“คุณชาญเรียกดิฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ” แพรไหมรีบมาหาผู้จัดการใหญ่หลังได้รับสายด่วน เรียกให้เข้าพบที่ห้องทำงาน
“แพรไหม คุณทำงานอยู่กับเราตั้งแต่ตอนที่คุณมาฝึกงาน ตอนนี้จนคุณเรียนใกล้จบปริญญาโทแล้วนะ รอทำวิทยานิพนธ์จบอย่างเดียวใช่ไหม คุณเป็นคนเก่งนะ ได้ยินว่าคุณทำงานหลายอย่าง” ชาญเกริ่นเชิงถาม แต่ในใจกลับคิดไปว่า ให้สิตาไปทำก็อยู่ได้แค่อาทิตย์เดียว คนนี้จะรอดหรือเปล่า คนละสายงานกันเลย อย่างไรก็ดี เนื่องจากเขาขัดคำสั่งของท่านประธานไม่ได้ คงต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของเขาหลุดแน่ ๆ
“ใช่ค่ะคุณชาญ” แพรไหมตอบสั้น ๆ แต่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ เธออยากเรียนสูง ๆ เพื่อฐานเงินเดือนในอนาคต เนื่องจากเธอมีเป้าหมายที่ต้องการหาเงินไปฟื้นฟูกิจการรีสอร์ตของพ่อแม่
“คุณเป็นคนที่มีความสามารถ และตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบงานดีมาก ผมว่าจะให้คุณดูแลท่านประธาน คุณมีอะไรขัดข้องหรือเปล่า”
“เอ่อ... แล้วดิฉันต้องรับผิดชอบอะไรบ้างคะ เพราะจากที่ฟังดู มันคนละหน้าที่กับที่ดิฉันทำอยู่ตอนนี้เลยนะคะ เพราะตอนนี้ดิฉันทำตำแหน่งจีอาร์โอ อยู่นะคะ”
“ผมจะให้คุณเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านประธานตอนที่ท่านอยู่ที่นี่ ดูแลทุกอย่าง ช่วยงานที่ท่านให้คุณทำ ตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน ประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับท่าน ผมเห็นความสามารถคุณ คุณพูดได้หลายภาษา คุณฉลาด ผมคิดว่าคุณกับท่านน่าจะทำงานด้วยกันได้ไม่มีปัญหา และคุณก็ไม่ต้องกังวลมากเพราะท่านประทานมีเลขาที่เก่งงานมาก ๆ มาด้วยอยู่แล้ว คนที่คุณต้องประสานงานโดยตรงน่าจะเป็นคุณแทรี่ คุณแทรี่เป็นทั้งเลขาและทำหน้าที่ดูแลท่านประธานในฐานะบอดีการ์ดด้วย”
ชาญกล่าวยิ้ม ๆ หวังว่าท่านประธานคงไม่ได้คิดอะไรกับคุณแพรไหมหรอกนะ
“คุณโอเคหรือเปล่าแพรไหม” ชาญเอ่ยปากถามย้ำขณะรอคำตอบจากคู่สนทนา
”ผู้ช่วยส่วนตัวเหรอคะ? ถ้าคุณชาญคิดว่าฉันทำได้ ก็ตกลงค่ะ แต่ว่าท่านจะมาอยู่นานไหมคะ แล้วหน้าที่ของดิฉันตอนนี้จะให้ใครทำแทนหรือคะ เพราะมีงานค้างอยู่ และดิฉันมีคำถามเพิ่มเติมค่ะ ท่านดุไหมคะ ดิฉันกลัวทำอะไรให้ท่านไม่พอใจน่ะค่ะ ดิฉันกลัวว่าคุณสิตาจะเขม่นเอาด้วย เพราะเขาทำงานมาก่อนดิฉัน ประสบการณ์มากกว่า คุณสิตาคงอยากทำหน้าที่ตรงนี้” หญิงสาวถามยาวเป็นชุด
“ไม่ต้องกังวลมากหรอกแพรไหม เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็พอ ตั้งใจทำงานให้สุดความสามารถ ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบมาก แต่ท่านใจดี มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ฉลาดแล้วก็ทำงานเก่งมาก ๆ คุณจะมีโอกาสได้เรียนรู้งานกับท่านอย่างใกล้ชิด ภายนอกท่านดูเหมือนคนเข้มงวดมากเท่านั้นเอง อ้อ... ที่สำคัญผมมีเงินพิเศษให้คุณในตำแหน่งนี้ด้วย คุณไม่เคยเจอตัวจริงท่านสินะ”
“ไม่เคยเจอค่ะ” แพรไหมตอบพร้อมรอยยิ้ม ส่งผลให้ชาญนึกกังขาขึ้นมาอีก ถ้าแพรไหมไม่เคยเจอท่านประธาน แล้วท่านจะระบุชื่อเธอมาได้อย่างไรนะ มันคงไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดหรอกใช่ไหม
คุณคงไม่ไปทำอะไรเด่นจนไปเตะตาท่านประธานหรอกนะ
แพรไหมเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เพราะเธอเป็นลูกครึ่ง ชาญจึงภาวนาขอให้เธอรอดพ้นเงื้อมมือของท่าน
“จริงสินะเพราะปกติท่านส่งแต่ตัวแทนมา ท่านไม่เคยเดินทางมาเมืองไทยเพราะเรื่องงาน คุณเลยยังไม่มีโอกาสเจอท่าน แต่รอบนี้เพราะโพรเจกต์ใหม่ที่เรากำลังดำเนินการเป็นโพรเจกต์ยักษ์ใหญ่ ก่อสร้างเสร็จแล้วกำลังตกแต่ง และกำลังจะจัดงานเปิดตัว ท่านถึงต้องเดินทางมาเองจนกว่าโครงการจะเปิดให้บริการ จากนั้นจะมีทีมงานมืออาชีพที่ท่านไว้ใจบริหารงานดูแลต่อไป เอาละผมมีเรื่องแจ้งคุณแค่นี้ละ”
“ค่ะคุณชาญ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” แพรไหมรีบก้มศีรษะให้ก่อนจะเดินออกไป เมื่อเดินออกจากห้อง เธอก็เจอเลขานุการคนก่อนของท่านประธานเข้าพอดี ราวกับอีกฝ่ายกำลังดักรออยู่อย่างไรอย่างนั้น
“เธอมาหาคุณชาญทำไมแพรไหม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า…?” สิตาถามอย่างไม่พอใจ
“เปล่าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“อย่ามาทำแบบนี้กับฉัน ฉันถามดี ๆ ทำไมไม่ตอบ”
“คุณชาญเรียกฉันมาคุย บอกว่าจะให้ฉันไปเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านประธานค่ะ”
“หึ… อย่าไปหวังสูงให้มันมากนักนะ ตกลงมาแล้วมันจะเจ็บ ท่านประธานร้ายจะตาย เธอไปทำครึ่งวันขี้คร้านจะร้องไห้ขี้มูกโป่งออกมา ท่านดุยิ่งกว่าอะไร ขนาดฉันทำงานเลขามาตลอด ฉันยังอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียว น้ำหน้าอย่างเธอคงอยู่ได้ไม่เกินสามชั่วโมง”
“ขอบคุณที่เตือนค่ะ บางทีฉันอาจจะอยู่ได้นานกว่าคุณก็ได้นะคะ” แพรไหมพูดเสร็จก็เดินหนีไปทำงานของตัวเองต่อ โดยไม่สนใจสายตาอาฆาตจากสิตาที่ส่งมา ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นแท้ ๆ กลับมาพูดจาแบบนี้ใส่เธอ หญิงสาวจึงไม่อยากเสวนาด้วย แค่คำพูดคน ยายสิตาคงอิจฉาเราละสิที่เราได้ไปทำงานใกล้ชิดท่านประธาน ถึงกระนั้นในใจของเธอก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อย
‘เฮ้อ!… ทำไมต้องเป็นเราด้วยเนี่ย แกตายแน่! ยายแพรเอ๊ย!’ เคยได้ยินคนอื่นพูดกันว่าเขาหล่อ รวยมาก และที่สุดของที่สุด เขาเจ้าชู้ใช้ผู้หญิงเปลืองยิ่งกว่ากระดาษทิชชู ตัวจริงเขาจะเป็นคนอย่างไรบ้างนะ
ฮึ! ผู้ชายที่หล่อรวย เขาคงไม่สนใจผู้หญิงบ้าน ๆ แบบแกหรอก ยายแพรเอ๊ย เฮ้ย! เราคิดอะไรอยู่ล่ะนี่ บ้าจริงเชียว อย่าได้คิดฝัน
หญิงสาวสะบัดศีรษะไล่ความคิดเพ้อเจ้อออกจากหัว ‘กลับไปทำงานได้แล้วยายแพร เลิกคิดฟุ้งซ่าน สติ สตรอง’ โอกาสมาถึงแล้วเราต้องคว้าไว้ แพรไหมคิดในใจ มันคงไม่เลวร้ายและน่ากลัวอย่างที่คิดหรอก แถมได้เงินเพิ่มอีกตั้งเยอะ ‘เพื่อเงิน’ หญิงสาวพยายามท่องซ้ำ ๆ