ตอนที่ 3 อคิน (1)

1002 คำ
แค่สบตาพาให้ม้วยระทวยใจ เธอรู้ไหมหัวใจฉันมันไหวหวั่น แค่เธอหรี่ตามองเหลือบเล็งกัน เพียงแค่นั้นโลกของฉันก็ชมพู จ้าวจันทร์นั่งยิ้มกริ่มกับกลอนที่เพิ่งแต่งขึ้นสดๆ ร้อนๆ อ่านไปอ่านมาแล้วก็มาเขินเองคิดเองเออเอง คนอะไรขี้มโนได้เป็นตุเป็นตะ มันนานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้แต่งกลอน อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากเป็นสาวเจ้าบทเจ้ากลอนซึ้นมาซะอย่างนั้น ปึก! เสียงที่ดังขึ้นข้างๆ ทำเอาสะดุ้ง จินตนาการเลิศหรูพลันกระเจิดกระเจิง พอหันไปมองก็เห็นว่าเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันได้วันนี้เป็นวันที่สองหันมามองและพยักหน้าให้เธอ เขาคืออคิน หรือขุนศึกนั่นเอง วันนี้จ้าวจันทร์ต้องนั่งเรียนอยู่กับขุนศึกแค่คนเดียว เพราะสมาชิกห้าแสบอีกสามคนอย่างพอร์ช เบสต์ และเวย์ นั้นพร้อมใจกันโดดเรียนและแจ้งมาในไลน์กลุ่มแล้วเรียบร้อย “ทำไร” พอเขาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างนั้น จ้าวจันทร์ก็รีบปิดสมุดหน้าที่มีกลอนแล้วกระวีกระวาดเอาหนังสือของรายวิชาที่จะเรียนขึ้นมาวางแทน “ไม่ได้ทำไรค่า” อ้อมแอ้มบอกเขาเสียงเบา “สามคนนั้นไม่มานะ” “ค่ะ” ตอบกลับเขาแผ่วเบาเช่นเคย เอาจริงๆ ก็อยากคุยด้วยเยอะๆ นะ แต่ยังไม่กล้าและไม่รู้ว่าเขาจะรำคาญเธอไหม เพิ่งรู้จักกันยังไม่สนิทเท่าไร แต่ในใจก็อยากสนิทไวๆ และมากๆ แหละ ก็เธออยากมีเพื่อนนี่นะ “เมื่อวานถึงบ้านกี่โมง” ขุนศึกเอ่ยถาม ด้วยว่าเมื่อวานหลังจากส่งเธอหน้าป้ายรถเมล์แล้วก็ต่างคนต่างกลับทางใครทางมัน “ประมาณห้าโมงกว่าๆ จ้า” “อ่อ...” ว่าแค่นั้นก็หันไปนั่งนิ่งๆ ไม่ได้สนใจอะไรเธออีก และหลังจากนั้นราวๆ ห้านาทีอาจารย์ก็เข้ามาในห้อง จ้าวจันทร์เลยต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านและตั้งใจเรียน... เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง “ไปกินข้าวกัน” ขุนศึกหันมาชวนคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างเขามาตั้งแต่คาบเช้า ดูเจ้าหล่อนตั้งใจเรียนสุดๆ แต่เขาแอบสังเกตเห็นนะว่าเธอเหมือนเกร็งๆ และยุกยิกๆ คล้ายกับว่านั่งไม่ถนัดหรืออยากพูดอยากคุยอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้า เขาก็ไม่ชวนคุยหรอก ปล่อยให้ไม่กล้าแบบนั้นแหละ ไว้กล้าเมื่อไหร่ค่อยคุยกันก็ได้ คนสองคนที่เป็นคนแปลกหน้าแต่ตอนนี้เหมือนต้องกลายมาเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยายเดินเคียงคู่กันมาที่โรงอาหาร แต่พอมาถึงแล้วก็ต้องชะงักเมื่อตอนนี้ที่นั่งในโรงอาหารเหมือนจะไม่มีเหลือเลย “ทำไมคนเยอะจัง” ขุนศึกเปรยขึ้นมา พอหันไปดูคนที่มาด้วยก็เห็นเธอชะเง้อชะแง้คล้ายกำลังแลหาที่นั่งว่างๆ “ไปกินร้านข้างนอกมั้ย ในนี้น่าจะไม่มีที่นั่ง คนเยอะเกิน” “ค่ะ” จ้าวจันทร์พยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เดินตามเขาต้อยๆ ออกไปยังร้านค้าข้างนอกซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก หลังจากเดินๆ อยู่ราวสามนาที ขุนศึกก็พาเพื่อนตัวจิ๋วเดินเข้าไปในร้านอาหารที่เป็นกึ่งๆ คาเฟ่ ที่บรรยากาศดี คนไม่พลุกพล่าน และมีอาหารขายพร้อมกับกาแฟ ราคาก็ไม่ได้แพงจนเกินไปนัก “กินไรดี เลือกเลยนะ” รู้สึกว่าเขาจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาเสียส่วนใหญ่นะเนี่ย ปกติไม่ค่อยคุยกับใครก่อนสักเท่าไรนะ “จ้าวเอากะเพราทะเลรวมมิตร” “อือ เอาด้วย” เขาว่าแค่นั้น แล้วหันไปบอกกับพนักงานในร้านที่มารอรับออร์เดอร์ “กะเพราทะเลรวมมิตรราดข้าวสองที่ครับ แล้วก็เลมอนที เอ่อ ชามะนาว...เอาน้ำไร” หันมาถามเธอ จ้าวจันทร์เลยรีบตอบ “มะพร้าวปั่นก็ได้ค่ะ” พอรับออร์เดอร์เสร็จพนักงานก็เดินจากไป สองคนอย่างขุนศึกกับจ้าวจันทร์ก็นั่งนิ่งรออาหารวนไป และเหมือนว่าจ้าวจันทร์จะไม่สามารถทนความเงียบต่อไปได้อีกแล้ว เธอเลยละความเกร็งทุกอย่างไว้ แล้วเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา “คินชอบกินชามะนาวเหรอคะ” “กินได้หมดแหละ แต่กลัวง่วงคาบบ่ายเลยอยากดื่มไรเปรี้ยวๆ” “จริงด้วย...จ้าวจะหลับไหมเนี่ยกินมะพร้าวปั่น” “ถ้าคนมันจะหลับกินอะไรก็หลับ” ได้ยินเขาว่าแบบนั้นจ้าวจันทร์ก็อดขำไม่ได้ เลยหัวเราะออกมาเบาๆ ฝ่ายขุนศึกก็ได้แต่พยักหน้าและยักคิ้วให้เธอพร้อมกับกระตุกยิ้มน้อยๆ เหมือนขำเธอเช่นกัน “นิสัยจริงๆ ของคินเป็นยังไงเหรอ” แม้จะอยากถามกลับไปว่าเธอมองเขาว่าเป็นคนนิสัยยังไงล่ะ แต่สุดท้ายก็ตอบออกไปแทนที่จะถามกลับเหมือนอย่างใจคิด “ก็ตรงไปตรงมา คูลๆ” “ไม่ค่อยพูดมั้ยอะคะ เห็นตอนอยู่กับพอร์ชไม่ค่อยพูดกันทั้งสองคนเลย” “ก็พูดบ้างแหละ แล้วแต่สถานการณ์” จ้าวจันทร์พยักหน้า ก่อนจะคุยต่อเจื้อยแจ้วราวนกแก้วนกขุนทอง “ตอนแรกเค้านึกว่าคินหยิ่งซะอีก” เธอยังจำใบหน้านิ่งๆ ราวกับมีรังสีอำมหิตของเขาตอนที่เจอกันวันแรกได้นะ “แล้วตอนนี้? “ก็หยิ่งแหละ” “อ้าว...” “ไม่ๆ หมายถึงว่าดูมีมาดแต่ไม่ได้เก๊กน่ะ ดูเหมือนจะเงียบขรึม แต่ก็แอบมีมุมฮาและอารมณ์ดี แต่บางทีก็นิ่ง” อันนี้วิเคราะห์จากการที่ได้แอบสังเกตพฤติกรรมของเขาจากการที่เขามีน้ำใจไปส่งที่ป้ายรถเมล์เมื่อวาน กับอีกครึ่งวันที่ได้นั่งเรียนด้วยกัน แม้เขาจะไม่ค่อยพูด แต่กับเพื่อนๆ ผู้ชายคนอื่นในชั้นเรียน เขาก็ดูเฟรนด์ลี่ดีอยู่นะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม