ด้านแอริน ตอนนี้เธอกำลังวีนแตกใส่พนักงานโรงแรม “ชุดฉันราคาเท่าไหร่แกรู้ไหมฮะ!! น้ำหน้าอย่างแกคงไม่มีปัญญาซื้อแน่ ไปบอกห้องซักรีด เอากลับไปรีดมาใหม่ เพราะฉันจะใส่ชุดนี้ไปดินเนอร์กับโลเวลล์”
แอรินเป็นแขกวีไอพีคนพิเศษ ทางโรงแรมจึงส่งพนักงานมาดูแลโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ที่ถูกส่งมาคือแพรไหม หญิงสาวโดนเรียกให้มาดูแลความเรียบร้อยให้แขกวีไอพีคนนี้ และเธอต้องหัวหมุนตั้งแต่เช้า คนอะไรเอาแต่ใจ ถือว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน ต่อให้เป็นแฟนเจ้าของโรงแรมก็เถอะ ถึงกระนั้นหญิงสาวได้แต่บอกตัวเองว่า เธอต้องอดทน นับหนึ่งถึงสิบไว้แพรไหม
“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นแฟนของเจ้าของโรงแรม ทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้ฉันจะให้เขาไล่แกออก”
แพรไหมต้องรีบเอาชุดไปที่ห้องซักรีดอีกรอบ เพราะแขกวีไอพีบอกว่าชุดไม่เรียบร้อย แม้หลังจากที่เช็กดูแล้ว มันก็เรียบร้อยดีทุกอย่าง แต่เธอถูกสอนมาว่าลูกค้าวีไอพีคือพระเจ้า ย่อมเถียงกับแขกไม่ได้ หญิงสาวโค้งศีรษะก่อนพาตัวออกจากห้องด้วยความรีบร้อน
เธอจึงรีบวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ จะเพราะด้วยเธอหอบชุดราตรีอย่างระมัดระวังเพราะมันแพง หรือเพราะความซุ่มซ่ามของเธอก็เป็นได้ เธอจึงเดินไปชนเข้ากับโลเวลล์จนก้นกระแทก ‘แต่เธอจะยอมรับผิดไม่ได้หรอกนะ’
แพรไหมเงยหน้ามองสิ่งกีดขวาง ตรงหน้าคือชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ในชุดสูทสามชิ้นเรียบหรู
“เดินแบบไหนของคุณ ไม่มีตาดูหรือไง คนยิ่งรีบ ๆ อยู่ โอ๊ย… เจ็บชะมัด” แพรไหมจ้องหน้าโลเวลล์อย่างเอาเรื่อง ดีนะชั้นนี้เป็นชั้นวีไอพี จึงไม่ค่อยมีคนออกมาเพ่นพ่าน
โลเวลล์นิ่งมองเธอเหมือนตัวประหลาดที่หลุดมาจากโลกอื่น เธอเป็นใครถึงกล้ามาว่าเขาแบบนี้ ‘ตัวเล็กเท่าลูกหมาซ่านักนะ!!…เดี๋ยวก็ลากเข้าห้องจับปล้ำทำเมียเสียเลยนิ’
‘แพรไหม ดาเลเนย์ ไวท์’ คือชื่อของเธอ ลูกครึ่งงั้นรึ มิน่าละถึงได้สวยคมแบบนี้
“พูดแล้วยังเฉยอยู่อีก ขอโทษอะเป็นไหม แล้วก็ช่วยดึงฉันลุกด้วย ตัวยังกับยักษ์ ชนมาจนฉันกระเด็นเลย วันนี้วันซวยอะไรของฉันนักหนา ที่ต้องมาเจอคนแบบนี้” แพรไหมบ่นงึมงำคนเดียวอย่างหัวเสีย เธอยื่นมือออกไปหมายจะให้เขาดึง แต่มือทั้งสองข้างของโลเวลล์ไม่ว่าง เพราะเขากำลังล้วงกระเป๋าอยู่ เขาจึงยืนดูเธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิ้วหนากระตุกนิดหนึ่ง พร้อมกับเผลอยิ้มมุมปาก แต่มันก็แค่แป๊บเดียว เขากำลังสนุกที่ได้ปั่นหัวเธอ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่มีคนไหนกล้าด่าเขาแบบนี้ มีแต่คนก้มหัวให้เขาด้วยความเคยชิน
โลเวลล์ตัดสินใจยื่นมือออกไปดึงเธอให้ลุกขึ้นยืน เข้ากระชากเธอเข้ามาหาอกแกร่งทันที นาทีที่ได้เห็นเธอใกล้ ๆ ใจของเขาถึงกับกระตุก ทำเอาเขาถึงกับตาพร่า สวย คือคำแรกที่เด้งเข้ามาในสมองเขาตอนนี้ หอม…เธอตัวหอม แววตาเด็ดเดี่ยวไม่กลัวใครของเธอทำให้เขาพอใจมาก
“ปล่อยฉันนะ คนยิ่งรีบ ๆ อยู่ หัดมีมารยาทกับผู้หญิงด้วยนะ สุภาพบุรุษเขาไม่ลวนลามผู้หญิงหรอกนะ”
“…” ‘ผมไม่อยากเป็นสุภาพบุรุษแล้วล่ะตอนนี้ ขอเป็นโจรปล้นสวาทก่อนเถอะ ก็ใครใช้ให้คุณมาอยู่ผิดที่ผิดทางแบบนี้ล่ะ ขอจูบสักทีเถอะนะแม่คุณ’
“นี้คุณเป็นใบ้หรือเปล่า พูดอะไรบ้างสิ ฉันบอกให้ปล่อย หูแตกหรือไง หา!…ดูสิคุณทำชุดลูกค้าฉันพังหมดแล้ว”
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงแนบจูบลงบนปากอิ่มอย่างที่ใจสั่งทันที เขาอยากลองว่าปากเล็ก ๆ ที่ตะโกนด่าเขาอยู่ตอนนี้จะรสชาติเป็นยังไง เห็นเธอพร่ำไม่หยุดรสชาติมันจะหอมหวานสักแค่ไหนนะ ‘อ๊า!!…แม่คุณทูนหัวมาเป็นแฟนผมเถอะ ถ้าคุณจะหวานขนาดนี้’
เพียะ!
“ไ …อ้…ฉั…นบอกให้ปล่อย ถือดียังไงมาจูบฉันแบบนี้ นี้มันจูบแรกของฉันเชียวนะคนบ้า…” ไม่พูดเปล่าเธอยังตบหน้าเขาไปหนึ่งที แล้ววิ่งหนีเข้าลิฟต์ไปอย่างเร็ว
ทิ้งให้โลเวลล์มองตามไปอย่างมีแผน ‘คิดว่าจะหนีผมพ้นอย่างนั้นเหรอ ของอะไรที่ผมอยากได้ ผมต้องได้ และตอนนี้ผมอยากได้คุณผมก็ต้องได้เหมือนที่ผ่านมา คำว่า ‘ไม่’ ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของผม’
โลเวลล์เปลี่ยนทิศทางทันที จากตอนแรกว่าจะขึ้นมาหาแอริน เพื่อจะมีอะไรกับเธอ
เขาขึ้นลิฟต์ต่อไปชั้นบนสุด คือห้องพักของเขาทันที ตอนที่อยู่ในลิฟต์เขายิ้มไปตลอดทางเหมือนคนบ้า โดนตบไปหนึ่งที ทำเอาเขาสมองกลับ เขาใช้มือคลึงริมฝีปากตัวเองไปมาอย่างนึกเสียดาย ความหวานยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทตัวนอกออกพาดไว้ที่โซฟาเดินตรงไปยังมินิบาร์ รินเหล้าชนิดหนึ่งที่เขาโปรดปรานสาดมันเข้าปากเพื่อดับความร้อนที่มันกำพลุ่งพล่านอยู่ตอนนี้ ‘อ๊า…อยากชะมัด’
เขายังยืนค้างคิดถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ ชักสนุกแล้วสิ แบบนี้ค่อยคึกคักหน่อย มีเรื่องสนุก ๆ มาให้ทำแบบนี้ค่อยน่าอยู่ ‘หึ ๆ ยัยหมากระเป๋าตัวหอม’ เธอเสร็จฉันแน่ เขาใช้มืออีกข้างลูบแก้มที่โดนตบ แล้วยิ้มออกมา เขาท่าจะเป็นโรคจิตโดนตบแล้วยังมามีอารมณ์ขำอีก แรงเท่ามดตบเขาก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก จูบแรกเสียด้วย เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก ๆ เธอไม่หลงใหลในหน้าตาของเขา แถมเธอยังต้านทานเสน่ห์ของเขาได้อีก ที่สำคัญเธอไม่รู้จักเขา ตื่นเต้นแทบจะทนรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว คนอะไรตัวหอมเป็นบ้า!
โลเวลล์ล้วงเอาโทรศัพท์สมาร์ตโฟนเครื่องหรูออกมาโทรหาแทรี่
“แทรี่ บอกคุณชาญ ฉันต้องการพนักงานของเราที่ชื่อ แพรไหม ดาเลเนย์ ไวท์ มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน พรุ่งนี้ให้เธอมาเริ่มงานเลย”
หลังจากแทรี่วางสายกับเจ้านายแล้ว เขาก็ไปหาคุณชาญที่ห้อง จากนั้นรีบขึ้นมาหาเจ้านายทันทีเพื่อรายงานผล
“เจ้านายหน้าไปโดนอะไรมา คล้ายฝ่ามือเลยครับ” แทรี่ถามออกมาอย่างตกใจ
“อย่ามายุ่งน่า…”
“เจ้านายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ชั่วโมงที่แล้วเจ้านายยังอารมณ์เสียอยู่เลยนะครับ ดูตอนนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ มีเรื่องอะไรที่ผมตกข่าวไหมครับ หรือเจ้านายไปหาคุณแอรินมาเลยอารมณ์ดี” แทรี่เอ่ยทักทันทีพลางมองเจ้านายหนุ่มอย่างสงสัย ดูยิ้มแบบนี้มันยิ้มแบบคนเจ้าเล่ห์ชัด ๆ เจ้านายนะเจ้านาย หวังว่าคงไม่หาเรื่องให้เขาปวดหัวอีกหรอกนะ
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ แกอย่ามาเดามั่วหน่อยเลย คุณชาญว่ายังไงบ้าง เรื่องที่ฉันสั่ง”
“ผมอยู่กับเจ้านายมาทั้งชีวิต ผมรู้ว่าตอนนี้เจ้านายกำลังมีความสุข ออร่าพุ่งเลยครับ” แทรี่เอ่ยสัพยอกก่อนรายงานว่า “ส่วนเรื่องที่เจ้านายสั่ง ผมไปหาคุณชาญมาแล้ว คุณชาญบอกขนาดคุณสิตาที่ทำงานด้านเลขามาตลอดยังทำไม่ได้ แล้วคุณแพรไหมจะทำได้เหรอครับ คนละสายงานกับที่เธอเรียนมาเลยนะครับ ผมเกรงว่าเจ้านายจะไล่เธอออกตั้งแต่ชั่วโมงแรก”
“ฉันสั่งอะไรก็ไปทำ เรื่องงาน เธอทำไม่เป็นก็สอนสิ จะยากอะไร แล้วพวกนายอยู่ด้วยตั้งสองคน นายรู้จักฉันดี หรืออยากจะลองดีขัดคำสั่งฉันฮะ!! อ้อ… ส่งแอรินกลับอังกฤษด้วย ฉันเบื่อแล้ว” โลเวลล์ตาเป็นประกายระยิบระยับ
‘สวยขนาดนี้จะเอามาทำงานให้เหนื่อยทำไม มีตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่า อย่างเช่นมาเป็นอีหนูของฉันบนเตียงยังไงละ หึ ๆ’ โลเวลล์เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทิ้งให้แทรี่ได้แต่มองตามอย่างสงสัย ท่าทางแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย