การทำงานวันแรกของชลนทีผ่านไปด้วยดี หล่อนยังต้องปรับตัวบ้างเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้ทำงานที่อเมริกา ถ้าหล่อนไม่รู้จากชานป๋อเสียนโดยบังเอิญว่าครอบครัวหล่อนกำลังประสบปัญหาหนักที่เมืองไทยก็คงทำงานที่อเมริกาต่อ การได้เจอเขาอีกทำให้นึกถึงเรื่องเหล่านั้นแม้จะกลับมาและยกเงินให้บิดาก้อนใหญ่จนคิดว่าท่านคงปลดหนี้ได้หมดแล้ว
หล่อนไม่ได้เกลียดเขาที่เขาเข้าใจผิดและกล่าวหา ณ ตอนนี้ ขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ทำให้หล่อนรู้เรื่องครอบครัวและกลับมาช่วยเหลือพวกเขาได้อีกแรงหนึ่ง... แม้ว่างานที่ไทยจะหนักกว่าและแตกต่างจากอเมริกาแต่ก็พร้อมที่จะสู้งาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณหมอคะ มีเคสรอตรวจหนึ่งเคสค่ะ คุณหมอพร้อมตรวจเลยไหมคะ” ผู้ช่วยพยาบาลที่ทำหน้าที่เรียกคิวคนไข้เข้าตรวจเข้ามาแจ้งคิวในห้องตรวจหลังจากชลนทีไปรายงานตัวแล้วและเข้ามาเริ่มทำงานโดยการออกตรวจ เจ้าหน้าที่จัดคิวคนไข้ให้หล่อนเดินเข้าออกหลายครั้งเพราะว่ามีคนไข้ต้องการรักษากับเธอโดยตรง หลังจากที่โพรโมตประวัติของเธอก่อนที่เธอจะเข้ามาทำงาน ทำให้วันแรกก็มีเคสขอพบหลายเคสแล้ว...
น้องพนักงานคงเกรงว่าเธอจะเหนื่อยจึงถามว่าเธอพร้อมจะรับเคสใหม่หรือว่าจะพักเสียก่อน อยู่เมืองไทยเจ้าหน้าที่ช่างดูแลหมอดีเหลือเกินจากระบบงานแล้ว... เธอคิดอย่างมองโลกในแง่ดี
“พร้อมค่ะ” เสียงบอกขึ้นก่อนตามด้วยรอยยิ้มจริงใจ...
“เอ่อ... คุณหมอคะ เคสนี้ ผอ. แจ้งเป็นพิเศษว่าเป็นเคสวีไอพี คนไข้พูดภาษาจีนกับภาษาอังกฤษเท่านั้น ท่านให้ส่งให้คุณหมอตรวจโดยเฉพาะ” ชลนทีเลิกคิ้ว หากแต่ก็ทำสีหน้าเป็นปรกติโดยพลัน เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวหล่อนไม่ควรเอามาปนกัน...
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” บอกก่อนจะคว้าแฟ้มคนไข้มาเปิด ในใจภาวนาว่าขอให้ไม่ใช่ชานป๋อเสียน
เธอคิดอย่างหวาดระแวงทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เป็นเพราะพักนี้ เธอเจอเขาบ่อยเหลือเกิน จนน่ากลัวว่าจะเจอเขาในห้องตรวจของตัวเอง
พอมองแฟ้มก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจที่เป็นของคนไข้ผู้หญิง ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่ไม่ใช่เขาแต่ก็ไม่ได้โล่งใจไปเสียทีเดียวหรอกเพราะคนไข้ที่ว่านี้คือ...
มารดาของเขา!
อย่างน้อยท่านก็เป็นคนที่หล่อนไม่ได้กำลังหลีกหนี... หญิงสาวคลึงหัวตาของตัวเองป้องกันการเกิดไมเกรนเมื่อคิดถึงชานป๋อเสียน... ปลอบใจตัวเองว่าเธอทำหน้าที่หมอให้กับมารดาของเขาเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดมากกว่านั้น ท่านเองเคยเป็นไข้ของหล่อนที่อเมริกา บางทีอาจจะแค่ต้องการตรวจรักษาต่อเนื่องเพราะเห็นว่าเคยคุ้นกันเพราะท่านมาที่นี่ก็คงรู้แล้วว่าเธอเป็นศัลยแพทย์คนใหม่
เธอทำหน้าที่หมอของเธอ และมันคงจบเท่านี้หญิงสาวปลอบใจตัวเอง...ก่อนจะยิ้มกว้างและทักทายมาดามเผิงที่เดินเข้ามาในนามคนไข้ของตัวเอง
เธอเชื่อเสมอว่าไม่ว่าชานป๋อเสียนเกลียดชังและกล่าวหาเธอแค่ไหน แต่ถ้าเธอวางตัวได้อย่างเหมาะสม เขาเองก็ไม่มีข้อกล่าวหาใดมาต่อว่าเธอได้อีกในอนาคต
หวังว่าอย่างนั้นนะ...
16:00 นาฬิกา ณ โรงพยาบาล บีเจซี
ภาพชายหนุ่มชาวเอเชียที่เดินจูงแขนมารดาออกจากนอกโรงพยาบาลพร้อมกันโดยมีกลุ่มคนติดตามสี่คนเดินตามห่างๆ เป็นเหมือนภาพชวนฝันของสาวๆ ค่อนโรงพยาบาลบีเจซีเสียแล้วเพราะเพิ่งรู้ข่าวกันถ้วนทั่วว่าชายหนุ่มหล่อสุดฮอตนั้นคือกำลังจะมาเป็นผู้ร่วมทุนของโรงพยาบาล
หลายคนสืบค้นประวัติเขาเพิ่มเติมจนรู้ว่านอกจากจะเป็นนายแพทย์ชื่อดังแล้ว หน้าตาและชาติตระกูล รวมทั้งธุรกิจอันมั่งคั่งทำให้เขาเป็นที่กล่าวขวัญถึงภายในไม่กี่ชั่วโมง บางคนถึงกับพูดว่ามีแรงใจทำงานขึ้นเป็นกอง ลำพังศรัณย์ทายาทสายตรงของบีเจซีก็ฮอตและเป็นขวัญใจให้พนักงานทุกคนอยู่แล้ว มีทายาทจากฮ่องกงดรากอนมาเพิ่มอีกคนก็ชื่นใจเพิ่มเป็นอีกเท่าตัว...
ชานป๋อเสียนยอมรับว่าสนใจธุรกิจโรงพยาบาลในไทยนานมากแล้วเพราะศักยภาพของแพทย์และการวิจัยรวมทั้งคุณภาพการบริการมีประสิทธิภาพสูง นอกจากความร่วมมือทางการแพทย์แล้วธุรกิจยา เวชภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์ก็จะมีความร่วมมือตามมาอีก มาดามเผิงเองก็เปรยๆ ว่าคิดถูกที่ร่วมมือกับที่นี่เพราะว่าทำให้ท่านได้เจอชลนทีอีกครั้ง
มารดาเขาเคยป่วยและเข้ารักษาที่อเมริกาแล้วเจอกับชลนทีรู้ว่าหล่อนเริ่มงานที่บีเจซีก็ถึงกับขอเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ได้คุยกับชลนที พอท่านออกมาพร้อมรอยยิ้มเหมือนกำลังสบายใจแต่ไม่ยอมพูดเลยว่าคุยอะไรกับแพทย์หญิงคนโปรดที่ท่านนับเป็นลูกสาวตนเองตั้งแต่ตอนอยู่อเมริกา แม้จะอยากรู้แต่ชานป๋อเสียนก็ปากหนักไม่ปริปากถามอะไร จนเดินมาถึงรถแล้วท่านกลับบอกเขาไปที่รถอีกคันหน้าตาเฉย
“เอาล่ะ ลูกส่งแม่ขึ้นรถแล้วก็แยกย้ายกัน ลูกไปกับรถอีกคัน”
“แม่จะไปไหนเหรอครับ ไม่ได้กลับโรงแรมพร้อมกันเหรอ”
“แม่นัดหนูน้ำหลังหนูน้ำเลิกงาน จะไปรอที่ร้านก่อน” ตอนที่ตรวจนั้นชลนทีต้องทำหน้าที่หมอและมีคนไข้รออยู่จึงไม่อาจคุยเรื่องส่วนตัวได้เต็มที่นางจึงนัดแพทย์สาวว่าหลังเลิกงานให้มาเจอกัน
“ไปคนเดียวหรือครับ”
“ใช่... อ้อ แม่คุยกับหนูน้ำแล้ว เขาบอกว่ามีเรื่องที่บ้านที่ต้องกลับมาจัดการเลยมาไม่ได้โกรธอะไรทั้งเราและก็แม่ หนูน้ำเคารพแม่เหมือนเดิมแต่ว่าหากจะมาเจอพูดคุยกันสนิทเหมือนเดิมได้อย่างสนิทใจก็มีข้อแม้ว่าต้องไม่พูดเรื่องลูกอีก เพราะหนูน้ำอึดอัดใจ แม่เลยสัญญาว่าจะล้มเลิกความคิดเรื่องจับคู่แล้ว เพราะมิตรภาพระหว่างแม่กับหนูน้ำสำคัญกว่า ลูกเองมีอะไรทำก็ไปทำหรือถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมเถอะ แม่จะไปหาหนูน้ำ”
ท่านบอกแล้วก็เดินเข้าไปในรถ แล้วนั่ง
“ปิดประตูรถสิป๋อเสียน รออะไร”
เสียงบอกของมารดา ทำให้เขาปิดประตูรถให้ท่าน แล้วรถก็แล่นออกไป ในขณะที่หัวคิ้วของเขาย่นเข้าหากัน
เขากำลังเป็นหมาหัวเน่าที่เป็นส่วนเกิน ไม่มีใครต้องการ?
ความเป็นส่วนตัวนั้นเขาก็ชอบอยู่ แต่การไม่เป็นที่ต้องการของใครเขาไม่ได้ชอบมัน รู้สึกขุ่นใจที่มารดากระตือรือร้นไปนัดเจอชลนทีนักหนาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก
เขาตัดสินใจชวนคนของเขาที่ติดสอยห้อยตามกันมาออกไปกินข้าวและชมเมืองเที่ยวเล่นแทนที่จะรับกลับไปนอนอุดอู้ที่โรงแรมคนเดียว... ไอ้น้องชายตัวดียังติดต่อมาว่าจัดการกับเรื่องทางนั้นเสร็จแล้วจะตามมาไทยเพื่อมาพูดคุยกับอลินอย่างจริงจังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เขากับมารดาเลยไม่คิดว่าจะรีบกลับเพราะเผลอๆ คงได้เข้าไปเจรจาสู่ขออลินจากบิดาของเธอ เขาเลยมีเวลาไปชมสีสันของเมืองฟ้าอมรได้นานเท่าที่ใจต้องการ...