เจ้าหญิงไลอาด์เป็นที่หมายปองจากเจ้าชาย ดารา นักการเมือง และมหาเศรษฐีจากในหลายๆ ประเทศ ทว่า...กลับไม่มีใครสามารถคว้าหัวใจของเจ้าหญิงไปครอบครองได้ เพราะเจ้าหญิงได้มอบหัวใจให้กับใครบางคนไปแล้ว แต่...ราชนิกูลผู้นั้นกลับทิ้งขว้าง ไม่สนใจพิทักษ์ดูแลหัวใจของพระองค์
ไม่ใช่แค่เพียงมีสิริโฉมงดงามและชาญฉลาด เรียนจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอังกฤษเท่านั้น เจ้าหญิงไลอาด์ยังร่ำรวยติดอันดับมหาเศรษฐีของโลกด้วย และนั่นก็ทำให้เจ้าหญิงเป็นที่ต้องการ หมายหัวจากบรรดาโจรผู้ร้าย
“เจ้าหญิงไลอาด์จะกลับจากอังกฤษด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว มาถึงสนามบินตอนหนึ่งทุ่มตรง กูต้องการให้พวกมึงไปจับตัวเจ้าหญิงมาเรียกค่าไถ่ ส่วนแบ่งงานนี้ 60-40 และที่สำคัญ...ใครก็ตามที่พาตัวเจ้าหญิงมาสังเวยให้กูได้ กูจะให้คนเก่งกาจคนนั้นได้ขึ้นมาเป็นลูกน้องมือขวาของกู”
บรรดาลูกน้องชั่วต่างก็ตะโกนเฮลั่นดังไปทั่วบริเวณ หลังจากได้ยินเงื่อนไขจากนาฟซา ทั้งส่วนแบ่งที่ได้รับมากถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งได้ก้าวขึ้นเป็นลูกน้องมือขวา ซึ่งใครๆ ก็อยากอยู่ขนาบข้างกับหัวหน้ากองโจรผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ก็ยิ่งทำให้โจรชั่วทั้งหลายต่างก็กระหายเลือด อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ เพื่อจะได้ลงมือไปชิงตัวเจ้าหญิงไลอาด์มาส่งเป็นของบำเรอให้กับนาฟซา!
ในขณะโจรชั่วหิวกระหายอยากกระโจนทำงานชิ้นโบว์แดงครั้งนี้ให้เร็วที่สุด ผู้พันฮาคิมกลับรู้สึกไม่อยากให้วันพรุ่งนี้ต้องมาถึง และไม่อยากให้เจ้าหญิงไลอาด์เดินทางกลับมายังประเทศคาลาส์ ในยามที่แผ่นดินทะเลทรายกำลังลุกเป็นไฟ
“บ้าชะมัด! ไลอาด์จะรู้ไหมว่ากำลังตกเป็นเหยื่อของคนเลวพวกนี้”
ผู้พันฮาคิมสบถอยู่ในลำคอ เสียวสันหลังวาบ แทบยืนไม่ติด หลังจากรู้ว่าใครคือเหยื่อในเกมกระหายเลือดของเหล่าคนชั่ว
“ผู้พันต้องเตือนเจ้าหญิงนะครับ” ผู้กองฟาดิสกระซิบบอกเบาๆ รู้ว่านาทีนี้ผู้พันหนุ่มเป็นห่วงเจ้าหญิงไลอาด์มากที่สุด
ผู้พันฮาคิมส่ายหน้าปฏิเสธ เอ่ยตอบเสียงลึกเต็มไปด้วยความกังวล “เราจะไม่เตือนไลอาด์ แต่...เราจะห้ามไม่ให้เธอกลับมาประเทศคาลาส์ในตอนนี้”
“เจ้าหญิงจะทรงเชื่อหรือครับ” ผู้กองฟาดิสเอ่ยถามทั้งๆ พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
“คิดว่าไม่!”
ผู้พันฮาคิมตอบกลับในทันที พลางขบกรามแน่น เมื่อนึกถึงคนที่ดื้อรั้นหัวชนฝาอย่างเจ้าหญิงไลอาด์ แน่นอนว่าหากเขาห้ามไม่ให้กลับประเทศคาลาส์ ก็เป็นเหมือนการยุให้เจ้าหญิงทำในทางตรงกันข้าม และเมื่อคิดถึงความดื้อด้านของเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ก็ต้องลอบถอนหายใจลึกด้วยความหนักใจ
แต่...ไม่ว่าห้ามแล้วเจ้าหญิงไลอาด์จะเชื่อฟังหรือไม่ เขาก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องเจ้าหญิงไลอาด์ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนชั่วเหล่านี้ เขาจะปกป้องเจ้าหญิงด้วยชีวิตของเขาเอง นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ยอมให้ใครแตะต้องหญิงในดวงใจของเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ!
ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ (London Heathrow Airport)
เจ้าหญิงไลอาด์ พร้อมด้วยองครักษ์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และระหว่างนั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่องบิน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เจ้าหญิงไลอาด์ยังให้ความสนใจกับหนังสือที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ จึงไม่หยิบโทรศัพท์มากดรับ ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเสียงเรียกในครั้งแรกเงียบหายไป แต่ไม่ถึงห้าวินาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เจ้าหญิงถึงกับถอนหายใจลึก นึกเคืองคนที่โทรมาขัดจังหวะการอ่านหนังสือแฟนตาซีแสนสนุกในยามนี้
“ใครโทร.มานะ”
เจ้าหญิงไลอาด์พึมพำถามตัวเองมากกว่าจะถามองครักษ์ ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ติดกัน ใบหน้างามเผยความหงุดหงิดให้เห็น ขณะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก ทว่า...พอเห็นชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอโทรศัพท์ จากที่หงุดหงิดใจ ก็กลายเป็นหน้าแดงซ่าน มือเล็กสั่นเทาเล็กน้อย ขณะกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมพึมพำเอ่ยเรียกชื่อของผู้ที่โทร.มาหาตนเองด้วย
“ผู้พันฮาคิม...”
“ผู้พันโทร.มาหรือครับ” ธาซิม องครักษ์คนสนิทของเจ้าหญิงไลอาด์ เอ่ยถามเบาๆ หลังจากได้ยินเสียงเจ้าหญิงพึมพำออกมา
“ใช่...ผู้พันโทร.มา”
เจ้าหญิงไลอาด์รับคำด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พอกดรับโทรศัพท์แล้วก็รีบทักทายเสียงหวานเพราะความดีใจ แต่เหนือความดีใจก็คือ...ความรักภักดีที่เจ้าหญิงได้มอบให้กับผู้พันฮาคิมเสมอมา
“สวัสดีค่ะ ผู้พัน...”
“ไลอาด์ ห้ามกลับมาคาลาส์เด็ดขาด”
จากที่คิดว่าจะได้ยินเสียงทักทายตอบกลับไพเราะเสนาะหู หรือเอ่ยถามด้วยความเห็นห่วงใย หรือบอกว่าคิดถึงเธอเหลือเกิน
ทว่า...ทุกสิ่งกลับตาลปัตร ไม่เป็นไปดั่งที่คิด รอยยิ้มด้วยความดีใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าในก่อนหน้านี้ ได้เลือนจางหายไป ใบหน้ามีเลือดฝาดเพราะเป็นสุขที่ผู้พันฮาคิมโทร.มาหา กลับกลายเป็นเศร้าสร้อย ขอบตาร้อนผะผ่าวกับคำสั่งห้วนๆ ของผู้พันจอมไร้หัวใจ
“ทำไมถึงไม่ให้ไลอาด์กลับประเทศคาลาส์”
เมื่อถูกสั่งเสียงห้วนเป็นมะนาวไม่มีน้ำ เจ้าหญิงไลอาด์ก็ถามเสียงห้วนไม่แพ้กัน พยายามข่มความเสียใจไว้สุดกำลัง ไม่ให้มีเสียงสะอื้นหลุดลอดไปด้วย
“ไม่ต้องถามหาเหตุผล ผมสั่งไม่ให้กลับประเทศคาลาส์ ก็จงทำตามคำสั่งของผม”
“ไม่!” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เจ้าหญิงไลอาด์ปฏิเสธเสียงแข็งในทันที “ฉันจะกลับประเทศคาลาส์ เครื่องบินกำลังจะออกในสามสิบนาทีข้างหน้านี้...”
“ผมบอกว่าอย่ากลับมา”
ผู้พันฮาคิมออกคำสั่งก่อนเจ้าหญิงไลอาด์จะทันพูดจบ
และก็ถูกเจ้าหญิงไลอาด์สวนกลับในทันควัน “เสียใจด้วย ผู้พันฮาคิม...คุณไม่มีทางห้ามฉันได้ ฉันจะกลับประเทศคาลาส์พร้อมกับคู่หมั้นของฉัน อีกสิบชั่วโมงเจอกันนะคะ สวัสดี”
“บ้าฉิบ....นรกแตกหรือยังไง มีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรถึงจะพาคู่หมั้นมาด้วย”
เจ้าหญิงไลอาด์แทบทำโทรศัพท์หล่นจากมือเล็กที่สั่นเทา ทว่าคราวนี้หาใช่เพราะความดีใจไม่ แต่เป็นเพราะความเสียใจกับคำสบถลั่นจากผู้พันฮาคิม
“เจ้าหญิงครับ”
ธาซิมเอ่ยเรียกด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเจ้าหญิงไลอาด์ค่อยๆ ลดโทรศัพท์ลงจากใบหู ก่อนจะกดตัดสายโดยไม่ปะทะคารมกับผู้พันฮาคิมต่อ
ไม่อยากให้ธาซิมเห็นหยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอระคนเสียใจที่เอ่ออยู่ในดวงตาแดงก่ำ เจ้าหญิงไลอาด์จึงเบือนหน้านี้ พลางลุกขึ้นยืน แล้วเลี่ยงไปพูดเรื่องการเดินทางแทน
“พนักงานเรียกขึ้นเครื่องบินแล้ว ไปกันเถอะ ธาซิม”
“ครับ เจ้าหญิง”
เมื่อเจ้าหญิงไลอาด์ไม่อยากพูด ธาซิมก็ไม่อาจบังคับเจ้าหญิงได้ นอกจากลุกขึ้นยืน แล้วทำหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินตามเจ้าหญิงไปขึ้นเครื่องบิน