สิรินทร์ได้ยินเต็มสองหูแต่เวลานี้ร่างกายมันไม่ตอบสนองอะไรทั้งนั้น มันยังคงรู้สึกกับการกระทำก่อนหน้าของเขาเสียมากกว่า
ภากรณ์กัดปากพลางร้องซี๊ดขึ้น เมื่อฝ่ามือร้อนรูดขึ้นลงตรงแก่นกายที่แข็งขืน เขาขยับมันเข้ามาทางช่องคับแคบของสิรินทร์ แล้วจ่อส่วนหัวเข้าไปประชิด กดมันลงแล้วดันเข้าไปเพียงเล็กน้อย
“อ่า”
“กรี๊ด ฮื้อ หนูเจ็บบ”
สิรินทร์ใช้แขนเกร็งของเขาเป็นที่ยึด ความเจ็บที่เขาดันเข้ามามันยิ่งทำให้เธอต้องจิกเล็บลงที่แขนของชายหนุ่ม ถึงแม้มันจะคับแคบบวกกับเธอไม่เคยผ่านมือชาย แต่ภากรณ์ก็ไม่คิดจะลดละถ่อยห่าง แม้เสียงร้องจะปนเสียงสะอื้นไห้ ชายหนุ่มก็ยังคงดันดุ้นเข้าไปจนถึงฝั่ง
“อ้า”
สิรินทร์เนื้อกายสั่นระริก น้ำสีใสที่ไหลอาบลงมาที่แก้มมันบ่งบอกได้ว่าเธอหมดสิ้นทุกอย่างแล้วจริงๆ ภากรณ์มองหน้าของเด็กสาวแล้วก้มลงไปจูบสัมผัส ก่อนที่จะยึดตัวขึ้นพร้อมเอวที่สวนเข้าออก
“อื้อ”
เขากัดฟันเมื่อแก่นกายที่ต้องสู้กับความคับแคบที่มี มันทำให้ความเสียวบังเกิดขึ้นไม่น้อย เสียงครางต่ำในลำคอพร้อมมองหน้าสิรินทร์ ที่เหยเกอยู่ตอนนี้ยิ่งเพิ่มอารมณ์กามให้ภากรณ์มากขึ้น
“หนูอึดอัด หนูเจ็บ เอาออกสักทีได้ไหม”
สิรินทร์ร้องท้วงแต่ไม่ได้มองไปที่หน้าเขา มันย่อมอึดอัดอยู่แล้ว เพราะขนาดไซร์มันเกินมาตรฐานชายไทย อีกทั่งเธอเป็นคนตัวเล็กขนาดที่จะรับก็ไม่ได้ใหญ่แถมเธอยังบริสุทธิ์ ฉะนั้นการที่เธอจะรู้สึกเจ็บมันเป็นเรื่องธรรมดา
“จะรีบออกไปไหน เธอยังไม่รู้สึกถึงความสุขด้วยซ้ำ”
น้ำเสียงที่เขาตอบกลับมามันกระด้างกระเดื่องไม่น้อย ภากรณ์ไม่รับฟังเสียงทักท้วงเขารีบสวนสะโพกเข้าออกหนักขึ้นไปอีก
ปักปักปัก
เสียงบริเวณเนื้อที่ดังกระทบกันจนเกิดเสียง สิรินทณ์ยิ่งเม้มปากแน่นขึ้น ความรู้สึกที่มีก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน เธอเอื้อมมือไปกุมผ้าปูไว้แน่น แรงกระแทกของเขาทำเอาเธอถึงกับตัวโยน
ปักปักปัก
ภากรณ์ไม่ได้ลดละ สวนสะโพกเข้าออกเร็วและแรงขึ้น พร้อมกัดฟันจนสันกรามนูนเด่น เขามองดูที่รอยเชื่อมของตัวเองที่มีดุ้นยักษ์ ผลุบโผล่เข้าออกเป็นจังหวะ กลีบกุหลาบที่เคยสีแดงสดตอนนี้เป็นสีแดงช้ำแถมยังมีกลิ่นความบริสุทธิ์ไหลออกมาปนเพียงเล็กน้อย เขายกยิ้มที่มุมปากขึ้นอีกรอบ แล้วจับสองขาเรียวขึ้นมาพาดที่บ่าทั้งสองก่อนจะสวนมันเข้าไปเต็มแรง
ปักปักปัก
“อ๊า อ๊า”
“อ๊ะ อ๊ะเบาสิ”
เมื่อจะถึงฝั่งฝันของชายหนุ่ม ภากรณ์ปล่อยขาที่จับมาพันธนาการไว้วางมันลงกับฟูก ส่วนตัวเขาก็เร่งเอวถี่ขึ้นจนคนที่นอนใต้ร่างแทบจะหายใจไม่ทัน สิรินทร์ไม่รู้จะทำยังไงกับความเสียวครั้งนี้ สิรินทร์ยกนิ้วชี้ของตัวเองขึ้นมาขบกัดจนเป็นรอย เพื่อระบายความเสียวซ่าน ไม่นานร่างหนาก็ถอดแก่นกายออกมาอย่างกะทันหัน แล้วปล่อยน้ำรักสีขุ่นลงที่หน้าท้องอันแบนราบของเธอ
“ซี๊ดด อ่า”
ภากรณ์ปล่อยน้ำออกแล้วเขาก็แหงนหน้ามองเพดานกว้าง สักพักก็มองต่ำลงมาที่เธอ ส่วนสิรินทร์เธอนอนหายใจกระเส่า เหนื่อยหอบกับกิจกรรมที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน ร่างขาวของเธอผุดไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เป็นเหงา ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่กระทำเท่าไหร่นัก
ภากรณ์คลานเข่าลงจากเตียง เขาเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ไม่นานเสียงน้ำจากฝักบัวก็ไหล นั้นหมายถึงเขาคงอาบน้ำชำระร่างกาย ส่วนสิรินทร์หญิงสาวที่ถูกกระทำเธอยันตัวเองลุกขึ้น ส่วนนั้นที่มันเจ็บปนแสบ เมื่อลุกขึ้นได้ก็ก้มมองที่ระหว่างขา
“เลือดออก”
เธอมองไปที่ผ้าปูสีขาวที่มีเลือดความบริสุทธิ์ติดอยู่ เธอพยายามดันร่างตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่าง เวลาผ่านไปสักพักภากรณ์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มพันผ้าขนหนูออกมาแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองมาสวมใส่ การกระทำเหล่านั้น มันอยู่ในสายตาของสิรินทร์ทั้งหมด
“เดินลงไปทานข้าวไหวไหม”
เขาถามในขณะที่ยังใส่เสื้อผ้า แต่เชื่อเถอะว่าสายตาของสิรินทร์ที่มองเขา มันไม่ได้มีความนับถือ มีเพียงความเกลียดเท่านั้น
“ถามทำไม ไม่ตอบ!!”
เสียงเข้มเอ่ยถามสิรินทร์ขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้หญิงสาวที่ซุกร่างอยู่ในผ้าห่มถึงกับสะดุ้ง พร้อมปากที่เอ่ยบอกเขา
“หนูไม่หิว!”
ภากรณ์ที่สวมใส่เสื้อผ้าตัวเองแล้วเสร็จ เขาเดิมมาที่ปลายเตียงพร้อมจ้องมองหน้าของเด็กสาวที่เขาพึ่งจะสานสัมพันธ์สวาท ส่วนคนที่ถูกมองเธอก็หันหน้าไปทางอื่น สักพักเขาจึงพูดขึ้น
“จะให้แม่บ้านยกขึ้นมาให้ อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย”
เมื่อสิ้นคำสั่งเขาก็เดินออกจากห้องปล่อยให้สิรินทร์ต้องนั่งจ่มอยู่กับน้ำตาที่รินไหล
รัก พ่อจ่ะ พ่อเผด็จศึกแม่แล้วใช่ไหม
ยม อาการแบบนี้ยังต้องถามทำไม
รัก พ่อ แล้วแม่จะหนีไปไหม
ประโยคของกุมารทองทำให้ภากรณ์ต้องฉุกคิด เขาหันไปทางด้านบนห้องที่ตัวเองพึ่งจะเดินลงมาแล้วหันมาสั่งกุมารทองทั้งสอง
“เฝ้าแม่ไว้อย่าให้คิดหนี”
สิ้นคำสั่งของภากรณ์เขาก็เดินมาที่โต๊ะอาหารที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้รอ เมื่อหย่อนก้นลงนั่งเรียบร้อย ป้าแว่นแม่บ้านก็ตักข้าวลงจาน ภากรณ์ไม่ลืมที่จะสั่งป้าแม่บ้าน
“ยกข้าวขึ้นไปเสิร์ฟนายหญิงข้างบนด้วย”
แค่คำสั่งเพียงแค่นั้น หญิงวัยอาวุโสก็พอรู้ได้ว่าสถานะของเด็กที่พึ่งเข้ามาคืออะไร เธอพยักหน้ารับ ไม่นานเด็กคนสนิทที่ติดตามเขาก็เดินเข้ามารายงาน
“นายท่านครับพรุ่งนี้เรามีนัดกับท่านรองโสภณเก้าโมงเช้า”
“อืม กูรู้แล้ว”
คำตอบกลับสั้นๆ พร้อมเสียงที่ดุดันน่าเกรงขาม ทำให้คนที่มารายงาน ต้องประสานมือกันแล้วก้มต่ำลงเล็กน้อย ภากรณ์เหมือนจะตักข้าวใส่ปาก ทว่าเรื่องที่จะสั่งลูกน้องต่อไปก็สำคัญไม่ต่าง
“ต่อไปนี้ ให้คนเฝ้านายหญิงอย่าให้คาดสายตา”
เข้ม ลูกน้องคนสนิทที่ได้ยินคำสั่งเขาก็มองไปทางด้านห้องที่มีเด็กผู้หญิงพึ่งมาอยู่ แต่ก็รับรู้ได้ง่ายว่าเจ้านายตัวเองคงมีจิตที่ผูกกับเด็กนั่นไปแล้ว คำว่านายหญิงใช่ว่าใครจะใช้ได้หากว่านายท่านไม่อนุญาตให้เรียก