บทที่ ๙ จระเข้หิวโซ
แก้วตานึกน้อยใจอย่างนั้น หากพอความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความสุขหฤหรรษ์ ร่างบางแอ่นเอวรับแรงกระแทกกระทั้น ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับควบคุมจังหวะสวาทของบุรุษเพศ
ในห้องเงียบงันเริ่มเต็มไปด้วยเสียง ไม่ต่างจากว่าหล่อนจะแข่งส่งเสียงตะโกนกับผัวให้รู้แพ้รู้ชนะ บางครั้งเขาก็ช้า ก็เร็วเพื่อเอาอกเอาใจหล่อน ยังคอยถามว่าชอบตรงไหนอย่างไร กดสะโพกเข้าลึกสุดทางด้วยสีหน้าเร่าร้อนทรมาน
“แม่ทูนหัวของพี่... อา... ทำไมหล่อนน่ารักน่าพึงใจปานฉะนี้”
ช่องทางคับแคบที่บีบรัดตัวตนอย่างบ้าคลั่งพาเรือนกายกำยำสั่นเทา ทว่าเกร็งจัดจนเส้นเลือดปูดโปน แววตาคู่คมเปล่งประกายสีแดงตามธรรมชาติ เมื่อกุมภิลหนุ่มไม่สามารถข่มความอดทน แม้แต่พลังของตนก็เหมือนกับว่าเขาเพียงลืมมันไปจนหมดสิ้น
“อื้อ... อ๊ะ! คุณหลวง...”
ครั้งสุดท้ายที่คนใต้ร่างสะบัดสองมือกอดรัดรอบคอแน่น หนีบสองเรียวขาโอบกายแข็งแรงของเขานั้น หล่อนกรีดร้องลั่น ขอร้องให้เขาส่งตัวเข้าหาหล่อน รักหล่อนให้มากเท่าปากว่าจะดูแลตราบชั่วชีวิต คุณหลวงจันจึงมอบความเป็นตัวตนทั้งหมดให้ในเฮือกสุดท้าย จนไม่มีเหลือสักหยาดหยดไว้กับตัว ซุกซบใบหน้าพร่างพราวเม็ดเหงื่อในอ้อมแขนเล็ก ๆ พรมจูบบนไรผม ขมับเนียน ตามแก้มแดงก่ำไม่เว้นว่างแม้สักช่วงเดียว
จวบจนรุ่งฟ้าสาง แก้วตายังคงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับประสบการณ์แปลกใหม่ หล่อนเผลอหลงใหลในบรรยากาศเร่าร้อนอบอุ่นอยู่ไม่น้อย เวลาที่เขากอดหล่อน จูบหล่อน ราวกับว่าหล่อนเป็นแก้วล้ำค่าอันแสนบอบบางน่าทะนุถนอม แต่บางครั้งกลับเป็นตรงกันข้าม ราวกับว่าเขาจะทำลายร่างเล็ก ๆ นี้ให้พินาศย่อยยับ
ห้องนอนเรียบร้อยในทีแรกตอนนี้ค่อนข้างเละเทะ หมอนผ้าห่มกระเด็นไปคนละทิศทาง แม้แต่เก้าอี้ทำงานตัวเล็ก ก็มาตั้งอยู่กลางห้อง คราบเลือดสีแดงสดที่แห้งกรังไปกับผ้าสีขาวบ่งบอกว่าหล่อนเป็นเมียเขาโดยสมบูรณ์ บ่าวที่จะมาทำความสะอาดคงตกใจแน่ ๆ
“แล้ว... ดีไหมเล่า?” เสียงแหบพร่าถามคนในอ้อมอก ดวงตาฉ่ำปรือของหล่อนสบมองเขา เหมือนจะอ้อนขออะไรสักอย่าง
“ฉัน... รู้สึกว่ามัน... ประหลาดชอบกลค่ะ... สบายตัวหลังจากนั้น เหมือนได้นั่งอยู่บนก้อนเมฆ”
“ร้ายเดียงสาจริงหรือว่าหล่อนแกล้งทำ แม่แก้วตาของพี่ หล่อนรู้ตัวไหมว่าน่ารัก” เขาหยัดยิ้ม ลูบไล้เส้นผมด้วยปลายนิ้วที่สอดวนเข้าไป หมุนเล่นทีละปอยด้วยท่าทีเป็นเจ้าของ “ฉันดีใจที่หล่อนไม่รังเกียจฉัน หล่อนไม่ทำเอะอะโวยวาย หนีหัวซุกหัวซุนไปฟ้องบ่าวในบ้าน”
“คุณหลวงใจร้อนด่วนได้ ฉันแค่ไม่มีปัญญาจะห้ามท่านค่ะ”
“เอาซี ฉันจะให้โอกาสหล่อนไปเรียกโปลิศมาจับฉันปะไร”
“เมียที่ไหนจะให้โปลิศมาจับผัว”
เสียงหัวเราะดัง ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา “ฉันจะลงไปหาข้าวหาปลาให้หล่อนนะแม่ สองสามวันนี้คงจะปวดเมื่อยเนื้อตัวหนักเอาการ หล่อนอยากกินอะไรข้างนอกไหม?”
“อยาก... กินอะไรเย็น ๆ ค่ะ ร้อนเหลือเกิน”
“ร้อนหรือ?” เลิกคิ้วขึ้น ก้มหน้ามองดวงตากลมโตใสซื่อของคนที่บอกว่าร้อน! แต่ยังคงซุกซบเข้าหาไออุ่นจากอ้อมแขนของเขา เรือนร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทกันใต้ผ้าแพรสีแดงสด
คุณหลวงจันปรารถนาต้องการหล่อนสักเท่าไร คงไม่กล้าเอาเปรียบเมียที่กำลังเจ็บระบม
“ฉันจะไปโรงน้ำแข็งกับบ่าว ซื้อน้ำแข็งไสไอศรีมมาให้หล่อนแล้วกัน”
“น้ำแข็งไส... หรือคะ?” ถามตาโต แก้วตาไม่มีโอกาสรับประทานมันบ่อยนัก เท่าที่จำได้ก็ครั้งเดียวในชีวิตตอนบิดาชวนคุณนายศรีสมรไปชะโงกคอมองหาอย่างอยากรู้อยากเห็นตามข่าวลือจากชาวบ้าน ว่าแถวย่านถนนเจริญกรุงพวกเขา ‘ปั้นน้ำเป็นตัว’ ได้
“คงมีแค่น้ำแข็งกระมัง จะทำให้หล่อนเย็นชื่นใจ เหนื่อยก็นอนเสียเถอะแม่ ฉันกลับมาถึงบ้านเมื่อไร จะมาเรียกหล่อน”
ในน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น คุณหลวงจันยิ้มอ่อนมองเปลือกตาขาวปิดตาลงอย่างอ่อนล้า วางพักศีรษะลงบนหมอน แต่ตัวเขามองเห็นอนาคตรำไร เพราะได้เป็นผัวเมียกันแค่คืนแรก แม่แก้วตาดวงใจก็อยากรับประทานของแพง แสนลำบากยากเข็ญกับการที่จะต้องนำมันกลับบ้านมาให้หล่อนทีเดียว
กว่าจะถึงบ้านมาก็เหลือแค่เท่านี้... ก้อนใหญ่กว่ากำมือก้อนเดียว
เป็นเรื่องไม่ง่ายเอาเสียเลย แต่ก่อนนั้นน้ำแข็งก็เป็นสินค้าราคาแพงเพราะต้องนำเข้ามาพร้อมเรือกลไฟจากสิงคโปร์ เจ้าของกิจการเป็นชาวต่างชาติก่อนที่เมืองบางกอกจะมีโรงน้ำแข็งสยามแห่งแรก ตั้งอยู่ย่านถนนเจริญกรุง
โชคดีที่มันไม่ละลายไปเสียหมด ได้รับประทานก่อนอาหารมื้อเย็น คุณพระเองก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย มองหญิงสาวในแง่ดีมากขึ้นเพราะตบแต่งกันมาแล้ว กลายเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน
พูดถึงต่อหน้า คุณพระประสิทธิ์ไม่กล้าพูดจามากมายนัก นับว่ามีมารยาทและเกรงใจหล่อนมากทีเดียว เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ไม่ได้โต้ตอบหากถูกตั้งคำถามว่าสนใจผัวบ้างหรือไม่ แต่ถ้าหากว่าหล่อนจะเย็นยะเยือกเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งไสตอนยังไม่ละลายคงไม่แปลกอะไร
‘คุณผู้หญิง คุณแม่ของท่านขุนไม่พอใจคุณหลวงมากเทียวครับ พาลโกรธพ่อเฒ่าไปด้วยอีกคน’
‘เอาไว้ฉันจะเดินทางไปพบท่านในภายหลัง...’
เคร้ง! เสียงส้อมหล่นลงกระทบบนจานแก้ว แก้วตาทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำลายความเงียบแต่พอสองหนุ่มมองมาทางหล่อน นัยน์ตาคู่สวยเอ่อคลอหยาดน้ำใส
“ฉันไม่ได้ส่งยาสั่งไปค่ะ ฉันไม่ได้ทำ ไม่คิดจะทำเป็นแน่ ฉันรู้จักกับท่านขุนชมเป็นอย่างดี ท่านเป็นผู้ชายน่ารัก ท่านเป็นสุภาพบุรุษและดีกับฉันมาก ฉันเสียใจที่ท่านต้องมาตายเช่นนี้ ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ”
ช้อนส้อมถูกรวบเรียบร้อย หญิงสาวเช็ดรอบปากด้วยผ้าสีขาวบนโต๊ะรับประทานอาหารอย่างผู้ดี
“ฉันอิ่มแล้วค่ะ เชิญตามสบายนะคะ”
สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างตกใจพอรู้ตัวว่าเสียมารยาทเอามาก ๆ พวกเขาคงแลเห็นว่าหล่อนตั้งใจรับประทานแกงส้มอร่อย ๆ ปลาทอดและกับข้าวอีกหลายอย่าง
‘หล่อนได้ยิน… หรือขอรับ?’
“ได้ยินทุกครั้งที่ท่านพูดคุยกันค่ะ คุณหลวงคุณพระใจร้ายกับดิฉันมาก ร้ายที่กล้าปรักปรำในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ แม้แต่วันแต่งงานของฉัน ท่านดูถูกดูแคลนฉันราวกับว่าเป็นสิ่งของ พวกท่านร้ายเหลือ... สมเป็นเดรัจฉานในร่างมนุษย์”
คนหนึ่งมองตามแผ่นหลังบางในเสื้อลูกไม้ตาละห้อย ทั้งโกรธและน้อยใจพอได้ยินหล่อนชมชายอื่นต่อหน้า แถมถูกหลอกด่า! แต่มันก็เป็นความผิดของเขาเองที่สงสัยคลางแคลงใจหล่อน