“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ วันนี้ช่วยไหมตั้งหลายเรื่องแต่ไหมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย”
หลุดปากอยากจะเรียกเขาว่าคุณตี๋หลายครั้งก็เกรงใจเผื่อเขาไม่ชอบ เพื่อนร่วมงานผู้หญิงเรียกเขา ‘แก’ ส่วนผู้ชายเรียก ‘มึง’ ไม่เอ่ยชื่อสักครั้งก็เลยยังไม่รู้ชื่อเขาสักที อยากถามก็หาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้
“ผมชื่อวิทยาครับ หรือจะเรียกพี่วิทก็ได้นะครับ คุณไหมหน้าเด็กมากส่วนผมอายุย่างยี่สิบแปดปีครับผม” ไม่เข้าใจว่าแนะนำตัวแค่นี้ทำไมต้องเขินแต่วิทยาก็เขินไปเรียบร้อย
“ไหมยี่สิบสามค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ครับ ผมกลับเลยนะ”
“ค่ะพี่วิท” ยกมือไหว้และบ๊ายบาย
วิทยาหัวใจเต้นรัวเขินจนทำอะไรไม่ถูกรีบบิดมอเตอร์ไซด์ทั้งที่ยังไม่หมุนกุญแจสตาร์ทรถเลยด้วยซ้ำ เขาหัวเราะเบาๆ สตาร์ทใหม่อีกครั้งพอเครื่องติดแล้วจึงแอบมองสาวสวยทางหางตายิ้มๆ
“ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
ไม่รอหญิงสาวตอบกลับรีบบิดออกไปทันที กว่าจะพูดไปก็เขินจะแย่ขืนรอหล่อนตอบมีหวังไปไม่เป็น วิทยามีความสุขมากมองนางในฝันจากกระจกส่องหลังตลอดทาง
ม่านไหมรอกระทั่งรถมอเตอร์ไซด์ของวิทยาไปไกลแล้วถึงเดินเข้าบ้าน โชคดีที่ผ่านเข้ามาในเขตบ้านแล้วถนนทุกอย่างเป็นปูนซีเมนต์หมดไม่ใช่ถนนดินแดงแบบข้างนอก ไม่อย่างนั้นคงได้สะดุดล้มสักทีให้ขาพลิกขาแพลงแน่นอน ม่านไหมเดินตัวลอยสบายอกสบายใจเข้ามา ระหว่างทางก็ทักทายคนสวนตามประสาคนอัธยาศัยดี จำได้ว่าลุงคนนี้เป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งตัวเองเมื่อเช้า
“ดอกอะไรเหรอคะ สวยจังเลยไหมไม่เคยเห็นมาก่อน” ลุงคนสวนบอกชนิดของดอกไม้เป็นภาษาภาคกลางกับแขกของคุณนายพราวมุกแต่ติดสำเนียงเหนือมามากเนื้อตัวค่อนข้างมอมแมมเปรอะเปื้อนดินโคลน
“สวยมากเลยค่ะ ไหมไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน ปลูกแล้วมันติดยากหรือเปล่าคะได้ใส่ปุ๋ยอะไรไหม” ปกติเคยเห็นแค่ในรูปเท่านั้น ม่านไหมนั่งคุยนั่งดูลุงแมกไม้ทำงานหลายนาทีกว่าจะปลีกตัวออกมา “ไหมขอตัวเข้าไปข้างในบ้านก่อนนะคะ”
“ครับ” ลุงแมกไม้สีผิวเข้มยิ้มทีเห็นแค่ฟันขาวๆ เอ็นดูหญิงสาวที่ไม่ถือตัวมาคุยกับคนสวนอย่างตนเอง
“คุณไหมก็เดินดีๆ นะครับ รองเท้าสูงปรี๊ดเชียว”
“พรุ่งนี้ไหมจะจัดรองเท้าผ้าใบค่ะ ไม่พลาดอีกแน่นอน” ม่านไหมหัวเราะ ลุงแมกไม้ยิ่งเอ็นดูหญิงสาวไปกันใหญ่
“ไหมขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ”
หญิงสาวส่งยิ้มให้คุณลุงคนสวนแล้วเดินผ่านสวนดอกไม้ต่างๆ มากระทั่งถึงทางเข้าบ้านซึ่งเป็นประตูไม้สองบานขนาดใหญ่ ถอดรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาลนำไปเก็บในชั้นรองเท้าของตัวเอง แอบแฉลบสายตามองรองเท้าผ้าใบคู่เดียวที่เอาติดมาด้วย โชคดีนะที่มี ไม่อย่างนั้นคงลำบากเอาการ ถ้าได้เข้าเมืองคงต้องซื้อเพิ่มอีกคู่จะได้มีสลับใส่ การมาอยู่ที่นี่น่าจะต้องปรับตัวอีกเยอะ หลักๆ ก็ชุดทำงาน จากการสังเกตทุกคนแต่งตัวไม่เป็นทางการนัก บางคนกางเกงยีนกับเสื้อยืดยังมีเลย ท่าทางจะไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ พนักงานก็ค่อนข้างเยอะต่างจากที่คิดไว้ ทีแรกหล่อนนึกว่าออฟฟิตในไร่พนักงานจะนิดเดียว พอเห็นกับตาแล้วก็เยอะพอควร สมกับที่เป็นไร่ขนาดใหญ่ทำธุรกิจหลายประเภท
“นึกว่าใครบางคนจะหนีกลับกรุงเทพไปแล้วซะอีก