“นี่! จะมากไปแล้วนะ คิดว่าตัวเองเจ๋งมากหรือไง ฉันจะนั่งตรงนี้ แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งที่”
“พอเถอะน่าไอ้เบสต์”
ฝนทิพย์หันขวับไปมองทันทีอีกครั้งจนคอแทบเคล็ด เมื่อไอ้พอร์ชหนึ่งในเพื่อนสนิทรองจากไอ้เวย์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“อะไรนะ”
“ไปนั่งข้างไอ้เวย์ก่อนไป”
“อะไรวะพวกมึง”
“เวย์มึงจัดการดิ” อธิปัตย์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เริ่มออกอาการหงุดหงิด
จักรดุลย์เห็นดังนั้นเลยหาทางยุติการโต้เถียง
“เบสต์มานั่งนี่ มาๆ” ว่าพร้อมกับหยิบสมุดหนังสือของเพื่อนสาวแล้วดึงแขนให้ลุกออกมานั่งทางด้านขวาของเขาเอง
และเมื่อเก้าอี้ตรงกลางว่างลง ขุนศึกก็ยักคิ้วให้เธออย่างคนเหนือกว่าแล้วนั่งลงแทนที่
“ขอบใจ” ขุนศึกหันไปพูดกับอธิปัตย์พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“ขอบใจที่ช่วยเรื่องเมื่อคืน”
“ไปเที่ยวรอบหน้าก็ระวังตัวหน่อยนะ”
“ไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่” เขาไม่ระวังเลยเกือบเจ็บตัวเพราะมีเรื่องทะเลาะกับโต๊ะข้างๆ เมื่อคืนที่ไปเที่ยวผับ โชคดีที่ได้ขุนศึกช่วยไว้
จักรดุลย์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินบทสนทนาสั้นๆ ของทั้งสองคน ก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่สนใจแม้จะรู้สึกว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรแปลกๆ ก็ตาม และครั้นหันมาเห็นคนนั่งข้างๆ ที่กำลังจ้องเขาเขม็งก็ต้องสะดุ้ง
“อะไร”
“ทำไมมันสองคนดูสนิทกัน”
“ไม่รู้”
“ต้องมีอะไรที่ฉันไม่รู้แน่ๆ”
“อย่าไปสนใจเลยน่า เรียนๆ”
พอจักรดุลย์พูดจบอาจารย์ก็เข้ามาในห้องพอดี แต่ไม่ทันที่อาจารย์จะเริ่มสอน ก็มีนักศึกษาอีกคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องพอดีเช่นกัน
คนที่มาใหม่พยายามระงับอาการหอบแฮ่กๆ ของตัวเอง ก่อนจะทำความเคารพอาจารย์และรับปากเสียงเบาเมื่อได้ยินท่านบอกว่าให้รีบหาที่นั่ง
ที่ว่างตรงข้างหน้าเหมือนจะเต็มหมดแล้ว อันที่ไม่มีคนนั่งก็ถูกใช้เป็นที่วางกระเป๋าและสัมภาระจนเธอไม่กล้าเดินไปขอนั่ง ครั้นเหลือบมองไปทั่วๆ ก็เจอที่ว่างอีกที่หนึ่ง เลยรีบเดินไปหมายจะนั่ง
แต่เมื่อเดินมาถึงก็เห็นกระเป๋าเป้ใบเล็กวางอยู่ทำเอาหน้าจ๋อยด้วยไม่กล้าเอ่ยปากถาม อีกทั้งคนที่นั่งข้างเก้าอี้ตัวนั้นแม้จะหน้าตาสวยเฉี่ยวแต่ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดชอบกล
“ไอ้เบสต์”
“อะไร”
“เอากระเป๋าออก”
จักรดุลย์ว่าพลางบุ้ยปากให้มองไปทางคนมาใหม่ที่มายืนทำตาปริบๆ เพราะไม่มีที่นั่ง
“อ้อ นั่งเลยๆ”
พอฝนทิพย์พูดจบคนมาใหม่ก็พยักหน้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะรีบนั่งลงแล้วหยิบปากกาพร้อมสมุดจดขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที
โชคร้ายที่คนมาใหม่ไม่มีหนังสือติดมาด้วยเลย ก็เพราะเธอเพิ่งมาเรียนวันนี้วันแรก เลยไม่ทันได้เตรียมอะไรให้ครบถ้วน เมื่อวานก็วุ่นวายกับการจัดข้าวของในห้องพักทั้งวัน
“ดูนี่ก็ได้”
คนที่เธอคิดว่าน่าจะกำลังหงุดหงิดอยู่ยื่นหนังสือมาวางให้ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างใจดี เธอเลยรีบตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ”
และครั้นเห็นว่าเมื่อให้เธอมาดูแล้ว อีกฝ่ายต้องขยับเอียงไปดูกับผู้ชายที่นั่งข้างๆ แทน ก็เลยขยับหนังสือมาคืนให้เพราะเกรงใจ
“ไม่เป็นไร ตัวเองดูเลย เดี๋ยวเค้าดูกับเวย์”
พูดจบก็หันไปพยักพเยิดกับคนที่ชื่อเวย์ เธอก็เลยยิ้มให้เขาไปด้วย
จากนั้นบทสนทนาก็หยุดลง จนกระทั่งเรียนเสร็จวิชาดังกล่าว หญิงสาวจึงยื่นหนังสือคืนให้เพื่อนใหม่ที่มีน้ำใจ
“คืนจ้า ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไร เค้าชื่อเบสต์นะ นี่เวย์”
“เค้าชื่อจ้าวจันทร์ เรียกจ้าวก็ได้”
“โอเค”
“ตัวกับเวย์เป็นเพื่อนกันมาก่อนเหรอ” จ้าวจันทร์เอ่ยถามตามตรง เมื่อรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนน่าจะคุ้นเคยกันมาก่อนมากกว่าเพิ่งมาทำความรู้จักกันที่นี่
“ใช่ เค้า เวย์ แล้วก็มีพอร์ช คนนั้นน่ะ” ว่าจบก็ชี้มือไปทางอธิปัตย์ที่กำลังยืนคุยกับขุนศึก
และเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเธอชี้มือชี้ไม้ไปหาก็เลยพาขุนศึกเดินมาใกล้ แล้วเอ่ยชวน
“ไปยัง หิวแล้ว”
“นี่พอร์ช แล้วก็อคิน”
ฝนทิพย์จำต้องแนะนำขุนศึกไปด้วย เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลายเป็นเพื่อนรักของอธิปัตย์ไปซะแล้ว ก็มันสองคนยืนคุยกันกะหนุงกะหนิงซะจนเธออดหมั่นไส้ไม่ได้
“นี่จ้าวนะทุกคน จ้าวจันทร์”
“สวัสดีค่ะ”
จ้าวจันทร์หันไปมองและยิ้มให้กับทุกคน แต่ดูเหมือนจะมีแค่คนชื่อเวย์ที่ยิ้มกว้างส่งกลับมาให้เธอ ส่วนชายหนุ่มอีกสองคนนั้นแค่ยิ้มมุมปากนิดหน่อย
“ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย” ฝนทิพย์ถามเพื่อนใหม่อย่างมีน้ำใจ
“ไม่เป็นไรจ้า จ้าวยังไม่หิว”
“แล้วตัวจะไปกับใคร ไปกับพวกเราก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ จ้า”
เมื่อจ้าวจันทร์ยืนยันอย่างนั้น ฝนทิพย์จึงพยักหน้าแล้วก็พาทั้งสามหนุ่มเดินออกไปจากห้องเรียน
ครั้นเดินออกมาจากอาคารเรียนได้สักครึ่งทางก่อนจะถึงโรงอาหาร ขุนศึกที่เดินรั้งท้ายอยู่ก็เรียกเธอเบาๆ
“เบสต์”
ฝนทิพย์ชะงักแล้วหันไปมอง จากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงคู่กันตามอธิปัตย์และจักรดุลย์ไป
“มีไร”
“เธออาจจะไม่ค่อยชอบฉันนะ แต่ฉันว่าเธอ...เจ๋งดี”
“นายรู้ได้ไงว่าฉันไม่ชอบนาย”
“สัญชาตญาณมั้ง”
“งั้นสัญชาตญาณนายน่าจะบอกว่าฉันนิสัยไม่ดีมากกว่า”
“ทีแรกฉันก็คิดว่างั้น” ขุนศึกพูดจบก็หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของคู่สนทนา
“นายนี่มันแดกดันได้เจ็บแสบจริงๆ”
“แต่ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว”
“เปลี่ยนว่า?”
“เธอน่ารักดี...ถ้าเธอโอเค เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้” ตอนเขาเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ เพื่อนสาวส่วนใหญ่ก็จะห้าวๆ เท่ๆ ไม่กลัวใครแบบไอ้เบสต์นี่ล่ะ เห็นเธอแล้วเขารู้สึกคิดถึงเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันที่โน่นขึ้นมาทันที
“ก็ถ้านายไม่ติดเรื่องมีเพื่อนเป็นสาวซ่า ก็ไม่น่ามีปัญหา” พูดจบสาวซ่าก็ยักไหล่อย่างกวนๆ
ขุนศึกหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“แต่ฉันยังยืนยันคำเดิมนะ”
“อะไรล่ะ”
“ขอแนะนำว่าอย่าเอาแต่ใจมากเกินไป”
“ขอปฏิเสธคำแนะนำนั้น แม้ว่ามันจะมาจากเพื่อนใหม่ที่คูลแอนด์แฮนซั่มก็เถอะ”
“ก็เหมาะกับสาวซ่าอย่างเธอดี”
“ใช่มั้ยล่ะ”
พูดจบก็หัวเราะประสานเสียงกัน ทำเอาสองหนุ่มที่เดินนำหน้าไปต้องหันกลับมาหรี่ตามอง ก่อนจะเลิกสนใจเมื่อถึงโรงอาหารแล้ว
และก่อนจะเดินไปซื้ออาหารกลางวันของตน ขุนศึกก็เอ่ยกับฝนทิพย์น้ำเสียงจริงจัง
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ”
“ยินดีที่ได้เป็นเพื่อนอย่างเป็นทางการ”
คำตอบรับนั้นถือว่าเป็นการเจรจาสงบศึกระหว่างเราได้หรือเปล่านะ...