ตอนที่ 1 เฟรชชี่ (2)

1007 คำ
วันต่อมา... หลังจากที่เมื่อวานนี้มาถึงมหาวิทยาลัยเป็นวันแรก ประโยคแรกที่หญิงสาวอุทานออกมาคือ “ว้าว นี่เหรอ มหาวิทยาลัยของเรา” “ว้าวตรงไหน” เจ้าของแซนด์วิชพูดขึ้นมาบ้าง “น่าเบื่อ” คนที่ทำหน้าที่สารถีก็พูดขึ้นมาบ้างเช่นกัน เพราะการที่ต้องย้ายจากกาญจนบุรีมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์สำหรับเขาสักเท่าไร ฝ่ายสาวน้อยหนึ่งเดียวในดงสองหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หันมาตวาดแว้ด “อะไรกันวะพวกนาย นี่มันเป็นการมาเรียนมหาวิทยาลัยวันแรกนะ อย่าทำเสียบรรยากาศสิ” จากนั้นทั้งสามคนก็เข้าห้องเรียนตามปกติ และทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างเรียบร้อยตลอดคาบเช้าและคาบบ่าย ไม่ได้น่าเบื่อมากอย่างที่กังวล ออกจะสนุกเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้ ดูท่าว่าสาวซ่าจะมีปัญหาซะแล้ว เมื่อเก้าอี้ตัวที่เธอเคยนั่งเมื่อวานถูกจับจองไปก่อนโดยใครก็ไม่รู้ เห็นดังนั้นก็เลยเดินดุ่มๆ นำหน้าสองหนุ่มตรงเข้าไปเจรจาทันที “ขอโทษนะ คือเราไม่ได้เป็นเจ้าของสถานที่นี้หรอก แต่ว่าพวกฉันสามคนเคยนั่งตรงนี้เมื่อวาน” สาวน้อยหนึ่งเดียวที่สูงชะลูดแต่เตี้ยกว่าผู้ชายอีกสองคนที่ยืนอยู่เยื้องๆ กันทำให้คนที่เพิ่งหย่อนก้นแตะเก้าอี้ได้ไม่ถึงนาทีเงยหน้าขึ้นมอง และเมื่อเห็นว่าสายตาที่จ้องมองมาเหมือนแม่เสือสาวนั้นช่างอวดดี ก็กระตุกยิ้มแล้วเอ่ย “ตอนนี้มันเป็นที่ของฉันแล้วล่ะ” “นาย!” ชายหนุ่มคนที่สูงที่สุดในสามคนนั้นแตะบ่าเพื่อนสาวของตนไว้ ก่อนจะเอ่ย “เราจะนั่งกันตรงนี้ แต่ถ้านายอยากนั่งด้วยก็ตามสบาย” พูดจบก็นั่งลงตรงเก้าอี้เดิมของเขาที่อยู่ด้านซ้าย ตามด้วยชายอีกคนที่กระตุกยิ้มแล้วเดินไปนั่งด้านขวา ซึ่งเก้าอี้ตรงกลางนั้นที่จริงเป็นของสาวน้อย แต่เมื่อเห็นว่าไอ้บ้าที่กล้าเถียงเธอคงไม่ลุกขึ้นมาแน่ ก็เลยลากเก้าอี้มานั่งตรงกลางด้านหน้าเขา ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าสองชายหนึ่งหญิงกำลังนั่งล้อมหนึ่งชายเอาไว้ “เพื่อให้ง่ายต่อการเจรจาถ้าจะมีอะไรไม่โอเคแบบนี้อีก เรามาแนะนำตัวกันดีกว่านะ” เธอหันมาพูดกับคนที่นั่งเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งเมื่อวาน “ฉัน ฝนทิพย์ ชื่อเล่นเบสต์ ส่วนนี่ พอร์ช อธิปัตย์ และนี่ ไอ้ห่าเวย์ จักรดุลย์” “เป็นการแนะนำตัวที่หยาบคายมาก” คนโดนด่าว่าไอ้ห่าอย่างจักรดุลย์พูดขึ้น ซึ่งเขาก็คือเจ้าของแซนด์วิชที่มักถูกฝนทิพย์แย่งไปกินเสมอนั่นแหละ “นายชื่ออะไร” ฝนทิพย์หรือเบสต์ถามคนนั่งตรงกลางพร้อมกับจ้องหน้า “ฉันเหรอ?” “ขอบอกว่าฉันไม่ใช่คนใจเย็น” ไอ้บ้านี่กวนประสาทมากกว่าที่คิดแฮะ! “เธอคงทำอะไรใครไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีสองหนุ่มคอยตามใจ” พูดจบก็เหลือบตามองสองชายที่นั่งขนาบข้างซ้ายขวา แต่นั่นยังไม่เท่ากับประโยคต่อมาที่ทำเอาฝนทิพย์หน้าบึ้งขึ้นมาทันควัน “เพราะงั้น...ขอแนะนำว่าอย่าเอาแต่ใจมากเกินไป” “เฮ้ เพื่อน! ฉันชักชอบนายแล้วสิ” จักรดุลย์เอ่ย ก่อนจะขยับเข้ามากอดคออย่างสนิทสนม คนโดนกอดคอเหลือบมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ทำเอาอีกฝ่ายขยับแขนออกไปอย่างเร็วไว “นายพูดถูก พอร์ชหรืออธิปัตย์ที่นั่งด้านซ้ายเอ่ยขึ้นบ้าง คนอยู่กลางวงล้อมเลยหันไปให้ความสนใจ “ผู้หญิงคนนี้เอาแต่ใจ แต่พวกฉันสองคนไม่ได้ตามใจนักหรอก” “นี่! ฮึ่ย! ไอ้พวกบ้า” พูดจบฝนทิพย์ก็สะบัดหน้าพรืดหันกลับไปนั่งตัวตรง ก็เธอขัดใจนี่ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลยวันนี้ ทำไมต้องเจอแต่คนกวนประสาทด้วยนะ “เฮ้!” “อะไร!” เธอหันกลับไปตวาดแว้ดเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงจิ้มที่หัวไหล่ “อคิน” “อคินไหนอีกล่ะ” “ฉันชื่ออคิน เรียกคินก็ได้” ขุนศึกว่าจบก็ส่ายหน้า รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ แต่กระนั้นก็อารมณ์ดีที่ได้เย้าหยอกเพื่อนร่วมชั้น แต่ไม่ทันที่ฝนทิพย์จะได้ตอบโต้อะไรอาจารย์ก็เข้ามาในห้องพอดี เธอเลยต้องสะบัดหน้าหันกลับมาตั้งใจเรียนทั้งที่ใจอยากด่าคนชะมัด... วันต่อมา... ขุนศึกเข้ามาในห้องเรียนช้าหน่อย แต่อาจารย์ยังไม่เข้ามา และเมื่อเขาเดินมาเพื่อหาที่นั่ง ก็เห็นว่าที่ที่เคยนั่งเมื่อวานกลายเป็นของแม่สาวซ่าจอมแสบที่ชื่อเบสต์อะไรนั่นไปแล้ว แถมยังมีสองหนุ่มนั่งประกบซ้ายขวา มาดอย่างกับนางพญานกกระจิบ ทีแรกขุนศึกก็คิดว่าจะปล่อยผ่าน เขานั่งตรงไหนก็ได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่ายัยตัวร้ายนั่นทำหน้าทำตายักคิ้วยียวน ก็เลยอยากจะแกล้งสักหน่อย บางทีคนที่นี่ควรต้องได้รู้จักความเป็นขุนศึกของเขาบ้าง! “ขอโทษนะ คือฉันไม่ได้เป็นเจ้าของสถานที่นี้หรอก แต่ว่าฉันเคยนั่งตรงนี้เมื่อวาน” ฝนทิพย์รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงลมออกจากหูดังวิ้งๆ เธอจำได้แม่นเลยล่ะว่าเมื่อวานประโยคนี้มันคือของเธอ หน็อย วันนี้เอามาใช้ยอกย้อน คิดว่าจะยอมหรือไง ฝันไปเถอะ รู้จักไอ้เบสต์น้อยไปซะแล้ว “ตอนนี้มันเป็นที่ของฉันแล้วล่ะ” ฝนทิพย์พูดอย่างเป็นต่อ ขุนศึกเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพยักหน้าทำท่าทางเข้าอกเข้าใจ แล้วเอ่ย “งั้นเหรอ?” “ใช่” “ลุก” คำสั่งสั้นๆ นั้นทำเอาฝนทิพย์หันขวับพ่วงด้วยอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม