“ต้องการอะไรก็หยิบๆ เอาราคาแปะไว้แล้ว”
“ข้าต้องการพบเถ้าแก่”
"จะซื้อของต้องพบเจอเหล่าต้าก่อนหรือไง เจ้าจะเอาอะไรก็เลือกๆมา ทุกชิ้นราคาเท่ากับร้านอื่น ไม่พอใจก็กลับไป"
“ข้าไม่ได้ต้องการสินค้าภายในร้านท่าน แต่ต้องการความสามารถของท่าน ท่านช่วยดูแบบมีดนี่ก่อนว่าท่านสามารถทำมันขึ้นมาให้ข้าได้หรือไม่”
ต้าเหย๋าหรือเถ้าแก่เหย๋าก่อนที่จะเปิดร้านที่เมืองนี้ เดิมเคยเป็นช่างตีอาวุธประจำกองทัพที่ขายแดนเป็นช่างที่มีฝีมือ โชคร้ายหลายปีก่อนได้รับบาดเจ็บรุนแรงระหว่างการรบที่หลังและขา ในภาวะสงครามทำให้การรักษาและยาไม่ดีเพียงพอสภาพร่างกายจึงกลายเป็นคนพิการต้องออกจากกองทัพ เพราะร่างกายไม่เหมือนเดิมจึงใช้การดื่มสุราเป็นเครื่องดับทุกข์ทำให้ค่อนข้างมีอารมณ์แปรปรวน โมโหฉุนเฉียวง่าย มีภรรยาและบุตรชายคนหนึ่ง ภรรยาเจ็บป่วยเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนเหลือเพียงบุตรชาย เขาจ้องมองชายหนุ่มแล้วหันหน้าออกไป
“ข้าไม่สนใจ เจ้าออกไปจากร้านข้าซะ”
“นี่เป็นแบบมีดผ่าตัดที่ข้าเขียนขึ้นมา หากเถ้าแก่สามารถตีขึ้นมาได้ ข้ายินดีรักษาอาการเจ็บป่วยที่ท่านเป็นอยู่ให้หายสนิท และยินดีจ่ายเงินตามราคาสำหรับมีดหนึ่งชุด”
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปพร้อมยื่นม้วนผ้าในมือวางบนโต๊ะ นับเป็นข้อเสนอที่ชวนให้สนใจอย่างยิ่ง เพราะร่างกายพิการเขาต้องออกจากกองทัพ จิตใจท้อแท้ว่างเปล่าใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่อยากหายเป็นปกติ ต้าเหย๋าเงยหน้าขึ้นมองประเมินเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนเบื้องหน้าเขาไม่กล้าที่จะคิดแต่ว่ายังแอบหวังว่าอีกฝ่ายจะทำได้ดังที่พูดมา
“เจ้าพูดว่าจะรักษาร่างกายของข้าให้กลับมาดีดังเดิม? เจ้าทำได้หรือ”
“ท่านไม่ต้องสงสัยว่าข้าจะทำได้หรือไม่ ท่านต่างหากที่ควรดูว่าแบบที่ข้าวาดตัวท่านสามารถที่จะทำมันออกมาได้หรือไม่”
จิ่วเหมยฮวาค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าอีกฝ่ายสามารถทำมีดผ่าตัดออกมาให้นางได้ตามแบบ ร่างกายของต้าเหย๋าที่พิการนี้นางสามารถรักษาหายได้อย่างแน่นอน ตั้งแต่เขาเริ่มเดินเข้ามานางก็ใช้สายตาหมอประเมินสภาพร่างกายโดยที่เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ คนผู้นี้น่าจะได้รับอันตรายจากการสู้รบและอาจได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากไฟไหม้ซี่งเป็นเรื่องปกติในสนามรบ กล้ามเนื้อยึดเกร็งและกระดูกหักผิดรูปไม่ได้ยากเกินไปสำหรับนาง
ม้วนผ้าถูกมองอยู่ชั่วครู่ หากสามารถรักษาเขาได้จริงแล้วเขาละทิ้งมันไปด้วยตัวเองชาตินี้ก็ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกแล้ว ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้เอื้อมมือไปหยิบม้วนผ้านั่นแล้วมันก็ถูกคลี่ออกด้วยแสงที่น้อยมาก ทำให้ต้าเหย๋าลุกขึ้นลากเท้าไปจุดตะเกียงส่องดูอย่างตั้งใจด้วยสายตาที่ค่อยๆมีประกายแสงคล้ายย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่เคยรุ่งโรจน์ของชีวิต พลันหันกลับมา
“เจ้ามีเงื่อนไขใดในการทำงานชิ้นนี้”
"หนึ่ง ทุกชิ้นต้องบางและคมตามขนาดที่กำกับไว้
สอง ทุกชิ้นต้องไร้สนิม
สาม กำหนดระยะเวลาห้าวัน หากท่านทำได้ตามนี้ ท่านบอกราคามาได้เลย"
“เหล็กที่ไร้สนิมนั้นค่อนข้างหายาก จำเป็นต้องใช้เวลาและราคาค่อนข้างสูง แต่ข้าทำได้”
“ราคาเท่าใด”
“ห้าสิบตำลึง มัดจำสิบตำลึง”
“ข้าต้องการจำนวนสองชุด นี่เป็นตั๋วเงินสำหรับมัดจำ”
“เจ้าหนุ่มเจ้าต้องการอาวุธเหล่านี้ไปทำอะไร พวกมันมีขนาดเล็กเกินไปเบาเกินไป ถึงแม้จะคมแต่ไม่เหมาะจะใช้เป็นอาวุธ”
“นี่..ไม่ใช่อาวุธ ข้าใช้รักษาคน”
“เจ้าเป็นหมอ?”
“ข้ามิใช่หมอ เพียงมีโอกาสได้เรียนรู้ไว้ใช้ช่วยเหลือชาวบ้านสร้างบุญสร้างกุศลเท่านั้น”
“หากท่านสามารถรักษาขาของข้าได้จริง เงินจำนวนนี้ทั้งหมดท่านไม่ต้องจ่าย”
“……”
“อีกห้าวันเจ้าก็มารับของ”
ร้านดาบต้าเหย๋า วันนี้สะอาดสะอ้านผิดจากอดีต เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของชายวัยฉกรรจ์ เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ได้เป็นความโชคดีที่สุดของเขาและลูกชาย หากร่างกายหายดีขากลับมาเดินได้ปกติ ชีวิตที่เคยไร้ความหมายก็จะจบสิ้นไป เขาสามารถที่จะทำงานหาเงินสั่งสอนและถ่ายทอดฝีมือให้กับลูกชายเพียงคนเดียวได้แล้ว อนาคตลูกชายสามารถทำมาหากินแต่งภรรยามีลูกหลานสืบสกุลให้กับเขาได้
เขามองชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้านึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าโชคดีที่เขารับงานชิ้นนี้ไว้ มีดชุดนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตนเอง เมื่อสามวันก่อนในห้องถูกทำความสะอาดจนไร้ฝุ่นหน้าต่างถูกปิดสนิทแต่กลับจุดเทียนจนสว่างแสบตา ในห้องมีผ้าสีขาวมากมายและอ่างน้ำ เขาถูกสั่งให้ขึ้นไปนอนบนเตียงไม้ที่ปูผ้าสีขาว จำได้เพียงเท่านั้นก่อนที่จะถูกทำให้หลับไป ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา เสี่ยวฟูเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นผู้ช่วย(จำเป็น)ของท่านเซียน ได้ยืนมองดูมือเรียวที่ใช้มีดกรีดลงไปที่ขา เลือดไหลออกมากมาย มีการเย็บผ้าด้วยเข็ม เสี่ยวฟูทำหน้าที่หยิบมีดขนาดต่างๆให้ท่านเซียน หยิบผ้าซับเลือดและเก็บกวาดทำความสะอาดภายหลังจะไร้กลิ่นคาวเลือดในห้อง
“ท่านพ่อ ท่านไม่รู้หรอกว่าเลือดท่านออกมามากมายแค่เห็นข้าก็แขนขาสั่นแทบจะล้มลงไป”
“อย่าบอกใครว่าเจ้าเป็นลูกข้า แค่นี้ก็ใจเสาะไปได้”
“ก็ข้าไม่เคยเห็นนี่ มีดนั่นคมมากกรีดลงไปแผลเรียบมาก ท่านเซียนยังบอกกับข้าว่าถ้าข้าดูแลดีๆ แผลจะเล็กลงจนเกือบมองไม่เห็นด้วยซ้ำ ท่านพ่อวางใจได้ข้าจะดูแลท่านอย่างดี”
ต้าเหย๋าสะอื้นในอกลูกชายที่แสนดีของเขา ได้แต่คว้าร่างผอมบางมากอดไว้แน่นน้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาทั้งที่ตนเองพยายามกลั้นเอาไว้
“เสี่ยวฟู่ เจ้าเป็นเด็กดีอนาคตต้องดีมากๆ แน่นอน จากนี้ไปพ่อจะดูแลเจ้าอย่างดี”
“ท่านพ่อ ท่านอย่าร้องไห้นี่ควรจะดีใจมากกว่านะ อีกหน่อยท่านจะเดินได้ปกติแล้ว”
“นั่นสินะ พ่อนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
คนไข้คนแรกที่ได้รับสิทธิ์ใจการผ่าตัดโดยชุดมีดผ่าตัดที่เขาตีขึ้นมาด้วยตนเอง โชคดีที่สุดที่รับงานชิ้นนี้ไว้
หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยเขาต้องนอนพักและกินโอสถที่ท่านหมอมอบไว้ให้ถึงแม้ในเวลานี้ขาจะยังขยับไม่ได้ต้องอยู่บนเตียงแต่ท่านหมอรูปงามมีลักษณะคล้ายเทพเซียนที่เย็นชาผู้นี้บอกว่าภายหน้าจะสามารถกลับมาเดินได้ดังเดิมขอเพียงเมื่อแผลประสานสนิทเขาจะต้องทำตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ยามนี้เขาได้แต่นั่งมองบุตรชายวัยสิบเอ็ดปีฟังการถ่ายทอดวิธีการดูแลเขาให้ฟื้นฟูร่างกายอย่างมีความสุข
“ท่านหมอ ข้าต้าเหย๋ามีวาสนาได้รับการรักษาจากท่าน ข้าจำไว้เสมอหากมีวาสนาข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณที่ให้ได้ ท่านมีความจริงใจทั้งยังรักษาสัตย์ ท่านสามารถจากไปได้ทันทีโดยไม่รักษาขาให้ข้าก็ได้แท้ๆ แต่ท่านก็ไม่ทำ ขอบคุณมากขอรับ”
“ท่านไม่ต้องคิดมากพวกเราถือว่ามีวาสนาได้พบกัน ช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยข้าก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
“เสี่ยวฟู จำไว้แผลห้ามโดนน้ำช่วงสิบวันแรก ยาที่ข้าให้ไว้เจ้าต้องให้บิดากินตามเวลาจนครบ เมื่อแผลหายแล้วเจ้าต้องคอยช่วยประคองบิดาขยับร่างกายตามท่าทางที่ข้าสอนเจ้าไว้เช้าเย็น”
“ข้าจำได้ขอรับ ขอบคุณท่านเซียนมากขอรับ”
ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินพูดกับเด็กชายหลังจากทบทวนท่าทางต่างๆ เรียบร้อยเด็กชายก็ตอบรับด้วยท่าทางนอบน้อม
ต้าเหย๋าทอดมองเพดาน มีดที่คมที่สุดที่ข้าตีขึ้นมา กลับนำมาใช้รักษาขาสร้างชีวิตที่ดีสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนและลูกชายขอบคุณสวรรค์ที่ไม่ทอดทิ้ง ขอบคุณท่านหมอ (ที่ไม่ยินยอมให้เขาเรียกว่าเซียน แต่ใจเขาจดจำไว้แล้ว)
“เราสองคนออกจากเมืองนี้ มุ่งหน้าไปแถบชายแดนเหนือดีไหม ไปช่วยเหลือชาวบ้านแถบนั้นดีกว่า ที่นี่ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือมากนัก”
“ได้”
ชายหนุมในชุดน้ำเงินพูดไปพลางมองไปทั่วทำไมรู้สึกว่านางกำลังคุยคนเดียว นับวันศิษย์น้องยิ่งพูดจาน้อยลง