หนีออกจากบ้าน

1535 คำ
สิรินทร์ที่นั่งมองเหม่อพร้อมหยาดน้ำตาที่รินไหล เธอไม่รู้ว่าหลังจากนี้ควรใช้ชีวิตอยู่แบบไหน แม้กระทั่งตอนนี้เธอไม่อยากที่จะทำพิธีด้วยซ้ำ “พ่อจ๋า แม่จ๋า มารับหนูไปอยู่ด้วยได้ไหม” พูดจบก็ฟุบหน้าลงกับเข่าตัวเอง เธอร้องไห้อยู่แบบนั้น จนเวลาผ่านไปสักพัก เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วปาดน้ำตาที่รินไหล สิรินทร์หอบผ้าเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายที่มันเปื้อนราคีคาวของชายหนุ่ม เรือนร่างที่เต็มไปด้วยรอยจูบของเขา ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์นั้นทีไร เธอยิ่งรู้สึกเกลียดภากรณ์มากเท่านั้น อย่าว่าแต่นับถือแม้แต่หน้าเธอยังไม่อยากมอง เวลาผ่านไปสักพักที่เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ สิรินทร์เดินออกมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ร่างบางเดินมานั่งลงบนที่นอนที่มีคราบความบริสุทธิ์ของเธอที่ติดอยู่ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ป้าระเมียดบอกจะโทรหาญาติให้ เธอเองก็ไม่รอช้าที่จะโทรหาเผื่อว่าญาติของป้าจะช่วยเธอออกจากนรกแห่งนี้ได้ สิรินทร์เอื้อมมือไปหยิบมือถือในกระเป๋าใบเล็กแล้วยกขึ้นมากด ไม่กี่อึดใจป้าระเมียดก็รับสาย “ฮัลโหลป้าจ้ะ” (สิรินทร์ถึงแล้วใช่ไหมเป็นไงบ้าง พ่อครูใจดีอยู่ใช่ไหม) เมื่อได้ยินแบบนั้น เหมือนน้ำตามันจะไหลขึ้นอีกรอบ เธอพยายามข่มเสียงไม่ให้มันสั่นกลัวว่าป้าระเมียดจะไม่สบายใจ “ป้าคะ ป้าได้โทรหาหลานหรือยังพี่เขาจะมารับหนูไหม” (ป้าโทรไปแล้วแต่ยังไม่มีคนรับสงสัยเขาจะทำโอที แกรอก่อนก็ได้ พ่อครูก็ยังไม่ได้ทำพิธีให้ไม่ใช่หรือไง) สิรินทร์เลือกที่จะเงียบเพราะการทำพิธีไม่รู้จะเกิดขึ้นหรือเปล่าแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือเธอตกเป็นเมียหมอผีซะแล้ว “หนู..” เธอไม่กล้าที่จะบอกว่าไม่อยากทำพิธีบ้าบอนั้นแล้ว แต่ก็กลัวว่าระเมียดจะซักถามมากความเธอเลยเลือกที่จะจบบทสนทนานั้นกับป้า “งั้นแค่นี้นะคะ หากว่าพี่เขารับแล้วป้าอย่าลืมโทรหาหนูนะ” เมื่อวางสายเธอก็ถอนหายใจขึ้นอีกรอบ ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ ไม่นานเสียงประตูห้องก็ดังขึ้น ก๊อก ก๊อก เธอหันตามเสียงกลัวเหลือเกินว่าคนที่มาเคาะจะเป็นภากรณ์ แต่เสียงที่ลอยเข้ามานั้น “ป้าเอาข้าวมาให้” เธอแอบโล่งอกไม่น้อย คนที่เอาข้าวมาให้เธอคือป้าแม่บ้านของที่นี่ สิรินทร์ ลุกออกจากที่แล้วเดินไปเปิดประตูรับ ป้าแว่นแม่บ้านเดินตามเธอเข้ามาแล้ววางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะอีกตัวในห้อง “นายหญิงจะเอาอะไรเพิ่มอีกไหม ป้าจะเอามาให้” สรรพนามที่ป้าเรียกเธอนั้น มันดูแปลกไป สิรินทร์ขมวดคิ้วลงหากันทันที เธอแอบสงสัยว่าทำไมป้าถึงเรียกเธอแบบนี้ “ป้าคะ ทำไมเรียกหนูแบบนั้น หนูไม่ใช่นายหญิงหรอกนะ” เสียงอันอ่อนหวานของเธอบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ป้าแว่นยิ้มกว้างแล้วอธิบายให้เธอฟัง “นายท่านเลือกแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนได้ ตอนนี้หนูคือนายหญิงของที่นี่” สิรินทร์แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คำว่าเลือกแล้วของเขา และสิ่งที่เขาเคยบอกก่อนหน้า ว่าชะตากรรมร่วมกัน หรือว่าฟ้าจะลิขิตมาแบบนั้นจริงเหรอ แต่อย่างนั้นก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย ภากรณ์ก็แค่คนธรรมดา แค่อยากได้ความสาวของเธอเท่านั้น “ถ้าคุณทานอิ่มแล้วป้าจะขึ้นมาเก็บนะคะ” ป้าแม่บ้านบอกแล้ว ก็เดินออกจากห้องปล่อยให้สิรินทร์ได้พัก แต่เชื่อเถอะว่าอาหารที่ป้ายกขึ้นมาเธอแค่มองมันเท่านั้น แม้กระทั่งข้าวที่เป็นของบ้านนี้เธอก็ไม่อยากกินด้วยซ้ำ รักยม รัก :ยมแม่ไม่กินข้าวเลย ยม :ต้องไปบอกพ่อหรือเปล่า รัก :ตอนนี้พ่อกำลังทำพิธีนะ ห้ามใครเข้าไปกวน กุมารทองที่สิรินทร์มองไม่เห็นยืนมองเธอพร้อมกับพูดคุยกันอยู่แบบนั้น แต่คนที่ไม่มีสัมผัสพิเศษได้แต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างตามเดิม เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเห็นจะได้ สิรินทร์ที่ไม่ยอมทานอะไรสักนิด ส่วนป้าแว่นก็ขึ้นมาเก็บถาดอาหาร เธอถึงกับถอนหายใจส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับสิรินทร์มากนัก ส่วนกุมารทองที่ได้รับคำสั่งให้มาเฝ้าเมียพ่อก็พลอยหลับใหล เวลานี่เป็นเวลาดึก ผู้คนก็เริ่มที่จะเข้านอน ในหัวของเธอคิดเพียงว่า หากจะหนี ต้องหนีตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นภากรณ์ก็คงตามเธอเจอแน่ สิรินทร์ค่อยๆเก็บกระเป๋าแล้วเดินย่องออกมาจากห้อง เธอมองซ้ายทีขวาทีเห็นว่าด้านบนไม่มีคนอยู่ เธอเลยรีบสาวเท้าลงมาด้านล่าง แต่เหมือนฟ้าจะเข้าข้างอยู่บ้างด้านล่างก็ไม่มีใครเช่นกัน เหมือนกับว่าทางสะดวก สิรินทร์ไม่รอช้าที่จะวิ่งออกมาจากตัวบ้าน เธอยิ้มขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องเป็นอิสระแต่แล้ว “นายหญิงจะไปไหนครับ” เข้ม ลูกน้องคนสนิทของภากรณ์เอ่ยถาม แววตาของเขาก็ดุไม่ต่างคนเป็นเจ้านาย สิรินทร์ชะงักนิ่งไม่กล้าแม้จะเคลื่อนไหวไปต่อ เธอค่อยๆหันมาแล้วก็มองไปที่หน้าชายหนุ่ม “คือหนู..พอดีญาติมารับแล้วค่ะ อีกอย่างหนูไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ เอ่อ ไม่อยากให้คุณภากรณ์เขาต้องเดือดร้อน” เธอเลือกที่จะโกหก เธอไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาจะเชื่อหรือเปล่า แต่แววตาของ เข้ม มันแข็งเหมือนไม่ใช่มนุษย์ เขาจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น ก่อนที่สิรินทร์จะพูดอีก “หนูฝากลาเจ้าของบ้านด้วยนะคะ พอดีหนูหาคุณภากรณ์ไม่เจอ” พูดจบก็เหมือนจะหมุนตัวพร้อมจะก้าวเท้าเดิน ทว่า “หาไม่เจอหรือไม่ไปหา” เสียงทุ้มที่สิรินทร์คุ้นหูเป็นอย่างดี เธอแทบขนลุกเมื่อเสียงนั้นลอยออกมาจากตัวบ้าน ภากรณ์เดินออกมาแล้วหยุดยืนที่ด้านหลังของลูกน้อง เขากอดอกมองแผ่นหลังของ สิรินทร์ที่ยืนนิ่ง “เธอจะไปไหน” คำถามที่ดังขึ้นใช่ว่าสิรินทร์จะตอบ เธอไม่แม้แต่จะหันมามอง สิรินทร์เม้มปากแน่นพร้อมกำมือตัวเองแน่นขึ้นไปด้วย “ฉันถาม..ว่าเธอจะไปไหน” คราวนี้เสียงนั้นเน้นหนักเพิ่มขึ้น เขาถามย้ำกับคนที่ยืนนิ่ง สิรินทร์ถอนหายใจแล้วหันหน้ามาประจันหน้าคนที่ยืนกอดอก ในมือของสาวน้อยถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กแน่น “หนู..หนู จะไปหาญาติ หนูไม่อยากอยู่ที่นี่” ภากรณ์ลดมือลงจากอกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เขาจะหันมาสั่งลูกน้องเสียงแข็ง “เอานายหญิงขึ้นไปเก็บ” เข้ม โน้มหัวลงรับคำ แต่สิรินทร์ก็ลนลานไม่น้อย เธอไม่อยากกลับไปที่ห้องได้แต่ร้องขอคนที่จะมาจับตัว “ขอร้องละ ปล่อยหนูไปเถอะ” เข้ม ไม่ได้ฟังเสียงทักท้วงนั้น เขารีบแบกนายหญิงตามบัญชาผู้เป็นนายขึ้นไปที่ห้องตามเดิม ในขณะที่กุมารทองทั้งสองสะดุ้งตื่นเพราะเสียงประตูที่เปิดออก รักยม :พ่อ!! “พ่อสั่งแกสองคนว่ายังไง” รักยม :หนูขอโทษ “ออกไปได้แล้ว” ไม่ว่าจะกุมารทองหรือลูกน้อยคนสนิทต่างเดินออกจากห้องตอนนี่มีเพียง ภากรณ์กับสิรินทร์เท่านั้นที่ยืนจ้องตากัน สายตาของสิรินทร์มันบ่งบอกได้ว่าเกลียดภากรณ์เข้าไส้ เบื้องหน้าคือคนมีเมตตา เบื้องหลังคือซาตานและมารมาเกิด “จะด่าอีกนานไหม” “ถึงจะด่าในใจ ด่าออกเสียงยังไงคุณก็ต้องรู้ แต่หนูจะบอกคุณตรงนี้ไว้เลยว่า ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยเกลียดใครมากขนาดนี้มาก่อน ขนาดผีที่จะมาตามเอาชีวิตหนูยังไม่เกลียดเท่าคุณเลย คุณมันหน้าเนื้อใจเสือ คุณมันคนฉวยโอกาส หนูเกลียดคุณ” ภากรณ์ยืนหลับตานิ่งพลางกอดอกรับฟังคำด่าคำว่าที่สิรินทร์พ่นออกมาไม่หยุด จนกระทั่งสิรินทร์เงียบ เขาก็ลืมตาขึ้นมา “ด่าจบแล้วใช่ไหม คราวนี้ทีฉันบ้าง!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม