บทที่ 1 ตอนที่ 1
ช่วงเวลาอันแสนเหนื่อยหน่ายผ่านไปวันแล้ววันเล่า ร่างเล็กบอบบางก้าวเท้าเดินไปตามทางด้วยอารมณ์เลื่อนลอย ความรู้สึกอ่อนล้าประเดประดังรุมเร้าจนแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น แต่ก็ทำไม่ได้...เพราะที่บ้านยังมีคนหนึ่งกำลังรอคอยเธออยู่
แม่...
ผู้เป็นทั้งชีวิตและลมหายใจ ให้มีกำลังยืนหยัดต่อสู้กับทุกอุปสรรคมาได้จนถึงวันนี้ และหญิงสาวก็เชื่อว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นในสักวัน ขอเพียงเธอไม่ยอมแพ้
ใครมันจะจมปลักอยู่กับความทุกข์ยากแสนเข็ญไปชั่วชีวิตกันเล่า...
“แม่คะหนูกลับมาแล้ว...” ติรณาละทิ้งความอ่อนเพลี้ยเพลียแรงไว้ข้างหลัง แล้วเรียกหามารดาด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนเคย พลางมือก็ไขกุญแจประตูห้องเช่าเล็กๆ ซึ่งเธออาศัยอยู่กับท่านสองคน
และแม่ของเธอ...เป็นผู้พิการติดเตียง ซ้ำยังมีอาการความจำเสื่อม เนื่องจากจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เธอจึงเป็นเสาหลักของครอบครัว ในการทำงานหาเงินใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงต้องจ่ายหนี้สินที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้สร้างอีกจำนวนมหาศาล
ซึ่งดูท่าทางแล้วชาตินี้คงไม่มีวันชดใช้ได้หมด แต่พ่อของเธอ ซึ่งเป็นผู้ก่อปัญหากลับเลือกที่จะทิ้งภาระทุกอย่างไว้ให้เธอกับแม่รับผิดชอบ
“มาช้าจังเลยนะ...วันนี้ออกไปกับลูกค้าหรือไง” เจ้าของเสียงนั้นนั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ ตรงโต๊ะตัวเดียวในห้องที่ใช้วางของกินของใช้ต่างๆ สีหน้าของเขากวนบาทาเหมือนเคย รอยยิ้มตรงมุมปากนั้นเย้ยหยันมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า
“พี่คูณ...บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องตอนฉันไม่อยู่” หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโมโห แล้วหันมองแม่ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ซึ่งได้รับบริจาคมาอีกที
“ก็ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?” เขาเอียงคอถาม ท่าทางไม่ยี่หระกับการบุกรุกที่อยู่อาศัยของผู้อื่น
“ต้องทำงานป่ะวะ...ไม่ได้ว่างลอยชายหาเรื่องชาวบ้านไปวันๆ” ติรณาตอกกลับน้ำเสียงห้วนห้าว หงุดหงิดกับการถูกล้ำเส้น โดยไม่มีทางต่อกรอะไรได้
“น้องหงส์...หิวไหม น้องหงส์มากินข้าวลูกมา...” ดวงดาวได้ยินเสียงลูกสาวก็เรียกหาด้วยความเป็นห่วง นั่นคือ...จิตสำนึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในชีวิตของนาง
ลูกสาว...
“แม่คะ หงส์กินมาแล้ว...ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่นอนเถอะ” หญิงสาวรีบเดินเข้าหามารดา จับมือท่านเอาไว้แล้วกล่าวบอกด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
“นอน แม่จะนอนแล้ว” นางว่าพลางพยักหน้า
ปกติแล้ว ดวงดาวแม่ของติรณาจะมีเพื่อนบ้านในหอพักเดียวกันมาคอยแวะเวียนมาดูแลให้ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน
“ไหนล่ะเงิน...เพิ่งกลับมาจากทำงานไม่ใช่เหรอ รีบๆ จ่ายมาสิ” คิมหันต์ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาเธอ พลางบิดขี้เกียจ สาดหางตามองมารดาของหญิงสาวเล็กน้อย
“เอานี่...แล้วก็รีบๆ ออกไปซะ” หญิงสาวหยิบเงินกำหนึ่งในกระเป๋า ที่เธอเพิ่งได้รับมาจากการทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยยัดใส่มือเขา ก่อนจะผลักดันร่างใหญ่ให้ออกไปจากห้อง
“ไม่เอาน่า ทำไมใจร้ายกับผัวแบบนี้ล่ะน้องหงส์ หืม...” ชายหนุ่มยังไม่วายยียวน
“เลิกแทนตัวเองด้วยคำทุเรศนั่นสักทีเถอะ...เงินดอกฉันก็จ่ายให้ทุกเดือน ถ้าค*****นต้นได้เมื่อไหร่เราคงไม่ต้องเจอกันอีก” เธอตามหลังเขาออกมาด้านนอก แล้วยืนพิงกำแพงเอามือกอดอก มองเขาอย่างไม่ลดราวาศอก ในขณะที่อีกฝ่ายแสยะยิ้มกึ่งหัวเราะราวกับได้ฟังเรื่องขำขัน
“เงินต้นเหรอ หงส์...เป็นสิบปีแล้วที่จ่ายแต่ดอกจนทบต้นไม่รู้กี่รอบแล้ว ยังฝันอยากจะได้จ่ายเป็นก้อนคืนอยู่อีกเหรอ น้ำหน้าอย่างเราน่ะ เรียนก็ไม่จบ แม่ก็พิการ...ทำงานทั้งชาติก็ยังจ่ายได้ไม่ถึงครึ่งของครึ่งเลยมั้ง ถ้ายอมเป็นเมียพี่ตั้งแต่แรก ป่านนี้ก็สบายไปแล้วเพราะพี่เบื่อง่าย...ใช้งานไม่นานหรอก” สีหน้าและคำพูดเต็มไปด้วยการดูถูกดูแคลน แต่มันก็สมควรแล้วที่สองแม่ลูกคู่นี้จะได้รับ
“ฉันต้องหาเงินมาจ่ายให้พี่ได้ทุกบาททุกสตางค์แน่พี่คูณ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่อย่าลืมที่รับปากไว้ว่าจะไปเซ็นใบหย่าให้ก็แล้วกัน”
“หย่า? หึ หึ หึ...”
“หัวเราะอะไร สักวัน...ฉันต้องทำมันให้ได้คอยดูเถอะ” ท่าทีสบประมาทของเขาทำให้ความรู้สึกดิ่งดาวน์เหลือเกิน แต่ติรณาก็กล้ำกลืนฝืนเอาไว้ ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ชายหนุ่มได้เห็นเป็นเด็ดขาด
เพราะมันคือสิ่งที่เขาต้องการ ความเจ็บปวดของเธอคืออาหารอันโอชะของผีร้ายตนนี้...
“จะคอยดูก็แล้วกัน...แต่ถ้าคิดจะอ้าขาให้ใครแลกกับเงิน ก็อย่าลืมคิดถึงพี่เป็นคนแรกนะ เพราะเงินมันเยอะ...นอกจากพี่คงไม่มีใครยอมจ่ายให้จนหมดหนี้หรอก นอกจากต้องหาลูกค้าเยอะๆ สักหน่อย”
เพี้ยะ!! “ไอ้เลว!” หญิงสาวตรงเข้าไปตบเจ้าของวาจาน่ารังเกียจนั้นอย่างเหลืออด สองมือกำเข้าหากันแน่นหลังจากนั้น จ้องมองเขาที่กำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆ ด้วยความเกลียด โกรธ...และแค้นใจ
“อืม...” ชายหนุ่มครางฮือแล้วแสยะยิ้ม เหลือบแลเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคว้าร่างเล็กเข้าหาตัว แล้วกดเธอให้หลังชิดกำแพง
“ไอ้!!” ก่อนจะได้พ่นคำผรุสวาทใดๆ ออกมา เขาก็แนบใบหน้าเข้าหาแล้วกดจูบบดขยี้ริมฝีปากเธออย่างไม่ปรานี
สองมือประกบบีบแก้มนวลไม่ให้ขยับหนี ขาข้างหนึ่งแทรกระหว่างกลางขาเธอให้แยกออกจากหัน เพื่อจะตรึงร่างเล็กเอาไว้ในอานัติ
ริมฝีปากหนาขบเม้มนัวเนียดูดดื่ม ตักตวงเอาความหอมหวานอบอวลกลืนลงลำคอ หวังกำราบความยโสโอหังให้หญิงสาวสำนึกได้ว่าเขา...เป็นใคร
ติรณาหายใจติดขัด เธอเหมือนจะตาย...แรงเบียดบดขยี้ทำให้ริมฝีปากเหมือนกำลังแตกยับเจ็บร้าว แม้เธอจะขัดขืนและต่อสู้สุดแรง แต่มีหรือจะต้านทานบุรุษเพศได้ ร่างเล็กทรุดลงอย่างสิ้นแล้วซึ่งจิตวิญญาณ
รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็หยุดการกระทำอันหยาบช้าลงเช่นกัน...
เขาปล่อยให้หญิงสาวฮวบทรุดลงไปกองกับพื้น ใช้หลังมือเช็ดปากตัวเองหยาบๆ ด้วยความโกรธเกรี้ยว...
โกรธที่ไม่เคย...ชนะอีกฝ่ายได้เลยสักที ทั้งที่เกลียด ทั้งที่อยากขย้ำให้แหลกลาญคามือ แต่กลับเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ทำร้ายเธอ
ดวงตาแข็งกร้าวยืนมองติรณาที่นั่งฟุบก้มหน้าก้มตา ไร้คำด่าปรามาสเหมือนเคย มีแต่ความเงียบนิ่งงัน ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิกร้องไห้ เขาจึงหันหลังแล้วเดินจากไปทันที ก่อนสติสัมปชัญญะผิดชอบชั่วดีจ