เมื่ออยู่กันตามลำพังกับผู้พันฮาคิมอีกครั้ง ผู้กองฟาดิสก็เอ่ยถามผู้บังคับบัญชา ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“ผู้พันคิดว่าวันนี้เราจะได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของไอ้นาฟซาไหมครับ”
ผู้พันฮาคิมส่ายหน้าปฏิเสธ “คิดว่าไม่...ไอ้นาฟซามันฉลาดนัก นอกจากไอ้ชิยาด์แล้ว มันไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าของมันแม้แต่คนเดียว”
“แบบนี้ก็ทำให้พวกเราต้องควานหาตัวมันยากยิ่งกว่าเดิม” ผู้กองฟาดิสเอ่ยเสียงเครียดไม่แพ้ครั้งแรก แถมสีหน้ายังเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน
นาฟซาหัวหน้ากองโจรคนนี้ฉลาดเป็นกรด ในทุกครั้งที่มีการเรียกประชุมลูกน้องในกองโจร นาฟซาจะปรากฏตัวพร้อมๆ กับหน้ากากสีทองอันใหญ่ ซึ่งปกปิดใบหน้าของมันไว้ คงมีแค่เพียงลูกน้องคนสนิทที่อยู่กับมันตลอดทั้ง 24 ชั่วโมงอย่างไอ้ชิยาด์เท่านั้น ที่ได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของนาฟซา
“ยากแค่ไหน เราก็จะหามันให้เจอ แล้วลากคอมันไปรับใช้กรรมที่มันก่อในคุก”
ผู้พันฮาคิมเค้นตอบเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบไหววาบ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการควานหาคนหนึ่งคน ภายในกองโจรที่มีลูกน้องเป็นร้อย เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าคนไหนคือนาฟซา แต่เขาก็จะตามหาหัวหน้ากองโจรคนนี้ให้เจอโดยเร็วที่สุด
และวิธีที่จะทำให้ได้เห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากสีทองของไอ้นาฟซา คือการพยายามสร้างผลงาน ‘ปล้น’ ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของนาฟซามากที่สุด เพื่อจะได้เลื่อนขั้นไปเป็นลูกน้องคนสนิทคนโปรด และได้อยู่ใกล้ชิดกับมันตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง
“ไปกันเถอะ ฟาดิส เราอยากรู้ว่าไอ้นาฟซามันเรียกประชุมด่วนเรื่องอะไร”
ผู้พันฮาคิมผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โดยไม่ลืมเหน็บปืนพกไว้กับซอกรักแร้ทั้งสองด้านด้วย
“ครับผู้พัน”
ผู้กองฟาดิสเองก็ซ่อนปืนพกทรงประสิทธิภาพไว้ตรงซอกเอวทั้งสองด้าน พลางเดินเคียงคู่กันตรงไปยังลานประชุม อยากรู้ใจจะขาดถึงเรื่องที่นาฟซาจะพูดในวันนี้ เพราะนั่นอาจเป็นช่องทางให้ผู้พันฮาคิมได้สร้างผลงานเป็นที่ถูกใจ เพื่อได้เป็นลูกน้องคนโปรด เข้าไปยืนแทนที่ไอ้ชิยาด์ และทำการเด็ดหัวนาฟซา กำจัดกองโจรนี้ให้สิ้นซากไปจากแผ่นดินประเทศคาลาส์...
ณ บริเวณลานประชุมในยามนี้ เต็มไปด้วยโจรร้าย ซึ่งล้วนเป็นที่หมายหัวต้องการกวาดล้างให้สิ้นซากจากรัฐบาลคาลาส์
แต่ละคนกำลังสำราญกับเหล้า บุหรี่ และนารีที่ต่างก็คว้าให้มานั่งบนตักเพื่อคอยบำเรอความใคร่ให้ ขณะรอหัวหน้ากองโจรนาฟซาออกมาจากบ้านพัก และประกาศถึงเรื่องด่วนที่เรียกประชุมในวันนี้
ผู้พันฮาคิมเดินเข้ามาในบริเวณลานประชุมพร้อมด้วยผู้กองฟาดิส เมื่อเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เข้ามาอยู่ในกองโจรแล้ว ก็ต้องทำตัวให้เหมือนมหาโจรที่สุด
ผู้พันหนุ่มคีบบุหรี่ไว้ในปาก ก่อนจะพ่นควันลอยโขม่ง พอเดินผ่านโสเภณีคนหนึ่งซึ่งถูกซื้อมาในราคาถูก ก็ตบหมับไปบนสะโพกของเธอ แล้วบีบขย้ำลงไปหนักๆ พร้อมกับกระตุกยิ้ม ส่งสายตาเร่าร้อนเป็นการเชิญชวนให้โสเภณีคนนี้เดินตามเขามาด้วย
“ว่างไหม สาวน้อย ถ้าว่างก็มานั่งบนหน้าตักพี่ ทำให้พี่ร้อนเป็นไฟโลกันต์”
ถูกเชิญชวนด้วยสายตายียวนพร้อมด้วยเสียงกระเส่า จากชายหนุ่มที่เรียกได้ว่าคมเข้มดุดันที่สุดในกองโจร มีหรือที่โสเภณีคนนี้จะไม่กระโดดไปกอดจูบผู้พันฮาคิมในทันที
“เพื่อฮาคิมแล้ว ฉันว่างเสมอค่ะ”
“แบบนี้สิ พี่ชอบ”
ผู้พันหนุ่มแสร้งเล่นละคร แต่กลับลอบถอนหายใจ เกลียดริมฝีปากที่ทาด้วยลิปสติกสีแดงสด ไม่ต่างจากแวมไพร์ที่เพิ่งดูดเลือดมาหยกๆ แถมยังเหม็นกลิ่นน้ำหอม ที่ดูเหมือนเธอจะอาบมากกว่าฉีดใส่ตัว จนกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทำเอาเขาเกิดอาการปวดหัวกับกลิ่นเหล่านี้
อยากผลักโสเภณีให้พ้นตัว แต่เพราะมั่นใจว่ากำลังถูกจับตามองจากคนอื่นๆ อยู่ ผู้พันฮาคิมจึงจำต้องตีบทให้แตก คว้าโสเภณีมาปะทะกายกำยำ แล้วบดขยี้ริมฝีปากลงไปบนปากแดงสดแลดูเร่าร้อนยิ่งนัก
ทว่า...ผู้พันฮาคิมไม่ยอมเปิดปากให้โสเภณีคนนี้สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเขาได้ คงมีแค่เพียงริมฝีปากที่กดบดขยี้จาบจ้วงลงไป ก่อนจะผลักโสเภณีให้พ้นตัว เมื่อเหลือบสายตาเห็นนาฟซากำลังเดินออกมายืนอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านพัก โดยมีชิยาด์คอยประกบอยู่ข้างๆ ด้วย
“ฮาคิมขา...ไปต่อที่เหลือให้จบนะคะ”
“ถอยไป”
ผู้พันฮาคิมไม่มีอารมณ์จะฟัดกับใครทั้งนั้น ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องมองไปยังนาฟซา และด้วยตอนนี้เขายืนอยู่ค่อนข้างไกล ทำให้มองเห็นนาฟซาไม่ชัด จึงจะก้าวเดินเข้าไปใกล้กว่านี้ แต่ก็ถูกโสเภณีสาวจอมตื้อฉุดดึงต้นแขนสีแทนไว้แน่น
“นะคะ ฮาคิมขา...ไปต่อที่เหลือก่อน ฉันจะบริการคุณให้ถึงใจ เด็ดสะระตี่ไปเลยค่ะ”
โสเภณีปากแดงสด ยังฉอเลาะ ลดปากเข้าไปใกล้ริมฝีปากของผู้พันฮาคิม แถมมือเล็กก็ทำท่าจะเอื้อมไปลูบแก่นกายลำใหญ่ที่ยังคงสงบนิ่งอยู่ภายใต้กางเกงเนื้อดี
แต่...ผู้พันฮาคิมรู้เท่าทัน คว้ามือเล็กของโสเภณีสาวบีบไว้แน่นจนกระดูกแทบแตก ถลึงตาจ้องมองเขม็ง ขณะเค้นเสียงขู่ลอดไรฟัน
“ถ้าไม่อยากตาย ก็ถอยไป”
“ไม่อยากขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดหรือคะ ฮาคิม...ฉันทำให้คุณมีความสุขได้นะคะ” โสเภณีสาวยังทำใจดีสู้เสือ ทั้งๆ ถูกจ้องมองเขม็งจากผู้พันหนุ่ม
“คุณมีเวลาหนึ่งนาทีที่จะทำตามคำสั่งของผม ไม่เช่นนั้นก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
แม้อยากอยู่บริการสวาทให้กับผู้พันฮาคิมใจจะขาด แต่พอได้ยินเสียงขู่เย็นยะเยือกดั่งหลุดมาจากขุมนรก โสเภณีคนนี้ก็รับคำเสียงสั่น รีบผละหนีในทันที
“ค่ะๆ ไปแล้วค่ะ”
กำจัดโสเภณีไปให้พ้นตัวแล้ว ผู้พันฮาคิมก็เอ่ยบอกลูกน้องคนสนิท พร้อมกับเดินแทรกกลุ่มฝูงชนที่เป็นโจรร้ายล้วนๆ ไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้า
“ไปข้างหน้า ฟาดิส เราอยากเห็นลักษณะท่าทางการเดิน การยืนของไอ้นาฟซา และอยากได้ยินเสียงของมันชัดๆ ด้วย”
“ครับผู้พัน ไปกันเลยครับ” ผู้กองฟาดิสเดินตามมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ จากนั้นต่างก็ช่วยกันจดจำรูปพรรณด้านนอกของนาฟซาให้ได้มากที่สุด