บทที่ ๒ โมโหโทโษ

1720 คำ
บทที่ ๒ โมโหโทโษ “เตี่ย... จะยกลูกให้คุณหลวงจริงหรือ?” ในน้ำเสียงสั่นไหวตัดพ้อบิดา บนโต๊ะรับประทานอาหารไม้สักสลักด้วยอักษรจีน คนในฝั่งตรงกันข้ามจับตะเกียบคีบผักใบเขียวใส่ถ้วยข้าวให้อย่างพะเน้าพะนอเอาใจ เรือนร่างอรชรในกี่เพ้าสีแดงสดถักทออย่างสวยงามทั่วทั้งตัว ด้ายสีทองเป็นลวดลายนกกระเรียนขาวบริสุทธิ์ที่หล่อนกำลังสวมใส่เคยเป็นชุดของมารดามาก่อน ‘แก้วตา’ ชมชอบเสื้อผ้าสวย ๆ งาม ๆ แต่ไม่ใช่ในโอกาสนี้ หล่อนหยิบมันขึ้นมาสวมเพื่อเดินเล่นในบ้าน ใจหมายประชดประชันว่าไม่อยากให้เจ้าบ่าวเห็นเป็นคนแรกแต่เป็นบิดามารดา “ชายผู้นี้ดีที่สุดในพระนครแล้วลูกเอ๋ย คุณหลวงจันท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นถึงช่างสิบหมู่อยู่กระทรวงทหารเรือ พวกพ้องลูกสมุนก็มีมาก แต่เมียยังไม่มีสักคน ลูกไม่ต้องกังวลใจว่าจะไปเป็นบ้านเล็กบ้านน้อย เป็นเมียคนที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ เขา ลูกจะได้อยู่สุขสบาย” “ที่ใดจะสบายเท่าบ้าน แลลูกได้ยินผู้คนเขาเล่าว่าคุณหลวงเธอโมโหโทโษ... ร้ายนัก เตี่ยไม่กลัวลูกสาวจะไปเป็นกระสอบทรายผัวรึ” แม่แก้วรับประทานอาหารไม่ลงท้องสักอย่างเดียว ทั้งที่เคยติดรสมือเตี่ยเป็นที่สุด นี่อาจเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของหล่อนและบิดา ก่อนจะต้องบอกลากันในวันพรุ่งนี้ เมื่อออกเรือนไปแล้วจะได้กลับบ้านคงนานทีปีหน “เตี่ยจะอยู่คนเดียวได้ยังไง?” บิดาถอนหายใจ “คนเดียวที่ไหนกระไร ทั้งเ**กทั้งบ่าวเต็มโรงเต็มบ้าน อาม้าก็อยู่นี่ ไปจ่ายตลาดประเดี๋ยวเดียวก็มา...” “เ**กขี้ขะโมยทั้งนั้น” ไม่พูดเปล่า หล่อนชายตามองลูกสมุนชาวจีนเดินย่องเข้ามาในห้องรับประทานอาหารทางด้านหลัง จิกเสียงว่า “คอยดูเถอะ เวลาใดที่ฉันไม่อยู่ ใครมันกล้าหยิบอัฐเตี่ยไปสักเฟื้องหนึ่ง ฉันจะเสกหนังควายเข้าท้องมัน” “ชะ ๆ! ดูพูดเข้านังนี่ มิน่า ผู้คนเขาถึงได้ลือกันทั้งพระโขนง พลตระเวน คุณพระกรมยาฝิ่น ท่านยุทธนาก็มาเช้าเย็น เดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่น” “ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด ที่พวกท่านมา ก็มาแลดูลูกสาวคนงามให้เห็นกับตาไม่ใช่หรือ?” สาวคนงามท่าทางมั่นใจว่าพวกท่านทั้งหลายไม่ได้มาเพราะเคลือบแคลงใจว่าหล่อนเป็นแม่มดหมอผี เล่นคุณไสยอาคมใด หรือแม้แต่โรงฝ**นแห่งนี้จะคิดหลีกเลี่ยงภาษีอากร ประพฤติผิดกฎหมายข้อไหน แค่แวะเวียนมากระชับมิตรไมตรีในแบบชายหญิงและเพื่อนฝูงกับบิดา ได้ก็ดี... แต่ถ้าไม่ได้ ขอมาเหล่มองเป็นอาหารตาก็ยังดี จีนอี้เห็นเป็นเช่นนี้มานานนับปี มีหนุ่มมาตอมลูกสาวเป็นพัก ๆ ให้พอเป็นขี้ปากชาวบ้าน แลอีกสักพักก็ยอมแพ้ไป จึงอยากให้บุตรสาวมีสามีดี ๆ สักคนในวัยยี่สิบปี เหมาะสมแก่การมีคู่ครอง “รีบมีเหย้ามีเรือนไปเสีย อยู่นานไป ประเดี๋ยวจะเป็นอย่างบ้านนั้น มีลูกเสียเร็วอายุแค่ ๑๓ แลได้ผัวอะไรมาก็ไม่รู้ ขี้เมาขี้ยา ไม่มีเสียยังจะดีกว่า บ้านโน้นคุณนายหลี่ เจอเศรษฐีปลอมปอกลอกเสียหมดตัว ผีพนันเข้าสิงวัน ๆ เฝ้าอยู่แต่โรงม้า” “ขอโอกาสสักหน่อยเถอะ ให้ลูกได้ลองเลือกสักคนก่อนไม่ได้หรือเตี่ย” “ลองรึ! ไม่ล่าย ๆ ของแบบนี้มันลองได้เสียที่ไหน มีผัวผิดคิดจนตัวตายเชียวหน้ะ” คนเป็นบิดาเริ่มขึ้นเสียงคราวนี้ บุตรสาวจึงก้มหน้าลงมองข้าวเย็นชืด หล่อนยังอยากอยู่บ้านเที่ยวเล่นกับบิดามารดา ไม่อยากออกเรือนไปไหน “ถือเสียว่าอยู่ในโอวาทเตี่ยเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน เตี่ยขอสักครั้งหนึ่ง ไปอยู่กับคุณหลวงเสียนะ ดีเสียอีก คุณหลวงเธอเป็นผู้ดี ลูกจะได้มีการศึกษา ชอบอ่านหนังสือไม่ใช่หรือ?” “ลูกเขียนหนังสือเป็น เหตุใดต้องให้เขามาสอน เตี่ยว่าเขาดีนักดีหนา ลูกยังแลไม่เห็นว่าคุณหลวงผู้นี้มีดีที่ตรงไหน ดีแต่เอาอำนาจทางราชการมาข่มเพื่อให้ได้ผู้หญิง...” “ที่หมายปอง... ก็ใช่อยู่” เสียงทุ้มแทรกขึ้นขัด เจ้าของร่างสูงในชุดหล่อเหลาขับใบหน้าคมคายให้ดูสง่าสมยศบนบ่า เสื้อขาวราชการกระดุมทอง ๑ แถว ๕ เม็ด พร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้กลมไม้สักจีน โดยมีเจ้าของบ้านให้การต้อนรับเป็นอย่างดี สั่งให้บ่าวไปยกน้ำชามาให้ “เตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือท่าน ลูกสาว...” ปลายเสียงนุ่มนวลลง เพียงหลุบตามองใบหน้างามหมดจดแม้บึ้งตึงโกรธขึ้งบิดา ริมฝีปากบางกระจับเคลือบสีแดงดังเจ้าสาวที่หลุดออกมาจากภาพวาดจีนโบราณ ปากนิดจมูกหน่อยทว่าโด่งเป็นสัน ดวงตาเรียวรีอย่างสาวครึ่งไทย-จีน หากแต่กลมโตสว่างใสราวกับว่ามีเพชรเม็ดงามสะท้อนแสงได้ในตัวของมันเอง หากบุรุษจะพึงพอใจแทบทุกผู้ที่ได้พบหล่อนคงไม่แปลก แม่แก้วตาของเขาเป็นเพชรที่ซุกซ่อนอยู่ในโรงฝ**น! ปล่อยนานไปท่าจะไม่ดี “งามเหลือเกิน ยังกับนางฟ้านางสวรรค์ งามยังกับนางห้าม...” ในคำชื่นชมนั้นลามไปถึงแววตายามลอบมองใบหน้างดงามหมดจดที่เบือนหนีไปอีกทางหนึ่ง ผู้เป็นบิดาแลเห็นว่าลูกสาวถูกเพ่งพิศทุกส่วนบนใบหน้าเสียขนาดนั้น ยกมือป้องปากกระแอมไอ “อะแฮ่ม... เพิ่งเลิกงานก็ตรงมาเลยหรือขอรับคุณหลวง” “ขอรับจีนอี้ เห็นว่าเรื่องแต่งเมียจะสำคัญกว่าอาบน้ำ เสียแต่... มาโรงฝ**นทั้งในเครื่องแบบ ดูไม่ค่อยจะดี เช่นนั้นก็คงต้องรีบตบแต่ง...” “รับประทานโทษเถิดท่าน ตัวกระผมนี้หนักใจนัก อยากให้ลูกสาวมีเหย้ามีเรือน แต่ถ้าจะประสงค์อีกสักข้อได้หรือไม่?” คุณหลวงหนุ่มหันไปทางคนถามอย่างใจเย็น “ว่ามาเถิดท่าน” “หากวันใดท่านรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจต่อลูกสาวกระผม จะมีเมียน้อยอื่น ๆ อย่างไร ขอให้นางสมัครใจยินดี หรือจะส่งตัวนางกลับมาบ้านหาพ่อหาแม่ก็ได้” “ได้ กระผมให้สัญญา แต่คะเนว่าคงไม่มี มากเมียมากความ” พูดแล้วจึงหันกลับไปทางเดิมโดยไม่ละวางตาไปจากใบหน้างาม “เตี่ยหล่อนเคยเลี้ยงดูลูกสาวอย่างไร กระผมจะปฏิบัติต่อแม่แก้วให้เท่ากัน ไม่ให้ใครเขามาว่าได้ว่าเป็นผัวเลว ส่วนเรื่องเรียนหนังสือ กระผมเป็นนายช่างหัวสมัยใหม่ จะพาหล่อนไปเรียนหนังสือ ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ถึงเมืองนอกเมืองนาเทียว” คุณหลวงนั้นรู้ทันเพราะแอบฟังสองพ่อลูกสนทนากันเมื่อสักครู่ หญิงสาวทำตาโตตื่นเต้น จากที่นั่งอมพะนำทำนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน แต่พอถูกจ้องมองอีกครั้งก็พยายามเก็บอาการ “ปีหน้านี้ก็จะต้องไปลอนดอน ปารีสอีกที่หนึ่ง แลหากว่ามีธุรของนายทหารท่านผู้ใหญ่ กระผมไปที่ใดจะพาเมียไปด้วยทุกแห่งหน ไม่ปล่อยให้เมียเหงาอยู่บ้านคนเดียวเป็นแน่ หล่อนประสงค์สิ่งใด เงินทองสิ่งของ เสื้อผ้าสวย ๆ งาม ๆ หากว่าพอมีปัญญา กระผมคงจะดิ้นรนหามาให้เมียทุกสิ่ง” “ขอให้เป็นตามที่ท่านรับปากขอรับคุณหลวง กระผมมีลูกสาวคนเดียว ออกเหย้าออกเรือนไป ดีเสียกว่าอยู่โรงฝ**นไปวัน ๆ” แก้วตาทำได้เพียงรวบมือของตนไว้บนหน้าตัก กำชุดสวยแน่นจนยับ ไม่กล้าสบตาคมที่ทำเอาเสียวสันหลังวูบวาบ หล่อนไม่มีทางเลือกใด เมื่อความเป็นหญิงคือไร้สิทธิ์ไร้เสียง ต้องทำตามความต้องการของทางผู้ใหญ่ “อย่างไรเสียก็เป็นสตรี ตัวเล็กเท่ามด ตีไปก็เจ็บตัวเปล่า กระผมไม่ใช่คนมีวิสัยโหดร้ายทารุณ บ่าวบ้านกระผมยังไม่เคยตีจริงจังสักคน ร้ายแรงที่สุด... ก็เคาะด้วยไม้ตะพด กระผมไม่มีวันทำร้ายเมียเป็นแน่ ขอให้ท่านวางใจในข้อนี้” อีกข้อสุดท้ายให้หายข้องใจ คุณหลวงกวักมือเรียกบ่าวประจำตัวให้เข้ามานั่งด้วยกัน “เอ้านี่ คุณพระประสิทธิ์ นายเสมียนบาญชีของกระผมเอง มีกระไรช่วยเหลือกัน เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่าได้เกรงใจ” “เชิญ ๆ นั่งเลยขอรับคุณพระ ชาจีนนำเข้ามากับเรือสำเภา หอม ๆ เทียว” จีนอี้หัวเราะอารมณ์ดี มีความสุขกับการผูกมิตรไมตรีครานี้ ยังเล่าถึงคุณนายศรีสมร สาวไทยแท้ อาม้าของบ้านที่ยังไม่กลับสักทีว่างามไม่แพ้ลูกสาว ก่อนวกกลับเข้ามาเรื่องเมื่อสักครู่นี้ “... เสกหนังควายเข้าท้องรึ... ฟังดูน่ากลัว กระผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่ให้ใครเขาพูดตะพัด[1]ไปในทางเสีย ๆ หาย ๆ หาความชั่วร้ายมาป้ายได้” “ขอบคุณขอรับคุณหลวง กระผมซาบซึ้งใจนัก” “แต่ถ้าลูกทำได้จริงเล่าคะเตี่ย คุณหลวงจะว่ากระไร จะยังรับลูกเปนเมียหรือไม่?” ในที่สุดพิกุลก็ร่วงจากปากคู่งามให้คุณหลวงลอบยิ้มกริ่ม ด้วยความพึงพอใจ คุณหลวงจันหลงใหลแม้กระทั่งเสียงหวาน ๆ ของหล่อนราวจะโดนมนตร์อาคมเข้าให้ ถึงปากว่าเสียงดัง “เอ้า...! ขนเงินขนทองมากองเท่าภูเขา ก็ต้องรับน่ะซีแม่ แต่หลังจากเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วหน้ะ จะพาไปพบหมอฝรั่ง ชะรอยจะมีกระไรในสมองสักอย่างหนึ่งให้เขาตรวจเสียหน่อยว่ามีปัญหาหรือไม่อย่างไร ถึงยังฝักใฝ่งมงายเรื่องพรรค์นี้อยู่” คำเก่าเขียนแบบเก่า = คำปัจจุบัน - สื่อสิ่งพิมพ์ นวนิยายเก่า ฯลฯ ก่อนปีพ.ศ. ๒๕๐๐ โทโษ = โทโส , ธุร = ธุระ , ขะโมย = ขโมย , หน้ะ = น่ะ (เสียงสูง) , เปน = เป็น (ตามบริบทการออกเสียง) [1] ตะพัด = ว. ตะบึง , ร่ำไป , ไม่หยุดหย่อน (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๓)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม