ภากรณ์ขยับเท้าเข้าไปหาสิรินทร์ที่ยืนอยู่ มือหนาเอื้อมไปดึงกระเป๋าใบเล็กแล้วโยนมันทิ้งออกไปจากร่างเด็กสาว สิรินทร์ยืนนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูกจากนั้นชายหนุ่มก็โผตัวเข้าไปกอดพร้อมกับซุกไซ้ใบหน้าหล่อลงที่ต้นคอของเด็กสาว
“ปล่อยหนูนะ”
สิรินทร์พยายามปัดป้อง สองมือบางยันไปที่หน้าอกของภากรณ์หมายจะผลักให้เขาถอยห่างแต่แรงของเธอก็มีนิดเดียว ไหนจะสู้แรงชายที่รางกายกำยำได้
“คิดจะหนี เธอต้องโดนลงโทษ”
“ปล่อยนะ!!”
ภากรณ์ดันร่างของสิรินทร์ไปที่เตียงนอน แล้วกดเธอลงกับฟูกนุ่ม ไม่เพียงเท่านั้น เขายังตรึงแขนเธอขึ้นไปพันธนาการไว้เหนือหัว เขาขึ้นคร่อมมายังร่างเธอไม่ให้เธอได้ดิ้นหนี ส่วนมืออีกข้างของเขาก็จัดการถอดกางเกงเธอออกอย่างคล่องแคล่ว
“ฉันบอกเธอไปแล้วห้ามพูดว่าเกลียดผัวตัวเอง สงสัยเธอจะลืมบทบาทหน้าที่ ดังนั้น ฉันควรทบทวนให้เธอใหม่หมด”
“ไอ้หมอผี หื่นกาม ไอ้โรคจิต”
เธอโพล่งเสียงออกมาด่าเพราะว่ามันเหลืออด ส่วนเขาก็ไม่ลดละที่จะถอดเสื้อผ้าเธอออกทุกชิ้น จนกระทั่งสิรินทร์ตอนนี้นอนตัวเปลือยเปล่าขาวจั๊วะ ตรงหน้าภากรณ์
“เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอ กล้าดียังไงว่าด่าฉัน”
เขาพูดพลางลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าตัวเองออก แล้วเหวี่ยงมันทิ้งลงข้างๆ เหมือนจะโมโหให้กับคำพูดของสิรินทร์ไม่น้อย ส่วนเด็กสาวเธอไม่รู้จะทำยังไงได้ ครั้นจะหนีก็หนีไม่พ้นทำเพียงเม้มปากกัดฟันมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาเท่านั้น
ภากรณ์ไม่รอช้ากระชากไปที่ข้อเท้าของเด็กสาววัยเพียงสิบแปด จนเธอรู้สึกถึงความเจ็บ แล้วร้องออกมาอีกครั้ง
“อร้าย หนูเจ็บนะ”
เขาลากเธอมาจนถึงขอบเตียงส่วนตัวเขาก็ยังยืนอยู่ ภากรณ์จับสองขาเรียวของ สิรินทร์ ให้แยกออกอีกครั้ง ร่องรอยของการร่วมรักช่วงตอนหัวค่ำมันยังคงบวมอยู่ กลีบกุหลาบสีช้ำยังคงมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย เขาไม่ได้สนใจกับสิ่งตรงหน้า พร้อมจับแก่นกายของตัวเองเข้าไปจ่อทันที ไม่สนว่าสิรินทร์จะเจ็บหรือปวดใดๆ
“อื้มม”
สิรินทร์ครางออกมาเพราะมันรู้สึกปวดหนึบ เมื่อแก่นกายของเขา กำลังประชิดเข้าไปยังร่างของเธอ
“ตรงนี้ของเธอมันกำลังดูด..ฉัน”
คำพูดที่แสนน่าเกลียดพูดออกมาพร้อมอาการซี๊ดปากของเขา สิรินทร์เอื้อมมือไปกุมที่หมอนใบใหญ่ เมื่อต้องทนกับขนาดที่ใหญ่เกินมาตรฐานของชายไทย ใบหน้าหวานเริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้น จนกระทั่ง ร่างสูงดันดุ้นเข้าไปจนสุดลำเอ็น
“อ๊า”
ภากรณ์ไม่ได้เล้าโลมอะไรมาก เขาเร่งสวนสะพวกถี่เข้าไปไม่ยั้ง เหมือนเก็บกดอะไรมา จนคนที่นอนอยู่กระเพื่อมตามแรงกระแทก
ปึก! ปึก!
“อะ อ๊ะ หนูเจ็บ ฮือ..”
สิรินทร์เธอร้องออกมาแล้วก็เม้มปากแน่นพลางหลับตา เมื่อร่างหนาเล่นกระแทกแรงแบบไม่ยั้ง
“แค่นี้มันยังน้อยไป เธอเกลียดฉันแถมด่าฉันสารพัด คิดจะหนีผัวตัวเอง คืนนี้ฉันจะเอาให้เธอเดินหนีไม่ได้เลย คอยดู!”
ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไร สิรินทร์ที่ได้ยินแบบนี้ น้ำสีใสก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ แต่เธอไม่เปล่งเสียงสะอื้นออกมาให้ภากรณ์ได้ยินแม้แต่น้อย
ภากรณ์ที่จับขาทั้งสองของเธอแยกออกก็ผลัดเปลี่ยนท่าใหม่ เขาถอดแก่นกายของตัวเองออกแล้วจับสิรินทร์นอนคว่ำ ไม่เพียงเท่านั้น ยังยกก้นกลมของหญิงสาวขึ้น ตอนนี้ใบหน้าหวานแนบใบหน้าลงกับที่นอนผ้าผืนเก่าที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนที่มีคราบเลือด แต่ตอนนี้ผ้าผืนนั้นมันเพิ่มน้ำตาของเด็กสาวเข้าไปด้วย
ภากรณ์จับลำเอ็นเข้าประชิดออกครั้ง เขาดันมันเข้าไปด้านในลำตัวของเด็กสาว ส่วนมือหนาก็รั้งไว้ที่เอวคอดของเธอ
สวบ
แก่นกายไซร์ใหญ่เข้าไปในลำตัวจนมิด เสียงครางต่ำในลำคอก็ดังขึ้นอีก
“อื้ม”
ความพอใจกับส่วนที่คับแคบ เมื่อส่วนหัวของมันถูกบีบรัดแน่นจนรู้สึกเสียวซ่าน
ตับตับตับ
ชายหนุ่มเร่งจังหวะเอวสอบ คนที่ถูกกระทำถึงกับตัวโยนไปไม่น้อย เนื้อกายที่เสียวเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูน เหมือนมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆตรงหน้า ทำให้สิรินทร์ต้องระบายออกมาเป็นเสียง
“อือ อะ อ๊ะอ๊า”
มันยากเกินจะควบคุมได้ ไม่รู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้ร่างกายของเธอจะตอบสนองเขาได้ดี ยิ่งเวลาที่เขากระแทกลงเน้นๆ เธอยิ่งครางเสียงดังเท่านั้น
ภากรณ์จับสะโพกเด็กสาวไว้แน่นขึ้น บงบอกว่าเขาจะเพิ่มความเร็วมากขึ้นอีก พร้อมอาการยกยิ้มที่ใบหน้า สายตาก็มองที่รอยเชื่อมที่มีดุ้นของตัวเองผลุบโผล่อยู่ จากนั้น
ปักปักปักปัก
เสียงจังหวะที่ถูกเร่งเร็วขึ้น พร้อมเสียงเนื้อดังกระทบกันจนเกิดเสียง ไม่เพียงเท่านั้น สิรินทร์ยังครางแทบไม่เป็นศัพท์อีก
“กรี๊ดด อื้มม ฮืออหนู..อร้ายย หนู..หนูหายใจไม่ทันแล้ว”
เสียงกระท่อนกระแทนขาดหาย พร้อมกับร้องท้วงคนกระทำ ใช่ว่าภากรณ์จะเบาลงแต่กับเร่งเอวถี่อยู่แบบนั้น จนกระทั่งเขาชักลำเอ็นออกมาปลดปล่อยน้ำสีขุ่นใส่แก้มก้นของเธอ สิรินทร์หายใจกระเส่าเหมือนว่าปอดจะไม่มีอากาศเข้าไปหล่อเลี้ยงมันเหนื่อยจนแทบขาดใจ สักพักเขากับทำสิ่งที่เธอไม่คาดฝัน
ภากรณ์ผู้หน้านิ่งใบหน้าหล่อของเขาไม่ได้ทำให้ใจเขาหล่อตามสักนิด เขาจับสิรินทร์นอนหงายอีกครั้งแล้วคลานเข่าขึ้นไปจับสองขาเรียวแยกออก
“พะ พอแล้ว หนูไม่ไหวแล้ว”
สิรินทร์รู้ดีว่าภากรณ์ไม่ยอมจบ เขาไม่ได้ฟังคำท้วงติงของเธอแม้แต่น้อยแถมดันแก่นกายที่มันยังคงแข็งขืนเข้าไปอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาก็โน้มลงมาจูบเด็กสาว
จ๊วบ จุ๊บ
สรินทร์หลับตา รับสัมผัสที่เขาจูบไม่รู้จะร้องค้านอะไรได้ ชายหนุ่มค่อยๆขยับสะโพก พร้อมกับปากที่ดูดดุ้นกลีบปากของอีกคน แถมยังใช้ลิ้นสากสอดแทรกเข้าไปในโพลงปากของเด็กสาว
“อื้ม”
เสียงสิรินทร์ร้องท้วง รอบแรกเธอยังไม่ได้พักหายใจ ภากรณ์ก็จะมาสานบทใหม่ให้แถมยังมาขโมยอากาศที่จะมาเลี้ยงปอดของเธอไปอีก
ภากรณ์ถอนจูบออกแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ แต่สะโพกหวานก็ขยับเพียงช้าๆที่จะทำให้สิรินทร์รู้สึกเสียว
“คราวนี้จะดื้อกับผัวอีกไหม”
สิรินทร์เธอไม่ตอบทำเพียงมองนัยน์ตาของเขา สักพักภากรณ์ก็พูดขึ้น แต่คราวนี้ สิรินทร์ เธอถึงกับชะงัก
“เหนื่อยที่ต้องปราบผี ไหนจะเหนื่อยที่ต้องปราบเมีย เธอรู้ไหมผีนั้นมันโกรธฉันแค่ไหนที่เอาเธอทำเมียก่อนมัน”
เธอไม่รู้หรอกว่าจะโกรธแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอรู้คือผีกับคนคงพอกัน หมายถึงเลวทั้งคู่
ภากรณ์มองใบหน้าหวานที่นอนนิ่ง เธอทำเพียงจ้องหน้าเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจนกระทั่ง เขาดึงเธอขึ้นมาในขณะที่รอยเชื่อมระหว่างนั้นมันยังคงติดกันอยู่
“ฉันจะสอนวิชาให้เธอปรนนิบัติผัว”
พูดจบก็อุ้มสิรินทร์ขึ้นมานั่งกึ่งกลางส่วนตัวเองก็นั่งเหยียดขายาว เขากดสะโพก สิรินทร์ลง ดุ้นที่มันยังเชื่อมทางรักก็ไม่ได้หลุดออกจากกัน ภากรณ์ยกก้นเด็กน้อยให้ขึ้นลงตามจังหวะเหมือนความเสียวมันจะวิ่งเข้าร่างสิรินทร์เธอเผลอกอดคอเขาแน่นพร้อมเปล่งเสียงครางเบาๆ
“อื้ม อื้อ”
ภากรณ์เห็นท่าว่าจะเสียวมากขึ้น เขาจับสิรินทร์นอนราบลงไปอีกครั้ง พร้อมกับสวนสะโพกเข้าไปเน้นๆ
ปึก! ปึก!
“อ๊า อ๊า” เขาร้องตามจังหวะเอว ไม่นาน ก็ชักแก่นกายออกพร้อมกับปล่อยน้ำรักลงที่เนินอวบ ก่อนจะล้มฟุบลงไปที่ตัวสิรินทร์อีกครั้ง