หญิงสาวยังคงย่อกายนั่งหน้าตู้เก็บรองเท้าปรายสายตามองไปตามเจ้าของเสียงเห็นเจ้านายยืนพิงขอบประตูกอดอกมองมายังตนเอง เจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นลุกขึ้นยืนเลือกหยิบรองเท้าใส่ในบ้านออกมาสวม “เปลี่ยนงานบ่อยประวัติจะไม่ดีค่ะ”
“เหรอครับ” เขาตอบกลับมาคำเดียว
“ค่ะ แล้วอีกอย่างนะคะ ไหมมาทำงานเพราะความสามารถ ไม่ใช่แค่เด็กเส้นอย่างเดียว เชิญคุณสิงห์ทดสอบความอึดและความสามารถของไหมได้ค่ะไหมไม่คิดลาออกหนีกลับบ้านหรอก”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกันนะ แล้วผมจะคอยดูว่าสาวกรุงเทพตัวขาวหน้าสวยจะทนอยู่ในไร่บ้านนอกนี่ได้นานแค่ไหน” ลอยหน้าลอยตายียวนกวนประสาทคนตัวเล็กเดินเฉียดเข้าไปใกล้
“ตามสบายค่ะไหมขอตัวนะคะ”
ชายหนุ่มจับข้อมือบอบบางบังคับไม่ให้หล่อนเดินเข้าบ้าน
“คุณสิงห์มีอะไรคะ”
“ขาดเหลืออะไรไหม คุณแม่ให้ผมเทคแคร์คุณ”
“ไม่ค่ะ ทุกอย่างที่นี่ดีอยู่แล้ว”
“รวมถึงไอ้ตี๋นั่นด้วยสินะ”
“ค่ะ คุณวิทยามีมิตรภาพดีๆ ให้ไหมมากกว่าทุกคน”
“คุณกำลังว่าผมเหรอไหม”
“ไหมไม่กล้าค่ะ”
“เหรอครับ”
“ใช่ค่ะ แล้วอีกอย่างนะคะถ้าคุณสิงห์ไม่ชอบไหมก็ไม่ควรแกล้งไม่ควรพูดและไม่ควรจับมือไหมแบบนี้”
หญิงสาวยกมือขึ้นให้เขาดูว่าแบบนี้น่ะแบบไหน นัยน์ตาคู่คมปรายสายตามองตามจึงยอมปล่อยข้อมือบอบบางให้เป็นอิสระ สบถพึมพำอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว ม่านไหมกำรอบข้อมือไล่เลือดลมให้ไหลเวียนปกติ เขาจับแป๊บเดียวแต่จับแน่นทำมือหล่อนแดงไปหมด
“คิดว่าผมพิศวาสคุณเหรอไหม”
“ค่ะ คุณสิงห์ไม่พิศวาสไหมเลยสักนิดแต่ก็แค่จูบลูบคลำทุกสัดส่วนบนร่างกายของไหม”
“มากไปแล้วนะ!”
คนเคยหื่นอารมณ์ขึ้นตะเบ็งเสียงใส่เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงรายทางคนไหนกล้าต่อล้อต่อเถียงบีบให้เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มาก่อนแต่ยัยเด็กนี้กลับกล้าทำ! สงครามกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นแต่มีคนเข้ามาห้ามทัพได้ถูกจังหวะคนตัวเล็กก็เลยรอดจากเงื้อมือมารแบบเฉียดฉิว คนๆ นั้นก็คือป้าพิมนั่นเอง
“คุณสิงห์กับคุณไหมกลับมาพร้อมกันเหรอคะ ดีจังเลย คุณนายท่านรออยู่ข้างในให้ป้าพิมมาตามคุณทั้งสองเข้าไปพบค่ะ”
“คุณแม่มีอะไรกับพวกเราเหรอครับ”
“ถ้าคุณสิงห์อยากรู้ต้องถามคุณแม่เองนะคะเพราะป้าพิมก็ไม่รู้เหมือนกัน” หญิงวัยกลางคนกล่าวยิ้มแย้มก่อนแยกตัวกลับเข้าไปข้างใน สีหราชปรายสายตามองม่านไหม หล่อนก็ปรายสายตามองเขาเช่นกัน สุดท้ายก็ไม่มีปากเสียงอะไรกันต่างคนต่างเดินเข้าไปข้างในบ้าน
ในห้องนั่งเล่นคุณนายพราวมุกกำลังอ่านนิตยสารท่องเที่ยวตามประสาผู้หญิงวัยกลางคนอยู่บ้านไม่ได้ทำงานมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคอยทำงานหาเงินให้ใช้ ท่านวางหนังสือลงเรียกเด็กทั้งสองมานั่งใกล้ๆ
“เข้ามาสิจ๊ะ มาพร้อมกันเชียว ชื่นใจจังเลย”
“คุณแม่มีอะไรเหรอครับ ผมอยู่ได้ไม่นานนะ” รีบออกตัวแรงเพราะมีนัดไปกินเหล้าในเมือง
“เพิ่งรู้นะว่าสิงห์เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าแม่ บอกให้เลิกกับยัยเด็กไซด์ไลน์นั่นก็ไม่เชื่อ ถ้าติดโรคมาแม่จะตีให้น่วมเลย” ว่าแล้วก็มันเขี้ยวอยากตีลูกชายจอมดื้อหัวรั้นหัวแข็งคนนี้เสียจริง
“โธ่ แม่ครับ ผมป้องกันตลอดโรคไม่ได้เฉียดเข้าใกล้ผมแน่นอนครับ” เห็นมารดามีสีหน้าจริงจังสีหราชก็เลยออดอ้อนออเซาะเข้าไปนั่งลงข้างจุ๊บแก้มซ้ายขวาให้ท่านอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม
“สัญญากับแม่มาก่อนว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย สิงห์มีหนูไหมทั้งคนแล้วนะ” ท้ายคำท่านกระซิบเบาๆ กึ่งข่มขู่ทางสายตา
สีหราชเหนื่อยอกเหนื่อยใจแต่ก็ยอมสัญญาให้มารดาสบายใจ “ครับ ผมจะไปเจอเพลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นผมจะมี ‘หนูไหม’ ของแม่คนเดียว” กล่าวกระทบสาวชาวกรุงที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นตั้งแต่ต้น ได้รับสายตากระเง้ากระงอดกลับมาบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจ
“ดีมากจ้ะ” คุณนายเจ้าของบ้านจุ๊บแก้มลูกชายกลับคืนบ้างไม่อายจะแสดงความรักต่อหน้าคนอื่นทั้งที่ลูกโตมากแล้ว “หนูไหมจ๊ะ ทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างปรับตัวได้ไหม ถูกพี่เขาแกล้งอะไรหรือเปล่า หนูบอกป้าได้หมดเลยนะไม่ต้องกลัวจะถูกดุ”
“โธ่... แม่ครับ ใครจะกล้าแกล้งเด็กของแม่กัน”
“สิงห์อย่าออกตัวแรงแม่ขอร้อง”
“เอาที่สบายใจครับ” สีหราชยกไหล่ทีหนึ่งยอมนั่งพิงโซฟาสบายๆ ปล่อยให้มารดาคุยเสียงอ่อนหวานกับเด็กผิวขาวหน้าสวย
“ทุกอย่างราบรื่นปกติดีค่ะ สังคม สภาพแวดล้อมทุกอย่างดีมาก ไหมยังปรับตัวเข้ากับที่นี่ไม่ได้แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“จริงเหรอจ๊ะ”
เสียงท่าน สีหน้าท่านไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่นัก เลี้ยงลูกชายมากับมือทำไมจะไม่รู้ว่าลูกดื้อเงียบมากแค่ไหน
“จริงค่ะ ไหมว่าไหมชอบที่นี่นะคะ ทุกคนดูสบายๆ เวลาทำงานก็ทำเวลาคุยกันก็คุยเสียงดังข้ามไปสามโต๊ะแปดโต๊ะ แถมการแต่งตัวยังสบายๆ สวมรองเท้าแตะรองเท้าผ้าใบยังมีเลยค่ะ วันนี้ไหมพลาดอย่างเดียวคือใส่ส้นสูง แต่พรุ่งนี้รับรองว่าจะไม่พลาด ไหมจะใส่รองเท้าผ้าใบไปทำงานค่ะ”
“ฟังดูน้ำเสียงเหมือนจะสนุกจังเลยนะ”
ชายหนุ่มทนฟังจนจบทว่าอดแขวะไม่ได้ แม้จะจับความรู้สึกได้ว่าหล่อนมีความรู้สึกร่วมด้วยจริง
“ทำไมต้องไปเหน็บน้องด้วย” คุณนายเอ็ด