EP3 - โลกที่สวยงามในโรงเรียนประถม

1773 คำ
3 - โลกที่สวยงามในโรงเรียนประถม ที่ร้านชาบู เพลนส์เดินทางมาที่ร้านชาบูที่ผมเห็นเลยว่าตัวร้านสีแดงเด่นจนนึกว่าเจ้าของร้านแซ่บแล้ว มันสวนทางกันมากเพราะว่าเจ้าของร้านอย่างไอลิน เพื่อนผู้หญิงของผมเป็นสาวหวานตัวผอม ผมกับเธอคบเป็นเพื่อนตั้งแต่มัธยมแล้ว ใจจริงผมกับเขาเป็นแค่เพื่อน ไม่เคยรู้สึกเลยเพราะเธอยังไม่ตรงสเปคผมเท่าไหร่ ถ้าผมอยู่ใกล้ใครแล้วใจหวั่นไหวมันก็คือความรักที่ผมต้องการ ผมเดินเข้าร้านมาพร้อมกับเพื่อนรักของผมอย่างม่อนและนอต คู่ขาที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมเช่นกัน ไม่แปลกที่จะคบกันนานขนาดนี้ เวลาไปไหนผมก็ไปกับเขา มีกันอยู่แค่สามคนไม่เยอะมากแต่อบอุ่นไม่น้อย มีแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ผมโบกมือทักทายขณะที่เธอนั่งอยู่ ร้านนี้เจ้าของร้านปลีกตัวมานั่งกับลูกค้าได้ถือว่ากันเองมาก คนที่อยู่หน้าเคาว์เตอร์ก็เพื่อนพลังหญิงดูแล ผมก็อุ่นใจไว้ต้องการพนักงาน ผมจะส่งเพื่อนผมไปช่วยอีกแรง “ว่าแต่ไอลินอยากคุยอะไรล่ะ” ระหว่างที่เปิดโต๊ะมาได้พักหนึ่ง ผมกับไอลินคุยกันเรื่อยเปื่อนถามถึงชีวิตแต่ไม่ได้จะมาอวดหรือข่มกันเหมือนในละครคุณธรรมที่ดูปลอมมาก ผมก็สบายดีเปิดร้านของเล่นเอาใจเด็ก ต่อให้จะไม่ได้เลิศหรูทำงานบนตึกสูงแต่ความสุขของคนเราอยู่ที่ความชอบต่อสิ่งนั้นมากกว่า ไม่ต้องเลิศหรูแต่อยู่แล้วมีความสุข มองนกให้เป็นนก อยู่กับความเป็นจริงจะได้ไม่เป็นคนน้ำเต็มแก้ว “แกจำไอ้โซดาได้ไหม” “โซดาเหรอ” ผมเห็นว่าไอลินถามถึงโซดา ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าธอถามถึงเขาทำไม ปกติก็ไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้ากัน แค่เห็นหน้าและรู้จัก ดู ๆ ก็คงไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไร แต่ว่าถามถึงแบบนี้ผมไม่มีเงินให้ยืมอยู่แล้ว คนเราเสียเพื่อนเสียญาติเพราะการยืมเงิน ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นสักหน่อย “เราไม่ได้บอกว่าเขาจะมายืมเงินสักหน่อย คือเขากำลังสนใจของเล่นในร้านแกอยู่” “รวมถึงเกมด้วยใช่ไหม” จังหวะนั้นเองมันทำให้ผมฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลายวันก่อนน้องก้านไม้เข้ามาเดินดูของเล่นรวมถึงเกมกดราคาพอประมาณ เห็นเดินผ่านและหยุดอยู่ตรงนั้นมองดูจะกลืนกิน ผมเองก็สงสารอยากแจกฟรีแต่ผมทำธุรกิจไม่ได้ทำการกุศลจะไปแจกฟรีได้ยังไง ไม่งั้นผมจะเอาเงินอะไรมาลงทุนต่อได้ล่ะ “เหมือนเด็กที่มาวันก่อนก็มาดูเกมนะ” “จะว่าไปก็มีเด็กหลายคนเข้ามาร้านแกบ่อยไม่น้อยเลยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไหน เพราะว่าน้องของโซดาสนใจอยากได้เกมอยู่น่ะสิ เขาก็เพื่อนเรา แกก็ลดราคาให้เด็กคนหนึ่งได้ในสิ่งต้องการสิ ไม่ต้องลดมากก็ได้” ไอลินมาช่วยคิดให้ผมใจอ่อนทุกทีเลย ผมเองก็อยากขอบคุณเหมือนกันนะแม้ว่าเธอไม่ได้อยู่ร้านของเล่นแต่ผมก็เป็นเพื่อนกันมานาน เอาเป็นว่าถ้าอยากได้ผมจะลดราคาให้เป็นพิเศษแล้วกัน ผมยังไม่รู้นะว่าก้านไม้เป็นน้องของใครแต่ถ้าสนใจผมก็ช่วยได้ “ว่าแต่แกเถอะ พับเครื่องกระดาษไปกี่ลำแล้ว” “ต้องให้บอกว่าเป็นคำนามนับไม่ได้ไหม เพราะมันเยอะมาก” ผมมีความเชื่อเป็นการท้าทายตัวเองว่าผมยังเชื่อว่าโลกใบนี้ความรักยังมีลมหายใจ เครื่องบินถือว่าเป็นตัวแทนออกตามหาความรักที่ซ่อนอยู่ในโลกใบนี้ ผมจะนั่งพับเครื่องบินกระดาษต่อไปจนกว่าผมจะหาความรักเจอ “แกต้องพับไปอีกกี่ล้านเครื่องถึงจะเจอความรัก” “มันบอกไม่ได้ว่ะแต่กูทำแบบนี้จนชินแล้ว ทุกวันนี้กูใช้กระดาษเปลืองทรัพยากรกว่าคนบนโลกอีก” ผมหัวเราะตัวเองเพราะทุกวันนี้กระดาษเอสี่ กระดาษสมุดโรงเรียนเก่าหมดไวกว่ากระดาษชำระอีก เพราะผมรอคอยความรักจากใครสักคนจนถึงขั้นมาพับเครื่องบินกระดาษเพื่อรอใครสักคน แม้จะช้าแต่มันก็ยังมีมาในชีวิตนี้ ผมเชื่อตัวเองมากกว่าเชื่อคนอื่น ความรักมีกันทุกคนไม่ได้เกิดมาอย่างโดดเดี่ยว “แกพับให้ตายยังไง ก็ไม่มีแฟนหรอก” “นี่คือคำชมเหรอ” ผมไม่รู้ว่าไอลินพูดแบบนี้ ตัดเพื่อนจะดีไหมเพราะว่าผมอยากมีแฟนบ้าง ไปโทรหาพระแม่ลักษมีก็ต้องรอคิวหรือเบ้าหน้าผมพระแม่ก็คงเลือกให้ผมไม่ได้ ฟังดูมันเจ็บปวดเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าผมจะยังตามหารักแท้ต่อไป แม้ว่าจะพับเครื่องบินกระดาษเป็นล้านลำก็ยังไม่เป็นผลเลย ผมไม่เคยเห็นหรอกว่าการพับเครื่องบินกระดาษจะช่วยตามหาพรหมลิขิตได้ มันเป็นความชอบและความเคยชินไปแล้ว “คิดยังไงถึงเปิดร้านของเล่น” “มันคงอยากซ้ำเติมตัวเองมั้งว่าอยากเป็นของเล่นให้ผู้หญิง จนตอนนี้มันเป็นของตายแล้ว” “ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรหุบปากไปเลยไอ้นอต” ผมกำลังจริงจังไอ้เพื่อนเวรมันก็ขัดขาผมด้วยคำพูดที่ไม่รู้จะพูดอะไรช่วยเงียบไปจะดีที่สุด ผมเชื่อมั่นตัวเองว่าการพับเครื่องบินกระดาษมีผลเหมือนนกกระดาษ ผมจะตามหาคนที่ใช่จนกว่ากระดาษจะไม่เหลือให้ผมพับ “นายนี่พยายามเก่งมากเลยนะ” ไอลินเห็นถึงความพยายามของเพื่อนรักคนนี้แล้วมันทำให้ฉันเห็นว่าการตามหาความรักของเพลนส์ไม่เหมือนคนบนโลกที่ต้องมาพับนกกระดาษไม่เปล่าประโยชน์ เห็นลงในอินสตราแกรมติดไม่ต่ำกว่ายี่สิบลำเป็นของตกแต่ง เอาเป็นว่าพยายามต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ก่อนจากไปอย่างน้อยขอความรักที่ดีจากใครสักคนก็พอใจแล้ว “เรื่องที่เราจริงจัง เราเก่งอยู่แล้ว ว่าแต่เรื่องโซดาจะให้ช่วยยังไง” ผมเองยังไม่รู้ว่าโซดาเขามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยนอกจากมองหาเกม บางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็ได้ ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมช่วยได้แต่ถ้าเรื่องเงิน ผมขอปฏิเสธอย่างถาวร ที่บ้านก้านไม้ “อะไรเนี่ย มึงสอนก้านไม้ยังไง ยี่สิบเอ็ดเป็นเลขคู่ นับยังไงก็เหลือเศษจะเป็นเลขคู่ได้ยังไง” ผมเห็นว่าก้านไม้เรียนคณิตศาสตร์ประถมห้าก็ต้องรู้พื้นฐานตัวเลขศูนย์ถึงเก้าขึ้นใจแล้ว ผมว่าตอนนี้ผมไม่มีปัญหากับก้านไม้ แต่ผมมีปัญหากับโซดา คนรักของผมที่ดูจะมีปัญหากับวิชาหลักมากกว่าวิชาเสริม “ยี่สิบเอ็ดมีสองกับหนึ่ง สองก็เลขคู่ไง” “เขาให้ดูตัวที่ลงท้ายว่าเลขไหนคู่หรือคี่ มึงจบจากโรงเรียนไหน อยากเห็นหน้าครูคณิตศาสตร์ที่สอนมึงมากเลย” ผมหงุดหงิดกับโซดาคนสอนการบ้านให้น้องก้านไม้มาก น้องมันเออ-ออตามจนทำแบบฝึกหัดผิดหมด ผมต้องมาลบให้ทำใหม่หมด ครูตรวจการบ้านเดี๋ยวมาถามสาวมาถึงผู้ปกครองอีกว่าสอนการบ้านเด็กยังไงผิดหมด ผลักภาระไปให้ครูหมดทุกอย่าง ถ้าแบบนั้นให้ครูเป็นผู้ปกครองแทนพวกเราก็ได้ ไลน์กลุ่มครูจะได้เปลี่ยนเป็นผู้ปกครองแทน ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกันเอง “เอาจริงนะ เด็กทุกวันนี้ไม่ต้องมานั่งท่อง กขค เอบีซีเลย วัยนี้พาไปวิ่งเล่นให้เกิดจินตนาการจะดีกว่า” ผมเองก็เห็นว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วแต่ว่าระบบการศึกษาบางอย่างก็ไม่พัฒนา ผมอยากให้ทุกอย่างดีขึ้นคุณภาพชีวิตของเด็กจะได้ดีขึ้น ไม่ใช่ดักดานอยู่กับที่ “ถ้ามีคนแบบมึงคิดได้ มึงเป็นเจ้าของโรงเรียนไปแล้ว” ผมชอบความคิดของโฟร์นะเพราะทุกวันนี้ทุกอย่างทันสมัยขึ้นกว่าเดิมไม่ต้องใช้โทรศัพท์ปุ่มกด ส่งจดหมายแบบอนาล็อกแล้ว หน้าจอโทรศัพท์ไม่ไร้พรมแดนอีกแล้ว ส่งข้อความรู้ข่าวสารถึงไวแต่ว่าทำไมบางโรงเรียนถึงยังไม่พัฒนาตามความคิดตามยุคสมัย ผมกับเขาต้องลงทุนขนาดไหนซื้อสังคมให้ก้านไม้ อยู่ในที่สวยหรู มีทุกอย่างครบครัน โรงเรียนดีติดสิบอันดับ ไม่ดักดานใช้คอมพิวเตอร์ทันสมัยระบบแบรนด์แอปเปิ้ล อาหารกลางวันก็สั่งตรงจากต่างประเทศหรือหาวัตถุดิบที่ดีในประเทศ ผมถือว่าผมโชคดีที่เลือกคนรักและได้น้องที่มีความคิดดี ชีวิตผมถึงมีความสุข “ว่าแต่ก้านไม้ไปเอาเครื่องบินกระดาษมาจากไหนเหรอ” ผมเห็นเครื่องบินกระดาษในกระเป๋าสะพายของก้านไม้แล้ว ผมแปลกใจว่าน้องไปเอามาจากไหน เพราะปกติผมไม่เคยเห็นน้องจริงจังกับของแบบนี้สักเท่าไหร่ สืบทราบมาบอกว่าน้องไปร้านของเล่นที่อยู่ห่างจากโรงเรียนน้องอยากได้รถของเล่น ก็เลยไปดูที่ร้านเลือกไว้พอมีเงินค่อยไปจับจอง บังเอิญเห็นเครื่องบินกระดาษมันสะดุดตา อยากได้ก็เลยหยิบกลับมา ฟังดูแล้วมันเป็นความสวยงามจากจินตนาการของเด็กคนหนึ่งที่ชอบอะไร ก็จะพยายามนำมันกลับมา “น้องบอกพี่ได้ไหมว่าไปดูที่ร้านไหนมา” “ร้านของพี่เพลนส์ครับ” ผมได้ยินชื่อของเจ้าของร้านคนนี้มันทำให้ผมคุ้นชื่อมาก ต่อให้ชื่อเล่นมนุษย์เราจะมีมากและซ้ำกันจนเป็นชื่อโหล แต่ถ้าหมายถึงตัวตนของคนชื่อเพลนส์ที่ผมรู้จัก และชอบของเล่นตั้งแต่ขนาดนี้ผมว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ผมรู้จักและเคยพบเจอในชีวิต “คิดอะไรดี ๆ ออกแล้วล่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม