2
มรดกพร้อมหนี้
ทนายศรุตเดินทางมาจัดการเรื่องมรดกในเช้าวันถัดมา ทำให้พาเพลินรู้ว่านอกจากไร่แห่งนี้แล้ว บิดาของเธอยังได้ทิ้งหนี้สินก้อนใหญ่ไว้ให้อีกด้วย
“ผมคิดว่าหนี้ก้อนนี้ คุณพาเพลินควรต้องใช้คืนแทนคุณพ่อนะครับ ตอนทำเรื่องกู้ยืมกันคุณเหนือเมฆให้ทำหลักฐานการกู้ยืมไว้ด้วยทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นคุณพาเพลินอาจจะต้องเสียไร่นี้ไปนะครับ”
“ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกค่ะ ตั้งห้าล้านไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย ดีไม่ดีฉันอาจจะปล่อยให้คุณเหนือเมฆยึดไร่ไปเลยก็ได้ค่ะ” พาเพลินพูดแบบเศร้า ๆ เธอคงไม่มีความสามารถพอจะหาเงินมาไถ่ไร่คืนจากเขาได้ ก่อนหน้าบิดาของเธอได้นำไร่พาเพลินไปจำนองไว้กับเหนือเมฆ พอท่านเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ไร่พาเพลินกับหนี้สินทั้งหมด จึงกลายเป็นมรดกตกถึงลูกสาวอย่างเธอ
“ลองคุยกับคุณเหนือเมฆดูก่อนนะครับ เผื่อจะสามารถตกลงกันได้”
“ค่ะฉันจะลองคุยดู”
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทนายศรุตเดินออกไปแล้ว พาเพลินยังนั่งมองเอกสารตรงหน้า ได้รับทั้งมรดกได้รับทั้งหนี้สินก้อนโต หากโทรไปถามมารดาท่านคงตอบว่าให้ทิ้งทุกอย่าง แล้วกลับไปกรุงเทพฯ เสีย ใช่แล้ว นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
“คุณหนูเพลินคะ ป้าทำมื้อเช้าไว้ให้แล้วค่ะ จะให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ ตอนแรกว่าจะเชิญทนายศรุตกินด้วย แต่คงไม่ทันป้าเห็นขับรถออกไปโน่นแล้ว” ป้าน้อยเดินเข้ามาบอก
‘แล้วสองคนนี้ล่ะจะทำยังไงต่อ แก่ขนาดนี้แล้วจะไปรับจ้างทำงานอะไรได้อีก’
“ตั้งโต๊ะเลยก็ได้ค่ะเดี๋ยวเพลินไปกินเอง เอ่อ ป้าน้อยรู้เรื่องหนี้ของพ่อกับคุณเหนือเมฆหรือเปล่าคะ”
“ก็พอรู้อยู่บ้างค่ะ” ป้าน้อยตอบพร้อมกับสีหน้าสลดลง บ่งบอกว่าได้มีความสิ้นหวังอยู่ในไร่แห่งนี้ พาเพลินไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะต้องมารับรู้ปัญหาของบิดา อีกทั้งยังต้องตัดสินใจในเรื่องที่ยากเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจได้อีกด้วย
“พ่อคงลำบากแย่เลยนะคะ”
“ก็พอสมควรแหละค่ะ อ้าว นั่นเสียงรถคุณเหนือเมฆมาค่ะ มีธุระอะไรแต่เช้าเลย” ป้าน้อยเอ่ยขึ้นพลางชะเง้อคอมองไปยังประตูหน้าบ้าน
“ป้าน้อยจำเสียงรถเขาได้ด้วยเหรอคะ”
“จำได้ค่ะ แกมาบ่อยค่ะ”
“เหรอคะ แล้วเขาจะมาอีกทำไมคะ พ่อก็ไม่อยู่แล้ว”
“คิดว่าน่าจะมาหาคุณหนูเพลินค่ะ คงมีเรื่องอยากคุยด้วย เรื่องหนี้มั้งคะ”
พาเพลินถึงบางอ้อในทันที ดูเหมือนทุกคนกลัวว่าเธอจะหนีกลับกรุงเทพฯ ไปก่อน จึงพากันมาหาถึงบ้านตั้งแต่เช้าแบบนี้
เหนือเมฆเดินเข้ามาในห้องรับแขก พาเพลินยกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาทของเจ้าของบ้านที่ดี ป้าน้อยกุลีกุจอไปหาน้ำมาต้อนรับแขกก่อนจะปลีกตัวออกไปทางห้องครัว เหลือไว้แค่เธอกับเขาและความอึดอัดใจอยู่เป็นเพื่อน
“ทนายศรุตบอกคุณเพลินหรือยังครับ เรื่องหนี้” เหนือเมฆตั้งใจมาคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ เขาปรายตามองนางร้ายคนดังจากข่าวฉาวกระฉ่อนโลกโซเซียลอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง ตัวจริงของพาเพลินนั้นสวยกว่าในทีวีเป็นไหน ๆ แต่นั่นก็แค่เปลือกนอก ผู้หญิงคนนี้หาได้มีความดีงามอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย
“รู้แล้วค่ะ คุณเหนือเมฆมาก็ดีแล้วค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้แทนพ่อเหมือนกัน เลยอยากจะขอผ่อนผันเรื่องหนี้กับคุณ” พาเพลินขัดใจที่เขาเรียกชื่อเล่นของเธอ ทั้งที่ไม่ได้มีความสนิทสนมกัน แต่เธอก็เลือกที่จะนิ่งไม่ได้ทักท้วงอะไรเขาออกไป
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับคุณเพลิน ล่าสุดผมเห็นคุณรับงานถ่ายแบบชุดว่ายน้ำด้วยนี่ครับ” เหนือเมฆทำเสียงเยาะหยันหญิงสาวอยู่ในที เพราะชุดที่ว่านั่นแสนวาบหวิวใช่เล่น
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นี่คะ ฉันทำงานมีค่าใช้จ่าย มีเงินเก็บแค่นิดหน่อย ไม่ได้มีเหลือมากมายขนาดเอามาจ่ายหนี้เป็นล้าน ๆ ได้หรอกค่ะ” พาเพลินต้องข่มความโกรธเอาไว้ ไม่แสดงออกมาให้เขาเห็น แม้จะจับน้ำเสียงเยาะหยันจากเขาได้ คงมองว่าเธอเป็นพวกขายเนื้อหนังมังสาหากินเป็นแน่ ทั้งที่ก็เป็นแค่งานงานหนึ่งที่เธอต้องทำตามความต้องการของคนจ้างเท่านั้นเอง
“อ้อ แสดงว่าค่าตัวถูกสินะ”
“นี่คุณ !”
“ไม่ต้องทำตื่นเต้นไปหรอกคุณเพลิน ผมแค่จะแวะมาบอกว่าปกติแล้วผมจะมาเก็บดอกกับคุณอรรถทุกวันอาทิตย์”
“ทุกวันอาทิตย์ ?”
“ใช่แล้วครับ ถ้าไม่อยากจ่ายดอกก็ปล่อยให้ผมยึดที่นี่ตามที่สัญญาระบุไว้ก็ได้นะครับ คนอย่างคุณเพลินคงไม่มาสนใจอะไรไร่โทรม ๆ นี่หรอกใช่ไหมครับ” เหนือเมฆตั้งใจจะขยายไร่ของตนเองให้ใหญ่ขึ้น เขาเล็งไร่พาเพลินนี้เอาไว้ตั้งแต่แรก ฉะนั้นพอนายอรรถพันธ์มาคุยเรื่องจำนองไร่ เพื่อนำเงินสดไปใช้จ่ายภายใน เขาจึงไม่ลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือ เพราะหากอีกฝ่ายไม่มีเงินมาไถ่คืนตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา เขาก็สามารถยึดไร่นี้ได้อย่างถูกต้อง
“ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ ยังไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี” ตอนแรกว่าจะไม่สนใจไร่นี้แล้ว แต่พอเขามาพูดดูถูกกันแบบนี้ พาเพลินก็ชักไม่สบอารมณ์เข้าเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรครับผมรอได้ ขอตัวกลับก่อนนะครับ” เหนือเมฆลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไป
ป้าน้อยเดินเข้ามาหาหญิงสาวในทันที สีหน้าดูเป็นกังวลอย่างมาก สักพักลุงมาก็เดินตามเข้ามาด้วย ทั้งคู่ต่างมองพาเพลินด้วยสายตาตั้งคำถามเดียวกัน
“เพลินยังไม่รู้จะจัดการกับหนี้สินนี้ยังไงเลยค่ะ” พาเพลินยิ้มแห้ง ๆ ให้ทั้งคู่
“แล้วคุณหนูเพลินจะอยู่ที่นี่ต่อไหมคะ”
“เพลินกะว่าจะอยู่ต่อไปอีกสักพักค่ะป้าน้อย เดี๋ยวสรุปเรื่องนี้ยังไงเราค่อยมาคุยกันอีกทีนะคะ”
“ได้ค่ะ ไปไอ้มากลับบ้านได้แล้วเรา ไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ป้าน้อยดันหลังลุงมาให้ลุกขึ้น
“คุณหนูเพลินอย่าลืมกินข้าวเช้านะคะ กินอิ่มแล้วก็วางไว้ตรงโต๊ะนั่นแหละ เดี๋ยวป้ากลับมาเก็บให้เองค่ะ”
“ค่ะป้าน้อย”
หลังป้าน้อยกับลุงมาออกจากบ้านไปแล้ว พาเพลินก็ลุกขึ้นเดินไปทางโต๊ะอาหาร นั่งกินข้าวด้วยอาการเบื่อหน่ายชีวิตเต็มทน หญิงสาวฝืนใจกินให้ได้มากที่สุด เพราะเกรงว่าคนทำจะน้อยใจ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง