วันออกค่ายอาสา.....
ฉันลากกระเป๋าขึ้นรถพร้อมกับมองหาที่นั่ง วันนี้เป็นวันที่พวกเราต้องไปทำกิจกรรมค่ายอาสาซึ่งจะมีหลากหลายคณะที่ไปด้วย เพราะกิจกรรมนี้ถ้าใครสนใจก็สามารถลงชื่อร่วมกิจกรรมได้
ฉันมองหาที่นั่งไอ้โซ่มันก็นั่งกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถ้าให้เดาเป็นผู้หญิงที่มันกำลังตามจีบอยู่แน่ๆ
"เฮียนั่งด้วยดิ" ฉันเดินไปนั่งข้างๆเฮียปลื้มที่นั่งเล่นเกมส์อยู่คนเดียว
"จะถามกูทำไมในเมื่อมึงนั่งแล้ว" ฉันเบะปากมองบนก่อนจะสบตากับอีกคนที่ไม่ได้เจอกันสองวันตั้งแต่ฉันกลับบ้านต่างจังหวัด ว่าแต่เขาไปด้วยเหรอเนี่ย
"สวัสดี" ฉันโบกมือทักทายเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งแต่กลับถูกเมินซะงั้น เจไดเดินไปนั่งฝั่งข้างๆก่อนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมานั่งด้วย
"ขอโทษนะคะ ตรงนี้มีคนนั่งหรือยัง"
"ไม่"
"ขอนั่งด้วยคนนะคะ" เจไดแค่หันหน้าหนีก่อนที่ผู้หญิงหน้าตาน่ารักนั่งลงข้างๆด้วยอาการเขินๆ
จึก ขณะที่ฉันกำลังมองนกมองกาข้างทางก็ขมวดคิ้วเพราะแรงสะกิดจากคนข้างๆ "อะไรเนี่ย"
"คนนี้สวยปะวะ" ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่มองรูปผู้หญิงในมือถือเฮียปลื้ม
"สวย แต่ไม่เท่าฉัน" ทว่า กลับเป็นฉันที่ยกมือลูบหน้าผากตัวเองเพราะถูกเฮียปลื้มตีเข้าให้
"ถ้ามึงสวยกูคงจีบไปแล้วแหละ แมนเหมือนผู้ชายแบบนี้ถ้าจะมีคนชอบก็มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ" เฮียปลื้มจับหัวฉันโยกไปมาจนฉันเวียนหัวไปหมด
ฉันกับเฮียปลื้มมองขวดน้ำเปล่าที่ตกก่อนจะกลิ้งมาหยุดที่เท้าฉัน ฉันมองเจไดที่มองตามขวดน้ำก่อนจะยกมือกอดอกตัวเองแล้วหลับตา เฮียปลื้มหยิบน้ำยื่นให้ผู้หญิงที่นั่งข้างเจไดพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ "ของน้องหรือเปล่าครับ" โถ่ กับน้องนุ้งพูดกูมึง ทีกับผู้หญิงน่ารักเรียกน้อง
"อ้อ ของพี่เจไดค่ะ สงสัยจะหลุดมือตอนดื่มน้ำ" แหม่ นั่งด้วยกันไม่ถึงสิบนาทีนี่รู้จักชื่อกันแล้ว
ผ่านไปนานพอสมควรในที่สุดรถก็หยุดพร้อมกับนักศึกษายกกระเป๋าตัวเองลงจากรถ ฉันเดินตามร่างสูงที่กำลังลากกระเป๋าขึ้นห้อง
"นี่ เจได ทำไมเย็นชาจัง ไม่ทักกันเลยนะ" โกรธอะไรฉันหรือเปล่าเนี่ย
"พี่เจไดลืมของค่ะ" ในขณะที่เจไดหันมามองหน้าฉัน จู่ๆ เสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นพร้อมกับรุ่นน้อง น่าจะคณะแพทย์ที่นั่งข้างเจไดวิ่งมา พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
"เอาไปเถอะ" พูดจบเจไดก็เดินออกไป ก่อนที่ฉันจะยูปากพร้อมกับเลิกคิ้วมองผู้หญิงข้างๆกำผ้าเช็ดหน้าแล้วยิ้มออกมา อะไรจะดีใจขนาดนั้น รู้หรือเปล่าว่าให้ผ้าเช็ดหน้ากันแปลว่ายื่นเรื่องเศร้าให้กัน
หลังจากที่ฉันเอากระเป๋าไปเก็บก็เดินออกมาจากห้องทันที ก่อนจะพบเจไดที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเขา
"ทุกคนมาทางนี้หน่อยครับ" เสียงเฮียปลื้มดังขึ้นพร้อมกับผู้คนมากมายเดินไปที่ตรงนั้น
"อาจารย์จะให้นักศึกษาทุกคนเริ่มกันทาสีโรงเรียนก่อนนะ แต่มันติดอยู่ที่ว่าเราต้องเข้าเมืองไปซื้อสีมาใหม่เพราะว่าเราไม่ได้นำสีมาด้วย" เข้าเมืองเหรอ ฉันยกยิ้มทันทีก่อนจะยกมือขึ้น ตอนนี้อยากกินสับปะรดสุดๆ
"อาจารย์คะ ขออาสาไปซื้อสีเองค่ะ"
"งั้นผมจะไปกับน้องรหัสเองครับ" เฮียไวน์อาสาอีกคน
"แบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวจะมีชาวบ้านไปด้วย งั้นพวกเธอสองคนไปรอรถตรงนั้นนะ" ฉันกับเฮียไวน์เดินไปรอรถก่อนจะรู้สึกว่ามีคนเดินตามหลังมา
"อาจารย์ให้มาด้วย" ฉันพยักหน้าเหลือบมองเจไดกับเฮียไวน์ที่ไม่แม้จะมองหน้ากัน
"ว่าแต่ข้าวฟ้าไม่มาด้วยเหรอ" ฉันหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันวังเวงมากเกินไป
"ติดเข้าเวรน่ะ ขึ้นรถกันเถอะ"
ฉันเดินขึ้นรถโดยเฮียไวน์นั่งใกล้ฉันส่วนเจไดก็นั่งใกล้เฮียไวน์ จากที่เจไดเล่าเรื่องครอบครัวตอนนั้น ฉันคิดว่าเขาไม่ได้เกลียดเฮียไวน์กับคุณน้าหรอก
หลังจากที่เราซื้อของที่ต้องการหมดทุกอย่างแล้ว ฉันยกยิ้มก่อนจะยกสับปะรดที่ซื้อมานั่งกิน ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ตรงกลางโดยมีเจไดกับเฮียไวน์นั่งประกบข้างซ้ายขวา
ฉันจิ้มสับปะรดจ่อปากเจไดแต่เจ้าตัวกลับหันหน้าออก ฉันเลิกคิ้วก่อนจะจัดการยัดสับปะรดชิ้นนั้นเข้าปาก "ตะกละ" เสียงที่ดังอยู่ข้างหูทำให้รู้ว่าเจไดโน้มหน้าลงมากระซิบ
เอี๊ยด!! และขณะนั้นเอง รถดันแบรกกระทันหันทำให้หน้าฉันเกือบทิ่มเบาะคนนั่ง แต่โชคดีมีแขนของคนข้างๆขวางอยู่ตรงหน้าอกฉัน ย้ำว่าหน้าอกฉัน ฉันหันไปมองเจไดที่กำลังมองแขนตัวเองที่สัมผัสกับของสงวนของฉัน
เจไดลดมือลงพร้อมกับฉันที่ยกมือปิดหน้าอกตัวเอง อยากจะกรีดด่าแต่ก็ทำไม่ได้ "พอดีมีต้นไม้ล้มอยู่ข้างหน้า รถคงไปต่อยังไม่ได้" ลุงคนขับรถพูดขึ้นพร้อมด้วยสีหน้าเซงๆ
"งั้นพวกเราเดินไปก็ได้ครับ คงไม่ไกล" ขวับ! ฉันหันมองหน้าเฮียไวน์ทันที
"งั้นหนุ่มสาวก็เดินไปก่อนนะ กว่าคนที่ลุงโทรให้มาช่วยจะมาคงจะนานหน่อย อีกอย่างมันก็จะค่ำแล้วด้วย"
ผ่านไปครึ่งทางฉันก็ทรุดลงนั่งทันที "ไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ขี่หลัง"
"ไม่เอาดีกว่า เก็บไว้ให้ข้าวฟ้าเถอะ"
"งั้นขี่หลังฉัน" ฉันเบิกตากว้างมองเจไดไม่ต่างจากเอียไวน์ที่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แถมยังมองฉันกับเจไดสลับกันอีกด้วย
"มะ..."
"เมเบลอย่าดื้อ" ไม่มีทางเลือกฉันขึ้นขี่หลังเจไดทันทีก่อนจะยื่นแขนโอบรอบคอเพราะกลัวตก
จากสายตาที่เฮียไวน์มองมา กลับไปที่ค่ายฉันต้องเจอสวบสวนแน่เลย คำถามแรกเลย ไปรู้จักเจไดได้ไง
"ทำไมมันไกลแบบนี้ อีกอย่างมันมืดแล้วด้วย"
"อยู่นิ่งๆแล้วก็เงียบ ไม่งั้นฉันปล่อยเธอไว้ข้างทางแน่" จู่ๆ ฉันก็คิดอะไรออกก่อนจะเป่าหูเจได จนทำให้ร่างสูงสะดุ้ง
"ทำอะไรของเธอ" เสียงเจไดดังขึ้นทำให้เฮียไวน์หันมามองทันที
"เปล่านี่ ว่าแต่นายไม่รู้เหรอว่าน้องคนเมื่อเช้าชอบนาย"
"ใคร" ฉันเกยบนบ่าเจไดก่อนจะชะงักเมื่อเจไดหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับฉันมันทำให้ปลายจมูกโด่งสัมผัสโดนแก้มฉันหัวใจไม่รักดีดันเต้นคล้ายพึ่งไปวิ่งสี่คูณร้อยมา จู่ๆก็รู้สึกร้อนที่หน้าทันที
"กะ...ก็คนที่นายให้ผ้าเช็ดหน้าไง นายสนใจเหรอถึงให้ผ้าเช็ดหน้า"
"ถ้าฉันให้ผ้าเช็ดหน้าเธอแปลว่าฉันสนใจเธอสินะ" ตาบ้า!!
"อาจารย์มากันแล้วค่ะ" เสียงผู้หญิงดังขึ้นพร้อมกับเพื่อนๆที่วิ่งเข้ามาทางฉันที่ขี่หลังเจได
เจไดวางฉันลงก่อนจะเดินไปเอาอะไรสักอย่าง ส่วนเฮียไวน์ก็เดินไปหาอาจารย์คาดว่าน่าจะคุยเรื่องสีที่ไปซื้อเพราะมันอยู่กับรถ
ฉันสะดุ้งเมื่อมีน้ำเย็นขวดหนึ่งแตะแก้มฉัน "ขอบใจ" ฉันรับขวดน้ำจากเจไดพร้อมกับยกขึ้นดื่ม ก่อนจะมองคนข้างๆ
"น้ำของนายล่ะ"
"นั่นไง" ฉันมองน้ำเปล่าที่มือตัวเองพร้อมกับขมวดคิิ้ว
"นายให้ฉันไม่ใช่เหรอ"
"ฉันให้เธอเปิดฝาขวดให้" ฉันอ้าปากค้าง
"เดี๋ยวฉันไปเอาให้ใหม่" ทว่า แขนฉันถูกจับไว้พร้อมกับน้ำที่อยู่ในมือถูกร่างสูงยกดื่ม แต่ฉันดื่มแล้วนะ
"มีเย็นแค่ขวดเดียว" พูดจบเขาก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้ฉันยืนงงอนู่คนเดียว
20:00 น.
ฉันเดินออกมารับอากาศก่อนจะรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ "ไปรู้จักกันตอนไหน" จะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่พี่รหัสฉัน
"เฮียหมายถึงใคร" จริงๆก็พอรู้ว่าเฮียไวน์หมายถึงใคร
"เจได"
"ถ้าฉันบอกเฮียห้ามบอกใครนะ คือ ฉันเป็นหนี้เจไดอยู่เกือบแสน วันนั้นฉันไปบ่อนของเขาแล้วดันมีเรื่องไปทำโต๊ะบ่อนเขาพัง มันก็เลยมีหนี้ติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน"
"ฮะ โต๊ะบ่อน" เห็นไหมเฮียยังตกใจเลย ฉันไม่น่าไปทำโต๊ะหลักแสนพังเลย
"ชอบพี่ชายเฮียหรือเปล่า" ฉันขมวดคิ้วทันที อะไรกัน เปลี่ยนเรื่องทำไม
"แรกๆก็เกลียดขี้หน้า แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ถึงจะปากปีจอก็เถอะ"
"แล้วชอบหรือเปล่า" ฉันเม้มปากแน่น เวลาฉันอยู่กับเจไดฉันรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น รู้สึกดี หรือว่าฉันจะชอบนายเจได ไม่หรอกมั่ง
"ไม่รู้อ่ะ"
"แต่เจไดชอบเธอ"
"บ้าน่า"
"งั้นพิสูจน์ไหมล่ะว่าเจไดชอบเธอจริง หรือไม่ได้ชอบ"
"พิสูจน์ยังไง" รอยยิ้มเฮียไวน์ทำให้ฉันขนลุกทันที
จู่ๆ ข้อความเด้งขึ้นก่อนที่ผมจะกดเข้าไปอ่าน
ยัยเพี้ยน : มาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า
ผมกดปิดก่อนจะเดินลงไปตามสถานที่นัดพบ ผมเดินมาหยุดก่อนเจ้าของใบหน้าหวานจะหันมาสบตากับผม
"มีอะไร" ผมก้าวถอยหลังเมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้าเดินเข้ามาประชิดตัว เดี๋ยว ทำไมผมต้องกลัวด้วย
"ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ฉันต้องใช้หนี้นายให้หมดสักทีแล้วล่ะ หลังจากทำกิจกรรมค่ายอาสาเสร็จฉันจะโอนเงินใช้หนี้ให้นายทั้งหมด" ผมขมวดคิ้วภายในใจมันรู้สึกสับสนปนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
"เธอหาเงิน...."
"ฉันกำลังจะแต่งงานกับคนที่แม่หาให้" ใจผมหล่นวูบทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น
"ไม่ ฉันไม่ให้เธอแต่งงาน" เมเบลขมวดคิ้วมองหน้าผม ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย
"ทำไม"
"เพราะเธอมีแฟนแล้ว นั่นก็คือฉัน ย่าเธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ" ให้ตายสิ
ฉันยืนมองร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับกำมือแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองมีพิรุธ "เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆซ่ะหน่อย เราไม่ได้รักกัน"
พูดจบฉันก็เดินไปนั่งกับพื้นหญ้าเงยหน้ามองพระจันทร์
"นายรู้จักความรักหรือปล่าว มันเป็นแบบไหนเหรอ แล้วมันน่ากลัวหรือเปล่า"
"เมื่อก่อนฉันไม่รู้จัก แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความรักสำหรับฉันมันเป็นแบบไหน" น้ำเสียงเรียบนิ่งที่ดังขึ้นมาทำให้ใจฉันเต้นทุกที
"แล้วแบบไหนเหรอ" ฉันหันไปมองหน้าเจไดที่นั่งข้างๆ
"แบบเธอไงล่ะ" สิ้นประโยคนั้นหน้าก็ร้อนผ่าวทันที บ้าไปแล้ว เหมือนกับถูกบอกรักทางอ้อมเลย แผนเฮียไวน์ใช้ได้ผลจริงดิ
"วะ ว่าไงนะ" ตอนนี้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้วนะ
"ฉันชอบเธอ ฉันจะจีบเธอ"