เช้าถัดมานับว่าเป็นวันที่โลเวลล์รอคอย ชายหนุ่มเลือกเสื้อผ้าเครื่องประดับนานกว่าปกติ เพราะอยากให้เธอประทับใจ แค่คิดว่าจะได้เห็นหน้าหญิงสาวตัวเล็ก เขาก็ตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ ใจมันคอยคิดถึงแต่ใบหน้าสวย ๆ เขาไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน มันรุนแรงมากจนเขากลัว เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข
“เจ้านายแต่งตัวหล่อจังเลยครับ ดูแปลกตาอย่างกับหนุ่มน้อยเลยนะครับ วันนี้มีอะไรดีน้า… ถึงทำให้เจ้านายของผมอารมณ์ดี” แทรี่ยังพูดไม่เสร็จก็โดนโลเวลล์พูดสวนขึ้นมาก่อน
“แทรี่หุบปากไปเลย ฉันก็หล่อของฉันเป็นปกติเหมือนทุกวัน นายจะมาจับผิดอะไร รีบไปเลยก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสีย”
คู่สนทนาได้แต่หยุดปากตามคำของเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยว่า “ไปกันเลยไหมครับ”
โลเวลล์พยักหน้ารับพลางเดินนำออกจากห้อง ชายหนุ่มไม่ได้สวมชุดสูทเหมือนทุกวัน เขาใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าพับแขนกับกางเกงสแลกส์ทำให้เขาดูเด็กลงไปอีก ที่ข้อมือมีนาฬิกาเรือนหรูซึ่งโดดเด่นด้วยหน้าปัดเงินแท้สีดำ ตัดกับเส้นขอบสีขาว จับคู่กับสายหนังสีดำดูเรียบง่ายทว่าหรูหราด้วยตัวเรือนทองคำชมพู ผลิตออกมาแค่ไม่กี่เรือน สร้างภาพลักษณ์เรียบง่ายแต่โดดเด่นให้ปรากฏแก่สายตาได้ไม่ยาก
โลเวลล์มาถึงห้องทำงานเช้ากว่าปกติ เขากำลังนั่งจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดีตอนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนมันจะเปิดเข้ามา ชายหนุ่มมองเห็นคนตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังแทรี่เป็นอันดับแรก เธอก้มหน้าท่าทีเหมือนเกร็งจนไม่กล้าขยับตัวอันเนื่องมาจากเสียงลือเกี่ยวกับตัวเขาที่ได้ฟังมาก่อนหน้า
“เจ้านายครับผมพาลูกน้องมาส่งครับ คุณแพรไหมจะมาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้านาย คุณแพรไหมครับ นี่ท่านประธานของเราคุณโลเวลล์ ที่คุณแพรไหมจะต้องมาดูแลครับ”
แพรไหมเงยหน้าขึ้นมากำลังจะยกมือไหว้ท่านประธานแต่ต้องชะงักเล็กน้อย ชายหนุ่มคนที่เธอเพิ่งเจอเมื่อวาน โชคดีไม่น้อยที่เธอไม่ได้ทำตัวเสียมารยาท
โลเวลล์นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่พร้อมจ้องมองหญิงสาวไม่วางตาจนแพรไหมขนลุกซู่ พลางนึกในใจว่าจะจ้องอะไรขนาดนั้น เธอทำอะไรผิดหรือเปล่า หญิงสาวพยายามแก้ความกระอักกระอ่วนด้วยการเอ่ยแนะนำตัวออกไปว่า
“สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉันแพรไหมค่ะ” แม้ในใจจะนึกไม่อยากทำงานนี้แล้วก็ตาม แต่พอคิดว่าคุณชาญมอบหมายงานนี้ให้เธอ คงจะทำให้อีกฝ่ายผิดหวังไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาคงอยู่ไม่นานไม่น่าเกินสามเดือน เพราะโครงการก็กำลังจะเสร็จแล้วหลังจากนั้นต้องเดินทางกลับอังกฤษ เธอแค่ต้องอดทนให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้เท่านั้น
“สวัสดีครับคุณแพรไหม” เขาทักแค่นั้นแล้วก็แกล้งหยิบเอกสารขึ้นมาดู วางมาดเคร่งขรึมตามเดิมเสียจนแพรไหมคิดว่า การที่เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กับสายตาของเขาเป็นเรื่องคิดไปเอง แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่เรียบสงบนี้มันอาบไปด้วยยาพิษดี ๆ นี่เอง
“เจ้านายจะให้คุณแพรไหมนั่งตรงไหนครับ” แทรี่ต้องถามเพราะเห็นสายตาของเจ้านายที่มองผู้ช่วยคนใหม่ ต่อให้เขาทำหน้าเรียบเฉยขนาดไหนแต่แทรี่อยู่กับชายหนุ่มมานาน นี่คือสายตาของราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อ ทุกการกระทำจึงไม่อาจหลุดรอดจากสายตาของแทรี่ไปได้
“ในห้องนี้”
“จะดีเหรอคะ ดิฉันว่าดิฉันนั่งข้างนอกดีกว่าค่ะ” แพรไหมเอ่ยแย้งทันควัน
“ทำไมจะไม่ดี ผมสั่ง! แทรี่จัดการโต๊ะทำงานเธอได้แล้ว”
“รับทราบครับเจ้านาย”
อย่างไรก็ดี หญิงสาวกลับไม่ได้คิดจะยินยอมง่าย ๆ “เดี๋ยวค่ะคุณแทรี่ ทำไมพี่สิตาถึงนั่งข้างนอกได้แล้วแพร... เอ๊ย! ดิฉันถึงนั่งไม่ได้คะ ดิฉันอยากนั่งข้างนอกค่ะ จะได้ทำงานสะดวก อยู่ในห้องนี้กลัวรบกวนท่านประธานค่ะ”
“คุณแพรอย่าขัดใจท่านเลยนะครับ ถือว่าผมขอร้อง ท่านต้องการแบบไหนก็ตามใจท่านเถอะนะครับ” แทรี่กลับเป็นฝ่ายแย้งขึ้นมาเสียเอง เป็นสาเหตุให้เธอจำใจต้องตอบรับ
“ก็ได้ค่ะ” เพราะป่วยการที่จะพูด คาดเดาได้ว่าเขาเป็นคนเผด็จการเอาแต่ใจมากแค่ไหน ดูท่าแล้วตั้งแต่เกิดมาคงไม่เคยมีใครขัดใจชายหนุ่มเป็นแน่ แต่เอาเถอะ เธอดูแลแขกวีไอพีมาตั้งเท่าไรแล้ว แค่นี้คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอก
โลเวลล์ลอบมองท่าทีไม่พอใจของหญิงสาวซึ่งปรากฏให้เห็นเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว เขาจึงถือโอกาสสำรวจเธออีกรอบโดยไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว ยิ่งเพ่งมองยิ่งสวยถูกใจเขามาก ผิวของเธอคงนิ่มราวปุยนุ่น ผมยาวสลวยดูนุ่มลื่นราวกับไหม หน้าอกของเธอไม่เล็กหรือไม่ใหญ่เกินไป ดูเหมาะมือเป็นที่สุด เรียวขาสวยซึ่งพ้นกระโปรงออกมาถูกใจเขายิ่งนัก เขาชอบใจกับท่าทางนิ่ง ๆ แต่ดูถือตัวนั้นมาก มันทำให้เขาตื่นตัวจนกางเกงคับแน่นจนปวดร้าวไปหมด
ชายหนุ่มกัดฟันพยายามข่มความปรารถนา และเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการยกมือส่งสัญญาณให้แทรี่ไปจัดการตามคำสั่ง
สามสิบนาทีต่อมาแพรไหมก็มีโต๊ะทำงานส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ในห้องเดียวกันกับท่านประธานใหญ่ ทั้งที่อึดอัดและไม่อยากอยู่ในนี้ด้วยกัน เพราะเธอกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
“นี่คือตารางงานของเจ้านายครับ คุณแพรลองศึกษาดูก่อนนะครับ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามผม” แทรี่เริ่มสอนงานด้วยการส่งตารางลงนัดมาให้เธอดู
“ค่ะ”
“แล้วนี่แฟ้มงานที่คุณแพรไหมต้องศึกษาเกี่ยวกับโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวครับ” ครั้นส่งแฟ้มงานให้แล้ว เขายังเอ่ยอีกว่า “เจ้านายดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลนะครับ เก้าโมงเช้าและอีกรอบตอนบ่ายสามโมง เจ้านายจะทานข้าวตอนบ่ายโมงตรง เมนูที่ท่านประธานชอบทานอยู่ในนี้หมดแล้ว”
“แทรี่นายมีธุระต้องไปทำไม่ใช่หรือไง” สายตาพิฆาตพร้อมเครื่องหมายคำถามที่ส่งมาทำเอาแทรี่หยุดกึกในทันที ยามหันไปหาเจ้านายส่งสายตาทำนองว่า ‘มึงจะสอนเขาจนหมดไม่เหลือไว้ให้กูสอนเลย?’ แน่นอนว่าหลังจากแปลความได้ แทรี่ย่อมตัดบทจบทุกอย่าง “ถ้าคุณแพรไหมมีอะไรถามผมได้ตลอดเลยนะครับ ผมอยู่ห้องข้าง ๆ” แล้วรีบขอตัวเดินออกไปทันที
“ขอบคุณค่ะ” แพรไหมนั่งทำงานด้วยความอึดอัด รู้สึกเหมือนชุดที่เธอใส่อยู่รัดจนหายใจไม่ออก เพราะมันเงียบมาก ขณะที่โลเวลล์นั่งยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข
“ท่านประธานคะ ไม่ทราบว่าอาหารเที่ยงจะทานที่ไหนคะ ดิฉันจะได้จัดการให้ค่ะ” แพรไหมเอ่ยถามหลังนั่งทำงานมาจวบจวนถึงเวลาพักกลางวัน ตลอดช่วงเช้า บรรยากาศในห้องเป็นไปอย่างราบรื่นจนแพรไหมวางใจว่าการทำงานกับท่านประธานคงไม่ได้แย่นัก
“คุณชอบทานอะไร”
“อะไรนะคะ” เธอถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ผมถามว่าคุณชอบทานอะไรครับ ยังไม่แก่เสียหน่อยหูตึงแล้วหรือไง”
“ดิฉันได้ยินค่ะ แต่น่าจะไม่เกี่ยวกันเพราะท่านประธานเป็นคนทานไม่ใช่ดิฉัน”
“นั่นสิ!” โลเวลล์ยกมุมปากน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มอย่างชอบใจ ที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอ
ทว่าฝั่งแพรไหมถึงกับชะงักพร้อมกัดฟันและพยายามอมยิ้มน้อย ๆ กับบทสนทนาที่เหมือนจะกวนประสาท พลางบอกตัวเองว่า อย่าไปหวีดเสียงใส่เขาเด็ดขาด อดทนไว้ นับหนึ่งถึงร้อย “สรุปจะทานอะไรคะ ท่านต้องการให้สั่งอาหารในโรงแรมของเราหรือทานข้างนอกคะ”
“ผมชอบจังเวลาที่คุณพูดว่า ‘โรงแรมของเรา’ ผมอยากออกไปทานข้างนอก คุณอยากทานอะไรก็จัดการจองได้เลย แต่เอาเป็นว่าไม่ต้องจองหรอกไปกันเลยดีกว่า ผมหิวแล้ว” ชายหนุ่มพูดประโยคแรกด้วยรอยยิ้มกริ่ม ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะของเธอ