้หล่อนทำมากมาย ฉันจะให้เงินเดือนหล่อนไม่น้อยไปกว่าคุณพระ แต่อย่าให้ฉันรู้ว่าหล่อนทำเรื่องไม่ดีไม่งาม และอย่าได้ปดฉัน เพราะฉันจะรู้ทุกอย่าง”
“ค่ะ คุณหลวง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” สองมือประนมแนบอกไหว้อย่างงดงาม หญิงสาวใบหน้าสวยหวานใต้รอยยิ้มไร้พิษภัยทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าหล่อนจะเชื่อฟังเขาหรือไม่ คุณหลวงจันคงทำได้เพียงเข้าข้างตัวเองว่าหล่อนจะเป็นเมียที่ดีในเร็ววัน
ผ่านพ้นพิธีรีตองหลังจากที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ รดน้ำสังข์ ลากสายสิญจน์มาวางบนศีรษะบ่าวสาวผูกคล้องกันไว้ให้เป็นสิริมงคล คุณหลวงจันแทบนับถอยหลังเวลาเข้าเรือนหอ ด้วยงานวุ่นวายมากมายก็น่าปวดหัวสำหรับเขา ทางฝั่งเจ้าสาวเองก็เป็นครึ่งเจ๊ก ไม่ถือเรื่องขั้นตอนว่าจะต้องถูกต้องครบถ้วนทุกประการ ทว่าจนกระทั่งมาถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาว ทุกคนยังต้องตามใจแม่เฒ่าอย่างคุณนายศรีสมร
ดิถีเรียงหมอนต้องให้บ่าวสาวนอนเป็นพิธี แม่เฒ่าว่าฝ่ายชายนอนให้นอนฝั่งขวา นำหินบดยา ฟักเขียว แมวตัวผู้สีขาว เงินทองกองบนนั้นให้บ่าวสาวลงไปนอนทับถือเป็นลางดี การจัดเตรียมห้องให้มีเตียงนอน หมอน มุ้ง หมอนข้าง ฯลฯ ละเอียดยิบย่อย
“คืนนี้ไม่มีกินเลี้ยงก็ดี พรุ่งนี้แต่เช้ามืด เตี่ยกับม้านิมนตร์คุณพระมาอีกรอบหนึ่ง ลูกทั้งสองใส่บาตรเช้าด้วยกัน บ่าวสาวจับทัพพีร่วมกัน เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้กลับมาเป็นคู่กันอีกนะลูก”
“ค่ะม้า... เตี่ย...”
“เตี่ยไปแล้วนะ”
“ลูกลาจ้ะ” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดา ภายใต้รอยยิ้มแสนเสแสร้ง เบื้องลึกของจิตใจหล่อนเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
ในขณะที่คุณหลวงจันคลางแคลงใจไม่น้อย ด้วยแลเห็นว่าบิดามารดาของฝ่ายหญิงหน้าตามีความสุข ผิดปรกติวิสัยที่ควรเศร้าโศกอาลัยบ้างเมื่อลูกสาวต้องจากบ้านจากเรือน
ไร้หยาดน้ำตาจากทั้งสามคนพ่อแม่ลูก แววตาคู่สวยยังฉาบประกายเย็นชา
“ดิฉันต้องกราบเท้าผัวก่อนนอนด้วยไหมเล่าคะ? คุณหลวงประสงค์สิ่งใด บอกเมียอย่างฉันได้ ฉันจะพยายามปฏิบัติให้ครบถ้วน”
“พูดอะไรอย่างนั้น ฉันไม่ได้ต้องการความเคารพนับถือประหนึ่งผู้อาวุโส ฉันแลเห็นประโยชน์อย่างอื่นจากตัวหล่อน”
“ประโยชน์อันใดคะ?”
“อย่าร่ำไร หล่อนรู้... ไม่ใช่เด็กอมมือนะแม่แก้ว เป็นผัวเมียกันหมาด ๆ”
ทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้มและแววตาปรารถนาบอกชัดเจนแจ่มแจ้งตั้งแต่พบหน้ากันคราแรกตราบจนกระทั่งวินาทีนี้ ถึงหญิงสาวจะดื้อรั้นเสียหน่อยคงฉลาดพอรู้สถานการณ์ ดวงตาคู่สวยสั่นไหวกลอกมองไปรอบ ๆ สถานที่ไม่คุ้นเคย
บ้านคุณหลวงจันผู้นี้ใหญ่โตโอ่อ่า แม้ไม่ใช่เรือนหอปลูกใหม่ แต่เป็นบ้านเดิมของท่านผู้ไม่คิดลงทุนกระไร หล่อนคิดว่าเขาคงมองเห็นผู้หญิงเป็นสิ่งของสวยงาม อยากได้ไว้ครอบครองเพื่อประดับบารมีหรืออย่างไร ถึงได้หุนหันพลันแล่นแม้กระทั่งเรื่องแต่งงาน พบหน้าเพียงครั้งก็ยกขันหมากมาสู่ขอในอาทิตย์ถัดมา