บทที่ ๑๑ เกรงใจเมีย

1412 คำ
บทที่ ๑๑ เกรงใจเมีย การมีสามีดีเลิศประเสริฐ ร่ำรวยฐานะอำนาจเงินทอง แถมรักเดียวใจเดียว เป็นบุญท่วมหัวของหล่อนอย่างบิดาว่า จะมีก็แค่เรื่องที่คุณหลวงท่านเป็นจระเข้ตัวใหญ่มหึมา! แก้วตาได้เห็นเข้าในคืนหนึ่งตอนเขาแอบลุกจากเตียงไปเล่นน้ำหลังคลอง สักประมาณสองยามได้ นัยน์ตาสีแดงสวยราวลูกแก้วที่โผล่พ้นน้ำ หางของมันพาดผ่านกลางคลองยาวไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง จระเข้ตัวใหญ่ขนาดนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าจะต้องถูกจับไปอย่างแน่นอน แม้อาจจับไม่ได้ง่ายนัก ดีไม่ดี อาจกลายเป็นอาหารจระเข้เสียแทน แทนที่หล่อนจะกลัว กลับนั่งเฝ้าผัวในความมืดหลังพุ่มไม้ใหญ่ แอบดูเจ้าจระเข้ใหญ่ว่ายน้ำเล่นอย่างนึกเป็นห่วง กระทั่งรุ่งเช้ามาสามีออกไปทำงานแล้ว ลองไปถามคุณพระดูจึงทราบว่าส่วนใหญ่ก็จะรู้กันแต่ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายความลับ หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไม้สัก กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพใบหน้าสดสวยใต้เครื่องสำอาง ขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันยุ่ง หล่อนสวมเสื้อแขนพองสีขาวกระโปรงลูกไม้ยาวทรงฝรั่ง ส่วนบ่าวผมสั้นอย่างสาวสมัยเก่ายังนุ่งซิ่น นั่งลงกับพื้น “คุณแก้วจะทำยังไงต่อไปหรือคะ?” “เอาจดหมายนี่ไปส่งให้อ้ายมิ่งมัน บอกมันด้วยว่าฉันแต่งงานแล้ว คุณหลวงเธอไม่ชอบให้ทำงานประเภทนี้ คงจะไม่ว่างรับลูกค้า...” มือเอื้อมไปหยิบกระดาษใบเล็ก ๆ ส่งให้ แต่พอบ่าวพูดขึ้นมาหล่อนก็โกรธ “แล้วยาสั่งต้องใช้อยู่หรือไม่คะ?” “เอ้อ! อีอ่วม จะให้กูเป็นแม่ม่ายแต่ยังสาวรึไง แค่หม้ายขันหมากยังไม่พอให้คนเขาบริภาษว่ากูนี่ดวงกินผัว” แม่อ่วมเก็บกระเป๋าตามมาอยู่บ้านนี้ทีหลังจึงไม่รู้เรื่องรู้ราว ในฐานะบ่าวยังมีเรื่องคาใจเพราะก่อนหน้านี้ได้คุยกันไว้ แม่อ่วมยกมือป้องปากกระซิบ แม้ในห้องนอนของนายผู้หญิงจะไม่มีใคร “ทีแรกคุณแก้วบอกดิฉันว่าหากถูกบังคับข่มขืนใจจะจัดการท่านเสีย ไม่ให้ใครจับได้ แต่ทำไมเดี๋ยวนี้คุณแก้วเปลี่ยนใจเร็ว” “คุณหลวงจัน...” เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสก่อนจะว่า “เธอก็ดี แกว่าคุณหลวงของฉันหน้าตาท่าทางเป็นยังไงเล่า นังอ่วม” “พูดได้หรือคะ?” “พูดมา อย่าร่ำไร” “คุณหลวงจันท่านรูปงามปานหลุดออกมาจากภาพวาด เปนผู้ใหญ่หัวสมัยใหม่ จบการศึกษาจากเมืองนอกเมืองนา แถมยังเปนเศรษฐี ดีเสียอีกนะคะ คุณแก้วได้ตบแต่งกับท่านแล้วมาเปนคุณผู้หญิง พวกอีแป๋นอีหญิงนวลมันจะว่ากระไร มันริษยาคุณแก้วตาเที่ยวโพนทะนาไปทั่วว่าบ้านเ**กนี้ช่างปด” นายผู้หญิงถูกใครรังแก แม่อ่วมมักเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเสมอ บทจะโมโหแทนนายก็ทำเสียงดัง “อีเกือกนั่น... ให้ดิฉันโทรศัพท์ไปชักชวนมาดื่มชาสักหน่อยดีไหมคะ?” “ฉันจะโทรศัพท์ไปเรียนเชิญท่านด้วยตัวเอง อืม... แต่ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยจะว่างน่ะซี” หล่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ ใจคิดอยากอวดผัวเสียให้รู้ทั่วกันถึงคุณหลวงจันอาจไม่ได้มียศศักด์ยิ่งใหญ่ อย่างน้อยหล่อนก็ไม่ใช่บุตรสาวเ**กที่วัน ๆ อยู่แต่ในโรงฝ**นอีกต่อไป ให้คนคอยดูถูกเหยียดหยาม “หน้าตาแช่มชื้นเท่านี้ ฉันว่าคุณแก้วคงจะหลงรักคุณหลวงท่านแล้วกระมังคะ” บ่าวร่างอวบช่างประจบสอพลอทำเอานายผู้หญิงหน้าแดงก่ำ สะบัดหน้ากลับไปมองกระจก พูดจากลบเกลื่อนความอาย “พูดอะไรของแกนั่น... ใครดีกับฉันก็ดีด้วย” “แต่ดิฉันว่า ฉันเจอผู้เจอคนมามากโขเทียว คุณหลวงจันท่านไม่เหมือนผู้ใด ฉันรับประกันด้วยสายตาดิฉันว่าท่านจะมีเมียเดียว รักคุณแก้ว เทิดทูนคุณแก้วไม่มีให้เจ็บช้ำน้ำใจเป็นแน่ค่ะ” คำพูดของบ่าวคนสนิท อยู่กันมาตั้งแต่ยังไม่เลิกทาสเป็นไทอย่างแม่อ่วม จะไม่คิดอะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้ แก้วตากำลังหวั่นไหว ตกอยู่ในสถานการณ์สับสนไม่แน่ใจ ผัวจับนิดจับหน่อยก็ยอมตาม เขายิ้มทีหนึ่งราวว่าโลกทั้งใบของหล่อนจะกลายเป็นสีชมพู หลงคารมอ้ายเข้แล้วยังไง... ไม่ทันที่พญากุมภิลจะได้ใช้มนตร์เป่าสักที ใจอ่อนโอนตามเขาเสียแล้ว แถมยังคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องเร่าร้อนบนเตียง ที่เขาคอยเอาอกเอาใจปรนเปรอ หล่อนชอบตรงไหนเคลิบเคลิ้มตามอย่างไรคนเป็นผัวไม่วายบริการให้ ทั้งบีบจับเค้นขยับจนถึงสวรรค์ไม่รู้รอบที่เท่าไร แถมใบหน้าหล่อเหลายามยิ้มกริ่ม พร่างพราวเม็ดเหงื่อโทรมกายยังอยู่ในหัวสมอง สักบ่ายสามโมงหล่อนจึงลงไปใช้โทรศัพท์ในห้องรับแขกโทรนัดหมายเพื่อนฝูง พอดีกับที่คุณหลวงจันกลับบ้านมา วางกระเป๋าหนังที่มีเอกสารลงบนโซฟาก่อนเข้ามารวบกอดเอวของหล่อนเอาไว้ “จะไปไหนหรือหล่อน ไหนบอกฉันว่าปวดเนื้อปวดตัว” โทรศัพท์ในมือเรียวถูกวางลง ดวงตาคู่สวยฉายแววดีใจเพียงหันไปสบตาสามี ลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม “ฉันว่าจะขออนุญาตท่านไปพบปะมิตรสหายเสียหน่อย ไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่มาอยู่บ้านคุณหลวง วัน ๆ ฉันอยู่แต่บ้าน ฉันเบื่อค่ะ” “ให้ฉันพาหล่อนไปนวดแผนโบราณก่อนค่อยไปสโมสรคุณหญิงคุณนาย พบปะเพื่อนหล่อนดีไหม?” “แม่อ่วมนวดขาให้ฉันแล้วค่ะ ก็พอจะทุเลาลงบ้าง” พูดพลางหลุบตาหนีสามีช่างตะกลุมตะกรามกินไม่รู้จักอิ่มพอ วันแรกหล่อนทั้งเจ็บทั้งแสบ ลำบากบ่าวมาช่วยประคองให้ลุกไปทำธุระแต่ละอย่าง หลายวันเข้าก็เจ็บ ๆ ปวด ๆ ไปทั้งตัวไม่หายขาดเสียที “แม่อ่วมหล่อนน่ะ ไม่เก่งเท่าผู้เชี่ยวชาญดอกกระมัง” “พอฉันหายปวดเมื่อยเหนื่อยล้า คุณหลวงจะรบกวนฉันอีกน่ะซีคะ” มือหนาที่กอดจับไม่นานเลื่อนลงลูบหน้าขาเรียว กระโปรงชายยาวประพื้นถูกเลิกขึ้นกางบนต้นขาเนียนสวย ก่อนมือหนาจะล้วงเข้าไปอย่างไร้ความเกรงใจ หล่อนรีบกระถดหนี “อุ๊ย... อย่าค่ะ ประเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” “ฉันจะได้ยินว่าใครเดินมา ไกลมากทีเดียว ตอนนี้เห็นจะไม่มีใครนอกจากสองผัวเมีย” หล่อนถูกจับหมับเข้าเต็มมือ ข้างหนึ่งกำนมอีกข้างพุ่งตรงเข้ากลางกายสาว แก้วตาเกิดตกใจขึ้นมาเรื่องที่เขาบอกว่าได้ยินไกลแค่ไหน แต่พอเหลียวมองคนข้างหลัง ทั้งกอดหอมหล่อนไม่เลิกรา “ฉันหลงหล่อนเหลือเกินแม่แก้ว อย่างผู้คนเขาลือกันว่าหล่อนน่ะเป็นแม่มด ติดเพียงว่าฉันดันหน้าตาแจ่มใสไม่หมองคล้ำเหมือนคนโดนอาคมยาเสน่ห์ แต่เหมือนผัวที่มีความรักต่อเมียมากมายเหลือประมาณ...” “คุณหลวงปากหวาน เชื่อถือไม่ได้ค่ะ” “ทำยังไงหล่อนจึงจะเชื่อฉันเล่าแม่ ให้ฉันบอกรักหล่อนทุกวัน เล่นสนุกซุกซนประสาหนุ่มสาวเช้ากลางวันเย็นเลยดีไหม? พักเที่ยงฉันจะขับรถกลับมาจัดการหล่อน ค่อยกลับไปทำงาน” “ฟังดูแล้วค่อนข้างจะหมกมุ่นนะคะ” “ฉันหมกมุ่นอยู่แต่กับการรักเมียยังไง” พลันปลายจมูกโด่งเป็นสันคมซุกลงตรงซอกคอขาวเนียนจนคนตัวเล็กสะดุ้ง พอมืออุ่นร้อนล้วงไปล้วงมา หล่อนคงลืมตัวว่าถุงใบเล็กที่คาดตรงเอวหายไปเพราะอ้อมกอดเร่าร้อน ไม่รู้เลยว่าโดนค้นตัวเข้าแล้ว! มือไวกว่าโปลิศเห็นจะเป็นคุณหลวงจัน เขาเปิดขวดเล็กจิ๋วในมือออกดม “นี่ไงล่ะ นี่อะไร? น้ำหอมฝรั่งชนิดใด ไม่มีกลิ่นเลยรึ” นัยน์ตาคู่คมปรากฏสีแดงฉานหลังจากนั้น เปลวไฟลูกเล็ก ๆ ก็เผาขวดแก้วบนฝ่ามือจนมอดไหม้ ต่อหน้าหญิงสาวที่ยืนอ้าปากค้าง กว่าจะได้สติกลับมา “ว๊ายย! คุณหลวงทำไมอย่างนี้เล่าคะ กว่าจะปลุกเสกได้แต่ละขวด เสียดายของนะคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม