ไม่นานนักรถก็แล่นผ่านประตูวัดเข้ามา พาเพลินเปิดประตูลงไปยืนมองศาลาสำหรับนั่งทำพิธีกรรม มีผู้คนมานั่งรอสวดพระอภิธรรมค่อนข้างบางตา
“ตอนมีคนก็นับหน้าถือตา แต่พอไม่มีก็เป็นแบบนี้แหละค่ะคุณหนูเพลิน ไปค่ะเดี๋ยวป้าพาไปทำความรู้จักกับคุณเหนือเมฆ ไอ้มาเอ็งไปดูแลข้าวต้มเลี้ยงแขกไป” ป้าน้อยหันไปสั่งสามีก่อนเดินนำหน้าพาเพลินไปยังศาลา เดินตรงไปยังเก้าอี้ตัวด้านหน้าสุด
“คุณเหนือเมฆคะ นี่คุณหนูเพลินค่ะ” ป้าน้อยแนะนำพาเพลินให้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งพาเพลินก็ยกมือขึ้นไหว้เขาในทันที คิดว่าคนเป็นเจ้าของไร่จะสูงวัยกว่านี้ แต่ดูแล้วเหนือเมฆคนนี้น่าจะอายุราวสามสิบปลาย ๆ เท่านั้นเอง ใบหน้าของเขาคมเข้ม ผิวสีแทนเหมือนคนกรำงานหนัก ดูทรงพลังและมีอำนาจอยู่ในที
“ลูกสาวคุณอรรถเหรอป้าน้อย” ชายหนุ่มหันมาถามพร้อมปรายตามามองพาเพลินเล็กน้อย ไม่ยกมือขึ้นรับไหว้หญิงสาวแต่อย่างใด นั่นทำให้พาเพลินรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย
“ใช่แล้วค่ะคุณเหนือเมฆ คุณหนูเพลินนั่งตรงนี้ข้าง ๆ คุณเหนือเมฆนะคะ เดี๋ยวป้าน้อยจะไปดูแลอาหารในครัวช่วยไอ้มามันก่อน” ป้าน้อยจัดแจงที่นั่งของพาเพลินให้นั่งติดกับเหนือเมฆ
“ได้ค่ะป้าน้อย” หญิงสาวฝืนยิ้มให้หญิงสูงวัยเล็กน้อย
หลังจากป้าน้อยจากไปแล้ว พาเพลินก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเหนือเมฆนั้นไม่ได้มีความเป็นมิตรกับเธอสักเท่าไร อีกทั้งคนที่นั่งอยู่ด้านหลังก็พากันซุบซิบเรื่องเธอไปต่าง ๆ นานา
“จะมาฟังสวดศพทั้งที ไม่ต้องใส่แว่นดำสวมหมวกหรอกคุณ” เหนือเมฆตำหนิหญิงสาวเบา ๆ
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ ฉันลืมถอด” พาเพลินรีบถอดหมวกแก๊ปออก แล้วดึงแว่นดำมาเสียบไว้ตรงอกเสื้อแทน รู้สึกประหม่าที่ต้องนั่งอยู่ข้างคนอย่างเขา เป็นบรรยากาศแห่งความอึดอัดใจเป็นที่สุด
“ถ้าพ่อไม่ตายก็คงไม่มาเหยียบที่นี่สินะ” เหนือเมฆเอ่ยขึ้นลอย ๆ
พาเพลินเหลือบตามองเขาเล็กน้อย เขาพูดทั้งที่ไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ เขาพูดแบบนี้หมายความว่าเขารู้จักเธอจากข่าวในโลกออนไลน์เป็นอย่างดี น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าเขาเชื่อข่าวพวกนั้นอย่างสนิทใจ แล้วเรื่องอะไรเธอจะต้องสนใจ คนที่เต็มไปด้วยอคติอย่างเขาด้วย
สักพักใหญ่ ๆ พิธีกรรมทางศาสนาก็เริ่มขึ้น ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ในใจของคนเป็นลูกสาวนั้นวังเวงยิ่งกว่าครั้งไหน นั่งฟังเสียงสวดพระอภิธรรมไปอย่างเงียบ ๆ
“น้ำตาไม่มีสักหยดไม่รู้รักพ่อหรือเปล่า”
“ไม่รักหรอก ถ้ารักก็คงมาหานานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้ตายก่อนค่อยมาแบบนี้หรอก”
เสียงนินทาดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมไปแล้ว ทุกคนกำลังทยอยเดินทางกลับบ้านของตนเอง พาเพลินทำเป็นไม่ได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้น เปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งอธิบายความจริงให้คนที่ปักใจเชื่อไปแล้ว หญิงสาวยังไม่กลับบ้านในทันที เพราะต้องรอให้ลุงมากับป้าน้อยเก็บครัวให้เรียบร้อยเสียก่อน
“จะกลับเลยไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” เหนือเมฆหันมาถามเธอหลังจากทุกคนเดินออกจากศาลาวัดไปแล้ว เหลือเพียงเธอกับเขาแค่สองคน
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าฉันต้องกลับพร้อมลุงมากับป้าน้อยค่ะ”
“ถ้าคุณอยากกลับก่อนก็ได้นะ ทางผ่านไร่ผมพอดีติดรถผมไปก็ได้ เดี๋ยวแวะเข้าไปส่งในไร่ให้”
“อย่าลำบากเลยค่ะ ฉันกลับพร้อมลุงมากับป้าน้อยดีกว่า” พาเพลินปฏิเสธเพราะเธอไม่อยากนั่งรถด้วยความรู้สึกอึมครึมไปตลอดเส้นทาง
“ตามใจครับ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ถ้างั้นอีกสองคืนที่เหลือผมคงต้องให้ลูกสาวอย่างคุณเป็นเจ้าภาพเองนะครับ”
“ได้ค่ะ”
“งั้นผมไปนะครับ” เขาพูดเหมือนโกรธแล้วเดินจากไปในทันที
เป็นแบบนี้ไปตลอดสามวันกระทั่งถึงวันเผา ทุกพิธีกรรมทางศาสนา มีเหนือเมฆอยู่คอยช่วยเหลือตลอดเวลา พาเพลินไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธออุ่นใจที่ในงานมีคนนั่งเคียงข้างตลอดเวลา เพราะลุงมากับป้าน้อยต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน ซึ่งเธอก็มารู้ทีหลังว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงินของเหนือเมฆ
หลังเก็บกระดูกของบิดาเสร็จแล้ว หญิงสาวตั้งใจจะเข้าไปขอบคุณเหนือเมฆก่อนกลับกรุงเทพฯ แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปหาเขาก็มีชายวัยกลางคนมาหาเธอเสียก่อน
“คุณพาเพลินครับ ผมชื่อศรุตเป็นทนายของคุณเหนือเมฆครับ” พาเพลินมองชายตรงหน้าอย่างแปลกใจ เธอเห็นเขาในงานทั้งสามคืน แต่เขาไม่ได้เข้ามาทักทายแต่อย่างใด
“ทนายเหรอคะ”
“ใช่ครับ พอดีว่าคุณเหนือเมฆให้ผมมาดูแลเรื่องมรดกของคุณอรรถพันธ์ครับ”
“มรดกเหรอคะ” หญิงสาวทำหน้าประหลาดใจหนักกว่าเดิม เหนือเมฆให้ทนายของเขามาดูแลเรื่องมรดกของบิดาเธอ มันฟังดูแปลก ๆ ยังไงไม่รู้
“ใช่แล้วครับ ก็ไร่พาเพลินทั้งไร่นั่นแหละครับ คุณอรรถพันธ์ไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ก่อนตาย แต่คุณพาเพลินไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นนะครับ คุณเหนือเมฆให้ผมมาจัดการให้คุณเองครับ” ทนายศรุตชี้แจงเรื่องมรดกให้พาเพลินได้รับรู้
“ค่ะ แล้วฉันต้องทำยังไงคะ”
“ไม่ต้องทำอะไรครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมเอาเอกสารไปให้เซ็นที่ไร่ผมกลัวว่าคุณพาเพลินจะกลับกรุงเทพฯ ก่อน เลยรีบมาบอกไว้น่ะครับ”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณที่ช่วยดำเนินการเรื่องนี้ให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
ทนายศรุตเดินจากไป พาเพลินหันกลับมามองไม่เห็นเหนือเมฆแล้วเหมือนกัน เขาคงกลับไปตอนที่เธอคุยกับทนายศรุตอยู่เป็นแน่
“ป้าน้อยเรากลับกันเถอะค่ะ” พาเพลินหันไปพูดกับหญิงสูงวัยที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว
“ค่ะคุณหนูเพลิน เดี๋ยวป้าไปตามไอ้มามันก่อนนะคะ”
ป้าน้อยเดินกลับเข้าไปในห้องครัว ครู่หนึ่งก็ออกมาพร้อมกับลุงมา รถกระบะคันเก่าพาทั้งสามกลับไปที่ไร่พาเพลินอย่างช้า ๆ