บทที่ ๑๐ เกรงใจเมีย

1403 คำ
บทที่ ๑๐ เกรงใจเมีย “ยันต์กันจระเข้ขอรับ...” สองสายตาคู่คมสบประสานกัน ก่อนจะมองไปบนบานประตูไม้สัก ผ้าสี่เหลี่ยมสีขาวลงอักขระด้วยหมึกสีดำเป็นอักษรขอมโบราณ คนธรรมดา ๆ ไม่มีทางรู้แน่และมันไม่ใช่ของปลอม กุมภิล... ในร่างมนุษย์ก็เป็นเดรัจฉานอาคมอย่างที่หล่อนว่า พวกเขาสัมผัสรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิความร้อนดังเปลวไฟที่แผ่กระจายออกมาจากผ้ายันต์ตรงหน้า แม้ว่ามันคงทำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะกับพญาจระเข้ผู้บำเพ็ญตนมานานหลายร้อยปี “แกคิดว่าฉันควรทำยังไง?” “กระผมว่า...” คุณพระยกปลายนิ้วแตะคางด้วยสีหน้าครุ่นคิด แล้วค่อยตอบ “พังประตูเข้าไปง้อเมีย หรือจะแกล้งทำเป็นกลัวยันต์ นอนหน้าห้องตรงนี้ แต่ว่ายุงเยอะนะขอรับ เกรงว่าท่านจะโดนยุงหามไปเป็นสัปเปอร์เป็นแน่” ผู้พักอาศัยใต้บารมีคุณหลวงไม่คิดว่าคนมาทีหลังอย่างแม่แก้วจะกล้าไล่เจ้าของบ้านไม่ให้เข้าห้องนอนตัวเอง! แต่พอเหลียวมองชายร่างสูงใหญ่กว่าในสูทฝรั่งเอามือไพล่หลัง หน้าตาเข้มเครียด ต่างคนคงรู้สถานะดี “รึคุณหลวงท่านจะกลายร่างลงน้ำ ลองไปหาที่นอนในคลองหลังบ้าน...” ปัง! ขาถีบตูมเดียวประตูไม้สักล้มครืนพังลงไป คุณหลวงจันตั้งใจประกาศศักดาว่าใครเป็นเจ้าบ้าน ประสาบุรุษผู้ผ่านพ้นยุคสมัยซึ่งชายเป็นใหญ่มาตลอด “แม่แก้ว... ลุกขึ้นมาคุยกันสักประเดี๋ยวหนึ่งเถอะ หล่อนเป็นหญิง มาทำกิริยาไม่งามในบ้านฉันได้ยังไง” ในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ คุณหลวงจันกระแทกเท้าปึงปังมาหยุดยืนข้างเตียงพอดีกับที่หล่อนลุกขึ้นนั่งยกมือประนมแนบอก “ขอประทานโทษเจ้าค่ะ... คุณท่าน วันหน้าวันหลังฉันจะระวัง” ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ แก้มนวลเปียกปอนน้ำตานองเต็มหน้า เพราะถูกเหยียดหยามทำร้ายน้ำใจแต่ว่าหล่อนเพียงไม่พูดบอก ทำเอาผู้ชายตัวโตเข่าแทบทรุด จากที่ตั้งใจมาดุหล่อนเสียเต็มประดา เขาเพียงนั่งลงบนเตียง ดึงต้นแขนเรียวพอคนตัวเล็กเข้ามากอด “ขวัญเอ๋ยขวัญมา... แม่แก้วตาดวงใจ... เขาเลิกทาสกันไปตั้งเป็นสิบ ๆ ปีแล้วหนา มาเจ้าค่ะอะไรกัน ฉันเป็นผัวหล่อนนะแม่...” แก้วตาลอบมองกรามแกร่งอย่างงุนงง จู่ ๆ คุณหลวงจันผิดเป็นคนละคน ลูบแก้มลูบหัวกอดปลอบหล่อนอยู่พักใหญ่จนหยาดน้ำตาเกลี้ยงเกลาบนใบหน้างาม ขนาดคุณพระส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ขอตัวลาออกจากห้องไปเขาก็ไม่สนใจ “ฉันทำหล่อนร้องไห้มาสองวันสามวัน คืนคำพูดว่าจะดูแลลูกสาวหลวงท่าน แต่ฉันเองก็เจ็บปวดใจเหลือเกิน ฉันจะไม่ทำร้ายจิตใจหล่อนอีกแล้ว หล่อนจะตบตีฉันก็ได้...” “ฉันทราบแล้วค่ะคุณหลวงท่าน แต่ฉันเป็นหญิง ตบตีผัวไม่ได้เจ้าค่ะ” “ไม่เอา ๆ หล่อนเป็นอย่างนี้อีกแล้ว หล่อนไม่หายโกรธฉัน ฉันต้องทำยังไงนะแม่แก้ว...” มือลูบศีรษะน้อยในอ้อมอกของคนที่ไม่กล้าขยับ กลัวจะถูกเจ้าของบ้านว่าเข้าอีก หล่อนอึดอัดนั่งฟังคุณหลวงหนุ่มพูดคนเดียวได้ตั้งสิบกว่านาที ยังไม่มีวี่แววจะหยุดบ่น “แม่แก้วตาดวงใจของฉัน... หล่อนประสงค์เพชรนิลจินดา เสื้อผ้าเครื่องสำอาง เครื่องประทินผิว อาหารอร่อย ๆ ฉันจะพาหล่อนไปชอปปิง ขายรถขายที่ดินที่นาให้หล่อนปะไร ฉันขอรับโทษเถิดแม่...” คุณหลวงจันยังคงสำนึกผิดที่ทำตัวบ้าอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ดูแลเมียให้ดี เขาจึงพูดไปเรื่อยเปื่อยสารพัดจะปลอบ จนเปลือกตาขาวใสที่กะพริบปรือมองเขามาได้สักครู่ปิดลงดื้อ ๆ เหมือนว่าเมียจะหน่ายฟังเขาพูดเสียแล้ว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา “แม่ทูนหัวของพี่ น่าสงสารนัก ทุกข์ระทมตรมใจจนสิ้นฤทธิ์คาอกผัวเลยรึ...” แล้วกระชับคนตัวเล็กแนบอกไม่ให้ห่างกาย ลูบเส้นผมนุ่มสลวยกล่อมหญิงสาวให้หลับสบาย แต่ไม่ทันไร เสียงตะโกนก้องผ่านห้วงจิตก็ทำให้เกรี้ยวกราดอีกรอบหนึ่ง ‘คุณหลวงท่านน่าสงสารพอกันนะขอรับ ผีเข้าผีออก หมดสภาพบุรุษ ระวังเถิด ใครเขาจะเอาความไปเล่าต่อว่าท่านน่ะกลัวเมีย’ ‘ไม่ได้กลัวโว้ยย! อ้ายคล้าว ปากบอนเสียจริงนะมึง กูแค่ไม่อยากจะเห็นเมียน้ำหูน้ำตาไหล ผู้คนเขาเรียกเกรงใจเมีย!’ แก้วตาไม่รู้ตัวว่าหลับไปเมื่อไร พอหล่อนกะพริบตาตื่นท่ามกลางแสงจันทร์สลัว ก็ถูกประกบปิดด้วยจุมพิตร้อนแรงจากริมฝีปากหนาหยักได้รูป เรือนร่างกำยำเป็นล่ำสันส่งผ่านอุณหภูมิสูงลิบประหนึ่งจะผลาญเผาหล่อนให้มอดไหม้ในอ้อมอกของเขา ร้ายเสียยิ่งกว่าคือหล่อนยอมตาย! ลืมเรื่องบาดหมางใจไปจนหมดสิ้น เมื่อได้รับการพะนอเอาใจด้วยบทสวาท อ้อมกอดร้อนแรงยามโอบรัดกันและกันในร่างเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ จวบจนรุ่งฟ้าสาง พบหนทางสวรรค์ทอแสงรำไรซ้ำแล้วซ้ำเล่า “วันมะรืนฉันจะหมดวันลาแล้วนะแม่... จะต้องไปทำงานตามวันเวลาราชการ” หญิงสาวตื่นนอนทีหลังสามีคงรู้สึกไม่ดีนักแม้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ร่างสูงในชุดฝรั่งกระดุมสองแถวดูหล่อเหลานั่งลงบนที่นอนข้าง ๆ กัน หลังออกจากห้องไปสั่งบ่าวให้ทำอาหารเช้าให้คุณผู้หญิงเสียหน่อย แล้วกลับมาจัดห้องหับเรียบร้อยด้วยตนเอง ทั้งหมอนที่หล่นอยู่บนพื้น ผ้าปูที่นอนยับเยิน ผ้าห่มกระเด็นไปคนละทิศทาง เขาวางทั้งหมดนั้นไว้ตรงปลายเตียง “ฉันขอประทานโทษนะคะ... ฉันไม่ได้...” “ไม่จำเป็นว่าหล่อนจะต้องตื่นก่อนผัวหรอกแม่แก้ว ถูกฉันรบกวนเสียทุกคืน ถ้าหากว่าหล่อนลุกไหวน่ะสิ ประหลาดพิกล” มือหนากระชับจับผ้านวมขึ้นคลุมบนอกอิ่ม ผิวขาวละเอียดบนใบหน้า ลำคอ ไหล่มนพาลพาให้เกิดอารมณ์รุ่มร้อน ยากหักห้ามใจ เขาหลุบตามองหล่อนด้วยแววตาเร่าร้อน เลื่อนมือไปเชยคางเรียวขึ้นเอ่ยชม “เมียฉันช่างน่ารักน่าพึงใจเสียจริง เลิกงาน ฉันจะรีบขับรถตรงกลับบ้าน ไม่จอดแวะตรงที่ไหน” “ตามสะดวกคุณท่านเถอะค่ะ ฉันเป็นหญิง ไม่อาจห้ามผัวไม่ให้ไปไหนมาไหน มิหนำซ้ำ ยังเป็นแค่เมียหม้ายขันหมากที่ท่านซื้อมาตั้งแพงโข” “จะโกรธผัวไปอีกนานเท่าใด หรือจะต้องออกแรงให้หล่อนหายโกรธเคืองอย่างผัวเมียเขางอนกันใช่ไหม?” “ฉันขอ... อุ้บ” ไม่ทันได้พูดแม้สักคำ แก้วตาเลยถูกทำโทษด้วยจูบหวาน คุณหลวงนุ่มสอดประสานจับมือเรียวขึ้นวางข้างแก้มแดงก่ำ บังคับหล่อนให้เผยอปากขึ้นสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปชิมชม จนปากที่แดงเจ่อเพราะพิษจูบประท้วง เขาถึงยอมปล่อย “น้ำแข็งที่ว่าเย็นยังละลายเป็นน้ำได้ หัวจิตหัวใจน้องแก้ว เมียพี่ จะเยือกเย็นกว่าน้ำแข็งเทียวหรือ?” “ฉันเหนื่อยเหลือเกินค่ะ หลายคืนแล้วไม่ได้นอนเต็มตา” “หล่อนจะกินน้ำแข็งไสอีกไหม ฉันจะได้ซื้อมาให้หล่อน จะได้ชื่นใจ” “ฉันเกรงใจค่ะ” “หล่อนจะมาอย่างโน้นอย่างนี้อะไรไป เป็นผัวเมียกันแล้วนะแม่ และฉันไม่ใช่คนคืนคำ เตี่ยหล่อนจะไม่มาว่าฉันได้ว่าดูแลลูกสาวเขาไม่ดี” “ขอบคุณน้ำใจท่านค่ะ แต่ว่านานครั้งกินสักครั้งหนึ่งเห็นจะดี บ่อยไปก็เลี่ยน” “เช่นนั้น... ไม่อยากกินน้ำแข็งไสแล้ว แม่ทูนหัวช่วยอภัยให้ผัวที ขืนหล่อนเสียใจบ่อยไป เราสองผัวเมียคงจะได้ลูกสาวลูกชายหัวปีท้ายปีกระมัง” ดวงตาคู่สวยสบมองเขาด้วยสีหน้าคาดเดาอารมณ์ได้ยาก ทว่าแก้วตากลับต้องยอมแพ้ความช่างเอาใจของสามี เมื่อเขาโน้มตัวลงตะโบมกอดจูบพลางหอมไปทั่วใบหน้าลำคอ ออดอ้อนขอความรักอย่างคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม