ตอนที่ 2 (4) จบบท

662 คำ
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ วันนี้ช่วยไหมตั้งหลายเรื่องแต่ไหมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย” หลุดปากอยากจะเรียกเขาว่าคุณตี๋หลายครั้งก็เกรงใจเผื่อเขาไม่ชอบ เพื่อนร่วมงานผู้หญิงเรียกเขา ‘แก’ ส่วนผู้ชายเรียก ‘มึง’ ไม่เอ่ยชื่อสักครั้งก็เลยยังไม่รู้ชื่อเขาสักที อยากถามก็หาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้ “ผมชื่อวิทยาครับ หรือจะเรียกพี่วิทก็ได้นะครับ คุณไหมหน้าเด็กมากส่วนผมอายุย่างยี่สิบแปดปีครับผม” ไม่เข้าใจว่าแนะนำตัวแค่นี้ทำไมต้องเขินแต่วิทยาก็เขินไปเรียบร้อย “ไหมยี่สิบสามค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” “ครับ ผมกลับเลยนะ” “ค่ะพี่วิท” ยกมือไหว้และบ๊ายบาย วิทยาหัวใจเต้นรัวเขินจนทำอะไรไม่ถูกรีบบิดมอเตอร์ไซด์ทั้งที่ยังไม่หมุนกุญแจสตาร์ทรถเลยด้วยซ้ำ เขาหัวเราะเบาๆ สตาร์ทใหม่อีกครั้งพอเครื่องติดแล้วจึงแอบมองสาวสวยทางหางตายิ้มๆ “ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” ไม่รอหญิงสาวตอบกลับรีบบิดออกไปทันที กว่าจะพูดไปก็เขินจะแย่ขืนรอหล่อนตอบมีหวังไปไม่เป็น วิทยามีความสุขมากมองนางในฝันจากกระจกส่องหลังตลอดทาง ม่านไหมรอกระทั่งรถมอเตอร์ไซด์ของวิทยาไปไกลแล้วถึงเดินเข้าบ้าน โชคดีที่ผ่านเข้ามาในเขตบ้านแล้วถนนทุกอย่างเป็นปูนซีเมนต์หมดไม่ใช่ถนนดินแดงแบบข้างนอก ไม่อย่างนั้นคงได้สะดุดล้มสักทีให้ขาพลิกขาแพลงแน่นอน ม่านไหมเดินตัวลอยสบายอกสบายใจเข้ามา ระหว่างทางก็ทักทายคนสวนตามประสาคนอัธยาศัยดี จำได้ว่าลุงคนนี้เป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งตัวเองเมื่อเช้า “ดอกอะไรเหรอคะ สวยจังเลยไหมไม่เคยเห็นมาก่อน” ลุงคนสวนบอกชนิดของดอกไม้เป็นภาษาภาคกลางกับแขกของคุณนายพราวมุกแต่ติดสำเนียงเหนือมามากเนื้อตัวค่อนข้างมอมแมมเปรอะเปื้อนดินโคลน “สวยมากเลยค่ะ ไหมไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน ปลูกแล้วมันติดยากหรือเปล่าคะได้ใส่ปุ๋ยอะไรไหม” ปกติเคยเห็นแค่ในรูปเท่านั้น ม่านไหมนั่งคุยนั่งดูลุงแมกไม้ทำงานหลายนาทีกว่าจะปลีกตัวออกมา “ไหมขอตัวเข้าไปข้างในบ้านก่อนนะคะ” “ครับ” ลุงแมกไม้สีผิวเข้มยิ้มทีเห็นแค่ฟันขาวๆ เอ็นดูหญิงสาวที่ไม่ถือตัวมาคุยกับคนสวนอย่างตนเอง “คุณไหมก็เดินดีๆ นะครับ รองเท้าสูงปรี๊ดเชียว” “พรุ่งนี้ไหมจะจัดรองเท้าผ้าใบค่ะ ไม่พลาดอีกแน่นอน” ม่านไหมหัวเราะ ลุงแมกไม้ยิ่งเอ็นดูหญิงสาวไปกันใหญ่ “ไหมขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้คุณลุงคนสวนแล้วเดินผ่านสวนดอกไม้ต่างๆ มากระทั่งถึงทางเข้าบ้านซึ่งเป็นประตูไม้สองบานขนาดใหญ่ ถอดรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาลนำไปเก็บในชั้นรองเท้าของตัวเอง แอบแฉลบสายตามองรองเท้าผ้าใบคู่เดียวที่เอาติดมาด้วย โชคดีนะที่มี ไม่อย่างนั้นคงลำบากเอาการ ถ้าได้เข้าเมืองคงต้องซื้อเพิ่มอีกคู่จะได้มีสลับใส่ การมาอยู่ที่นี่น่าจะต้องปรับตัวอีกเยอะ หลักๆ ก็ชุดทำงาน จากการสังเกตทุกคนแต่งตัวไม่เป็นทางการนัก บางคนกางเกงยีนกับเสื้อยืดยังมีเลย ท่าทางจะไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ พนักงานก็ค่อนข้างเยอะต่างจากที่คิดไว้ ทีแรกหล่อนนึกว่าออฟฟิตในไร่พนักงานจะนิดเดียว พอเห็นกับตาแล้วก็เยอะพอควร สมกับที่เป็นไร่ขนาดใหญ่ทำธุรกิจหลายประเภท “นึกว่าใครบางคนจะหนีกลับกรุงเทพไปแล้วซะอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม