8 - ผมลืมช่วงเวลาที่สวยงาม
ช่วงเย็น
“จริงเหรอเนี่ย เดนิชมากรุงเทพแล้วเหรอ” ผมและทุกคนอยู่ที่ร้านชาบูแห่งหนึ่ง เพลนส์แนะนำมาเพราะอยากให้ผมได้ตามคำขอพร้อมเอาใจน้องก้านไม้ มันต้องใจดีกับผมขนาดไหนเลือกร้านอาหารที่เพื่อนสนิทของเขาเปิดเป็นกิจการ แล้วอีกอย่างเพื่อนของเพลนส์ผมก็รู้จักเช่นกัน ระหว่างที่ผมกำลังกินอย่างมีความสุข ผมไม่รู้เลยว่าเดนิชมากรุงเทพแล้ว เคยติดต่อกันอยู่แต่ไม่ได้ติดต่อกันมาสักพักเพราะผมก็มีครอบครัวแล้ว ใช้เวลากับคนรักจนเกือบลืมเพื่อนไปแล้ว
“ใช่ กูบอกเลยนะว่ามันยังไม่ล้มเลิกนิสัยบางอย่าง ปีนเข้าบ้านกูแล้วเพื่อนบ้านเห็นจะจับส่งตำรวจ หาว่ากูมีเพื่อนเป็นขโมย” ผมพูดแล้วยังเจ็บใจไม่หายเลย คนอะไรเวลาจะเข้าบ้านคนอื่นต้องปีนรั้วทำตัวเป็นมิจฉาชีพไปได้ ดีที่ผมมาทันเวลาไม่งั้นมันไปนอนห้องกรงให้หายซ่าสักคืน
“มันก็คิดถึงไหม”
“คิดถึงอะไรล่ะ บ้านมันโดนยึดก็เลยย้ายใบตองเหลืองมาบ้านของน้องมันไง”
“พูดเหมือนมันเป็นผีตองเหลืองอะ” ผมไม่รู้ว่าเพลนส์มันเล่นมุกตลกหรือประชดผมกันแน่ เดนิชมันเป็นมนุษย์ไม่ใช่ผีตองเหลืองจะได้ย้ายถิ่นฐานเวลาใบตองเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ไหน ๆ เธอก็มากรุงเทพแล้ว ผมจะได้เจอกันสักหน่อย เห็นบอกจะไม่มาเพราะโดนหนุ่มกรุงเทพหักอกเธอจะไม่มาแต่สุดท้ายจำเป็นต้องมา ดีหน่อยจะได้หายคิดถึง
“มึงอยากได้อะไรกูจะลดให้”
ผมนั่งกับโซดามาพักหนึ่ง ผมก็คุยเล่นกันไปและแอบนินทาเพื่อนตัวเองเพราะเรื่องนี้มันสนุกมากจนผมเก็บไว้คนเดียวไม่ได้ ผมยังเล่าให้ฟังว่ามันไม่รู้จักมิเตอร์แท็กซี่ บอกเลี้ยวขัวแต่ไม่ได้แปลว่าขวา แต่ขัวแปลว่าสะพาน ผมก็เคยบอกมันแล้วว่าอย่าใช้ภาษาถิ่นสลับภาษากลาง คนกรุงเทพบางคนเขาไม่รู้ต่อให้รู้บางคำใช่ว่าจะรู้หมด
“วันนี้กูขำมากเลย กำลังเครียด ๆ ช่วยได้เยอะเลย”
“เรื่องชาวบ้านเนี่ยนะไอ้โซดา” ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าแฟนผมมันเป็นผู้ชายชอบนินทาคนอื่นเหมือนผู้หญิงเหรอ ปกติหน้าที่ชอบนินทาส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ผู้ชายเขาเป็นคนตรง ๆ พูดรู้เรื่องไม่เคยเห็นจับกลุ่มนินทาชาวบ้าน ผมว่าสิ่งที่เห็นแปลกตาผมมากเลย
“พี่เพลนส์ครับ...”
ก้านไม้เห็นพี่เขาคุยกันสนุกมาก ผมก็อยากจะคุยด้วยขออนุญาตเข้าแทรกไปด้วยเพราะพี่เขาอยากเจอผม แต่ยังไม่ได้คุยกับผมแอบน้อยใจเหมือนกันจะลืมคนที่อยากเจอได้ยังไง ผมคิดเรื่องเกมอยู่พักหนึ่งละทำให้ผมคิดได้ว่าผมมีเพื่อนคนหนึ่งอยากแนะนำให้รู้จัก และคงจะชอบเล่นเกมเหมือนกัน
“มีเพื่อนชอบเล่นเกมด้วยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน” ผมเห็นเวลาน้องก้านไม้ยิ้มและคุยกับผมด้วยความร่าเริง บอกว่ามีเพื่อนร่วมห้องชอบเล่นเกมและน่าจะสนใจในเรื่องนี้ ผมอยากให้เพื่อนร่วมห้องได้มาเป็นลูกค้าร้านของเล่นของพี่เพลนส์อย่างหนีไม่ได้
“จะให้เพื่อนน้องมาร้านพี่ตลอดเหรอ ได้สิ พี่ใจดีอยู่แล้ว”
“เย่ ๆ งั้นผมจะไปบอกเพื่อนนะครับ” ผมได้ยินแบบนี้แสดงว่าพี่เพลนส์ทางสะดวกและให้เพื่อนร่วมห้องผมมาเป็นลูกค้าอีกหนึ่งคนพร้อมกับเวกเตอร์ ผมเป็นคนที่ชอบเล่นและเข้าหาเพื่อนได้ดีมาก สงสัยการหว่านล้อมของผมจะทำให้ใครหลายคนติดกับได้ดี ไว้ผมจะไปบอกเพื่อนร่วมห้องที่ชื่อใบข้าวเอง
“น้องกูนี่มันเข้าหาคนได้ง่ายจริง ๆ”
หลังจากนั้น
“เดี๋ยว ๆ โฟร์ มึงจะระแวงกูไม่พอระแวงน้องก้านไม้อีกคนเหรอ ผมบอกแล้วไงว่าผมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเกมกับชีวิตจริงได้” ผมว่าผมคุยเรื่องนี้เข้าใจแล้ว หลังจากผมเสร็จธุระแล้วเพื่อนผมมันไปคุยกับไอลินต่อ ส่วนพวกผมจะไปเดินซื้อของฆ่าเวลา อยู่ ๆ โฟร์มาถามผมดูจริงจังว่าน้องก้านไม้มีเพื่อนติดเกมด้วยหรือ เกมมันเป็นของที่เด็กชอบมันจะแปลกอะไร มีใครไม่ชอบเล่นเกมตั้งแต่เด็กบ้าง ถามผมเหมือนจะสอบปากคำ
“ฟังกูก่อนสิ ปกติก้านไม้มีเพื่อนชอบเล่นเกมด้วยเหรอ”
“ก็เวกเตอร์ เพื่อนน้องเขาไง”
ผมเคยเห็นเพื่อนของก้านไม้อย่างน้องเวกเตอร์เพราะว่าน้องเขาชอบมาหาแทบจะตัวติดกันแล้ว เวลาอยู่ด้วยกันเกมและของเล่นเป็นของที่ทั้งสองคนชอบ เล่นกันติดกว่าหน้าจอโทรศัพท์ มันก็เป็นผลดีแล้วที่ไม่ติดโทรศัพท์ตั้งแต่เด็ก เสียสายตาและเสียสิ่งดี ๆ ในชีวิตไปหมด
“เมื่อกี๊มึงฟังไหมว่ามีเพื่อนในห้องอีกคน”
“แต่ไม่ได้สนิทกันไง เห็นว่าชอบเกมก็เลยเข้าขาจะพามาแนะนำเพราะเห็นว่ามีความชอบเหมือนกัน”
“แต่กูคิดว่าเด็กบางคนอาจจะติดเกมต่างกัน” โซดาได้ยินข้อสงสัยจากโฟร์ มันทำให้ผมคิดตามครู่หนึ่ง ดูท่าทางโฟร์จะสงสัยเพื่อนของก้านไม้แต่ว่าไม่เคยเจอมาก่อนจะตัดสินทันทีมันก็ไม่ใช่เรื่องไหม ผมว่าอย่าเอาความระแวงไปตัดสินคนอื่นมั่วซั่วทั้งที่ไม่รู้อะไรจะดีกว่า
“มันเป็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แกคิดว่าเด็กทุกคนมีความคิดและนิสัยเหมือนกันราวกับคัดลอกวางเหรอ เด็กดีก็มี เด็กไม่ดีก็มีเหมือนกัน คนบางคนติดเกมมากจนถึงขั้นทำอะไรที่คาดไม่ถึง” โฟร์บอกว่าถ้าคนติดเกมมากอาจมีหลายสาเหตุ เหตุผลต่าง ๆ นานาก็มีอาทิ ติดเกมจนขโมยเงินพ่อแม่ไปซื้อเกม ติดเกมมากเสียอนาคตสุดท้ายลามไปถึงยาเสพติดเพราะช่วยลดความเครียด แต่ผมว่าก้านไม้ไม่มีเพื่อนแย่ ๆ หรอก แต่น้องเขาก็เข้ากับคนง่ายเหมือนกัน
“ถึงสังคมจะสวยหรู แต่นักเรียนทุกคนไม่ได้เกิดมาสวยหรูทุกคนนะ เอาเป็นว่าต่อให้เราจะซื้อสังคมให้เด็กมากเท่าไหร่ แต่ถ้าเจอคนไม่ดีทุกอย่างก็จบ”
“เพื่อนก้านไม้ ผู้ใหญ่แบบเราไปเจ๋อเกินก็ไม่ได้นะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะโฟร์มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ผมว่าก้านไม้เขาเป็นคนเลือกคบเพื่อน ขนาดเวกเตอร์คบกันมายังไม่มีปัญหากันเลยแล้วคนที่น้องเขาพูดก็เพื่อนร่วมห้อง อยู่ห้องเดียวกันใช่ว่าจะสนิทกันทุกคน เพื่อนในห้องก็มีหลายกลุ่มจะมีใหม่ก็ไม่แปลกแต่ถ้าซ่อนความไม่ดีอันนี้ยิ่งน่ากลัว
“ยังไงช่วยเป็นหูเป็นตาด้วยนะโซดา สังคมทุกวันนี้มันน่ากลัวมาก อะไรที่เราคาดไม่ถึงมันคาดไม่ถึงกว่าเดิม”
“ผมเข้าใจละ”
ผมจะช่วยเป็นหูเป็นตาในเรื่องความปลอดภัยชีวิตคนซึ่งหน้าที่นี้ทุกคนนี้ต้องมีอยู่แล้ว ตอนนี้มันอาจจะไม่มีอะไรร้ายแรงที่พูดมาคือการระแวงจนคิดไปเองหมด ผมว่าการเชื่อด้วยตายังดีกว่าการคิดไปเอง ผมเชื่อว่าก้านไม้มีความคิดที่ไปได้ไกลและคิดทันคนอื่นไม่งั้นจะฉลาดจนผมสอนการบ้านประถมผิด ๆ ถูก ๆ ได้ยังไงล่ะ
ที่บ้านเพลนส์
“มึงมาอารมณ์ไหนลงรูปทำทรงเป็นคนเศร้าอกหักไปได้” ในคืนนั้นม่อนกำลังเข้าไปจัดของในบ้านพร้อมกับนอต ผมแอบพักงานมาเปิดดูอินสตราแกรมพบว่าเพลนส์ลงรูปในกล่องความทรงจำที่มันเก็บกรอบรูปในอดีต ตอนเรียนไหนจะของที่ระลึกเยอะมาก พร้อมแคปชั่นใต้ภาพอ่านแล้วมีน้ำตา มันมาอารมณ์ไหนปกติคนแบบมันไม่ใช่พวกนักแต่งนิยายจะเข้าถึงอารมณ์เรื่องราวที่มันเขียนสักหน่อย อ่านแล้วเดาใจมันไม่ถูกเลย ผมแกล้งโทรหามันเพื่อถามความสงสัย
“เป็นอะไรครับ”
ผมกับนอตเข้ามานั่งยุ่งเรื่องชาวบ้าน ผมไม่จัดแล้วของมาฟังเรื่องชาวบ้านจะดีกว่า ผมอยากรู้ว่ามันไปฟังเพลงเศร้าแล้วทำทรงเป็นคนอกหักทำไมทั้งที่มันไม่มีแฟนสักหน่อย อดทนมาขนาดนี้ร้องไห้เรียกหาแล้วเหรอ ปกติมันไม่ใช่พวกร้องเรียกหาความรัก คราวนี้คงทนไม่ไหวแล้วหรือไงถึงได้บอกว่ารอไม่ไหวอยากมีแฟนแล้ว
“ชอบเพลงใหม่ที่ปล่อยมา มันเข้ากับชีวิตเราพอดี”
ผมเองปากบอกว่าผมอินกับเพลงใหม่ที่ปล่อยมาตรงกับชีวิตผม มันเป็นเพลงเนื้อหาเกี่ยวกับการรอคอยความรักกับใครสักคนเข้ามาในชีวิต ผมทำเป็นลงรูป ลงเนื้อเพลงไม่ได้อินไปตามเนื้อหามากขนาดที่ผมต้องร้องไห้ออกมาแต่พูดถึงแล้ว บางทีพื้นดวงมีปัญหาหรือพื้นหน้าผมมีปัญหาถึงหาคนที่ใช่ไม่ได้สักที
“แน่ใจเหรอ อย่าให้นะว่าร้องไห้เหมือนหมา รอคนที่ชอบเข้ามาไม่มาสักที พับเครื่องบินกระดาษให้ตายยังไงเขาก็ไม่ชอบมึง” ผมได้ยินถึงกับด่ามันคืนให้ครบนาทีเพลงใหม่เลยเพราะหน้าตาแบบผมยังไงสักวันความรักของผมต้องส่งถึงพระแม่ลักษมีให้ช่วยดลใจผมสักที
“เอาจริงกูก็ยังรอคนที่ใช่เข้ามาอยู่”
ผมเองมีอาการน้ำตาซึมเข้าให้แล้ว ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่มีคนมาชอบเสียที ต่อให้ผมจะมีเพื่อนสองคนนี้ยังไม่มีคนเข้าหา แต่ผมชะล่าใจไม่ได้เกิดมันมีแฟนก่อนผมแล้วมาเยาะเย้ยถึงในฝัน ผมอยากตัดเพื่อนกับมันให้ได้เลยยิ่งดี คนอะไรมีแฟนแล้วมาเย้ยหยั่นคนไม่มีแฟนแบบผม ผมไม่ยอมเด็ดขาด
“แล้วมึงต้องพับเครื่องบินกระดาษไปอีกกี่ลำถึงจะเจอคนที่ชอบล่ะ ถ้ามันยากขนาดนี้ไปพับท้องฟ้าเถอะ ยากและเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน” ผมกับนอตสัญญาว่าเราสองคนจะไม่มีแฟนก่อนเพลนส์เด็ดขาด ถ้าโชคชะตาไม่ผิดพลาด มันคงมีแฟนก่อนผมแน่นอน ผมต้องตัดอารมณ์ก่อนที่มันจะเปิดดูกล่องความทรงจำแล้วพรรณนาโวหารถึงอดีตลามไปทำทรงคนอกหักทั้งที่คิดไปเองก็ไม่เอานะ
“มึงอดทนอีกหน่อยนะ กูกับม่อนจะโสดจนกว่ามึงจะมีแฟน”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
ผมบอกเลยว่าถ้ามันผิดคำสัญญาขอให้มันโดนผู้ชายด้วยกันเป็นแฟน เพื่อความแน่ใจและกลัวว่ามันจะดิ้นหนี ผมอัดเสียงระหว่างการโทรศัพท์แล้วชัดทุกถ้อยคำ หากมันเล่นตุกติกผิดคำสัญญาผมจะหาวิธีแกล้งมัน จะแบล็กเมลให้มันอายจนหนีไปไหนไม่ได้เลย ผมไม่ร้องไห้กับเรื่องไม่เป็นประโยชน์แล้ว ผมเชื่อว่าความพยายามที่ดูแปลกกว่ามนุษย์คนอื่นจะทำให้ผมมีคนที่ใช่เขามาไม่นาน
“ทำไมคนแบบกูถึงไม่มีแฟนสักทีวะ หรือพระแม่ลักษณีจะประเมินความดีกูจนไม่อยู่ในเปอร์เซนต์ที่จะได้ความรัก” ผมบ่นกับตัวเองจนตัดพ้อแล้วว่าชีวิตนี้ผมไม่มีความรักแล้วเหรอ ความรักยังมีลมหายใจหรือว่าตายจากโลกนี้ไปแล้ว นั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ แต่มีประโยชน์ทำให้ผมมีชีวิตต่อไป
ตรื้ดดด...
ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพบว่าเดนิชติดต่อมาหาผม หลังจากวันก่อนมาพบผมแล้วตอนนี้กลับไปอยู่กับสองพี่น้องหน้าหล่อแล้ว การที่เธอโทรมาสงสัยจะมาปรึกษาปัญหาชีวิตอีกตามเคย ผมเคยบอกเขาว่าถ้ามีปัญหาให้โทรมาแต่ผมจะเปิดโหมดห้ามรบกวนจะได้นอนหลับสบายไร้เสียงแจ้งเตือน
“มีปัญหาอะไรอีกล่ะ”
“เพลนส์ พรุ่งนี้แกว่างไหม” ปกติทุกเช้าผมว่างเสมอ แต่จะตื่นก่อนไก่ขันหรือเสียงนาฬิกาปลุกไหมก็ไม่รู้เพราะชีวิตผมติดเตียงนอนจนอยากจะแต่งงานกับมันเป็นผู้นอนที่ดี เดนิชโทรมาหาผมพบว่าเขาอยากให้ผมไปธุระเป็นเพื่อนซึ่งผมเองก็ไม่ติดปัญหาอะไร แต่เวลานัดเจอกันมันไม่ใช่เรื่องที่ผมควรแบกสังขารไปให้ได้เลย
“พ่อมึงสิ ตีห้าเนี่ยนะ”