“เออพี่รู้ว่าของแกมันของจริงหมดนั้นแหละ” ชิงชัยถอนหายใจหนักๆ เสยผมยุ่งๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไร “แต่แกก็ต้องเข้าใจพี่ด้วยนะ”
“เข้าใจค่ะ หวาทำงานที่นี่มาตั้งสองปีแล้วทำไมจะไม่เข้าใจ” เธอยักไหล่เก๋ “พี่ชิงน่าจะย้ายหวาไปทำงานโต๊ะข่าวสายการเมืองหรือไม่ก็อาชญากรรมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยหวาจะได้ไม่มาสร้างเรื่องให้พี่ชิงปวดหัวแบบนี้”
“แล้วอีกอย่าง...ถ้าตรวจสอบไปๆ มาๆ มันมีคนศอกกลับย้อนถามว่าแกไปปาร์ตี้นั่นด้วยหรือเปล่าจะทำไง”
“ก็หวาไปจริงๆ นี่แต่หวาไปเก็บข้อมูลมาเขียนสารคดีของหวาต่างหาก ที่นี่ไม่ห้ามที่พนักงานจะทำฟรีแลนซ์ไม่ใช่เหรอคะ”
“เออ...แต่มันไม่เหมาะเว้ยยย” ชิงชัยชักเริ่มจะรำคาญรุ่นน้องคนนี้เต็มที “เอาเป็นว่าแกปล่อยๆ ยัยจีจี้นี่ไปเถอะ อย่าไปจิกกัดยัยคนนี้บ่อยนักเลย”
“ก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกคะแต่มันอดเอาเรื่องจริงมาตีแผ่ไม่ได้”
“นี่สาบานนะว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว” ชิงชัยยกกาแฟร้อนขึ้นจิบ “เรียนจบที่เดียวกับจีจี้ไม่ใช่เหรอ”
“หน้าอย่างหวาจะไปอิจฉาใครเค้าเป็น” เธอทำท่าแหวะแล้วลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วหวาไปทำงานนะคะ มีนัดสัมภาษณ์ผู้กำกับละครค่ะ”
“เออไปเถอะ ถามเค้าแต่ประเด็นเรื่องงานนะเว้ย อย่าไปคุ้ยเรื่องเมียน้อยเค้าหละ”
“เจ้าคะ” ยิหวาย่อตัวถอนสายบัว “แต่ถามเป็นการส่วนตัวได้ใช่ไหมเจ้าคะ”
“ถ้าแกจะถามเรื่องแบบนั้น พี่ว่าถามเรื่องที่เค้าปั้นกิ๊กมาเป็นนางเอกใหม่ดีกว่า” ชิงชัยโบกมือไล่ “ไปไกลๆ ได้แล้วพี่ไม่อยากเห็นหน้าแกนานนักหรอก เดี๋ยวกาแฟมันจะเหม็นบูดเอา”
ยิหวาหัวเราะเบาๆ แล้วเดินออกมาเพื่อไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เมื่อจัดการเก็บอุปกรณ์ที่จะใช้สัมภาษณ์เธอก็เดินไปหาพี่หนึ่ง-ช่างภาพที่จะออกไปทำงานด้วยกัน
“ขอห้านาที พี่โหลดรูปอยู่”
“ให้สิบก็ได้” ยิหวายิ้มแล้วนั่งที่เก้าอี้ว่างรอช่างภาพคีย์ข้อมูลบางอย่าง เธอชะโงกหน้าดูรูปที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ ภาพนางแบบสาวโพสท่าเซ็กซี่ในไร่องุ่นทำให้เธอรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด
“ที่ไหนพี่สวยจังเลย”
“นางแบบหรือองุ่น” ชายหนุ่มหัวเราะปากว้าง “ใกล้ๆ นี่เองนครปฐม อยากไปเหรอ”
“เปล่าค่ะ...แค่รู้สึกเหมือนกับว่าเคยไปเที่ยวไร่องุ่นที่ไหนสักแห่งแต่นานจนจำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน....”
“แก่แล้วนี่เรา...แค่นี้ก็หลงๆ ลืมๆ ซะแล้ว”
“เหอะ!” ยิหวาทำเสียงขึ้นจมูก “อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองซิ”
“บอกตัวเองหรือบอกพี่ละ” ช่างภาพหนุ่มหัวเราะ “ได้ยินว่าโดนพี่ชิงชัยเรียกไปดุอีกแล้วเหรอ”
“ก็เรื่องเดิมนั้นแหละ” ยิหวายักไหล่
“ไปยุ่งกับเด็กเสี่ยมากๆ ระวังจะถูกย้ายที่ทำงานใหม่นะ” หนึ่งเตือนอย่างหวังดี
“จะเด็กใครก็ช่าง แต่ทำอะไรไว้ก็ต้องกล้าทำกล้ารับซิ”
แววตากลมโตฉายแววเด็ดเดี่ยวอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัว ช่างภาพหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจเขาเป็นรุ่นพี่ยิหวาหลายปีรู้เรื่องวงในมากกว่ายิหวาหลายเท่านั้น
บางเรื่องราวก็ไม่มีอยู่ในตำราเรียนต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตจริง
..............................
‘จีระนันท์’ ดาราสาวก้าวออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าในชุดราตรีสีดำเป็นมันวาวเน้นสัดส่วนและเปิดเผยเรือนร่างจนคนที่เงยหน้ามองตกใจจนยกมือทาบอก หญิงสาวยักไหล่แล้วโพสท่าเซ็กซี่ยั่วยวนแต่ผู้จัดการโบกไม้โบกมือไปมา
“ไม่ไหวหรอกยัยจีจี้ เอาชุดที่มันเรียบๆ กว่านี้ไม่ได้เหรอ” ‘อามี่’หรืออดีต ‘อาร์ม’ ชายหนุ่มหัวใจสีรุ้งกุมขมับ “พี่ว่าให้พี่เลือกชุดให้จีจี้ใส่ไปงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเองดีกว่าจ๊ะ”
“ไม่เอาหรอก” จีจี้หรือจีระนันท์เบ้ปาก เธอดูเงาตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ฉายภาพเธอได้เต็มตัว “พี่อามี่เลือกอะไรให้จีจี้ใส่ดูแอ๊บแบ๊วยังไงไม่รู้ จีจี้อยากเปลี่ยนลุกค์ตัวเองเป็นสาวเซ็กซี่”
“แต่พี่ว่ามันไม่เหมาะกับจีจี้หรอก” อามี่พยายามโน้มน้าวใจดาราสาวในสังกัด ทั้งเธอเองก็นึกรำคาญจนอยากตบหัวสักผัวะ! สองผัวะ! เหมือนกัน “เอางี้จีจี้ใส่ชุดเกาะอกก็ได้แต่พี่ขอสีหวานๆ ฉ่ำๆ ได้ไหมคะ”
“แล้วจีจี้จะไม่กลายเป็นลูกกวาดเหรอคะ” เธอยังคงเสียดายชุดดำมันวาวเข้ารูปที่สวมอยู่นี้มากกว่า
“ทนๆ เอาหน่อยเถอะจ๊ะ ข่างคาวๆ มันจะได้เงียบๆ หน่อยไง” อามี่เดินไปเลือกชุดราตรีอีกชุดออกมาทาบตัวดาราสาว
“แหม! ก็จีจี้เครียดก็ต้องไปหาที่พักผ่อนบ้างนี่คะ” ยังพูดไม่จบผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวก็รีบตะครุบปากน้อยๆ ของจีจี้ไว้
“เดี๋ยวใครก็ได้ยินหรอก! พี่หมดเงินไปกับการแก้ข่าวนี้มามากพอแล้วนะ” อามี่อยากบีบคอขาวๆ ของจีจี้นัก “ถ้าว่างนักก็เอาเวลาไปซ้อมร้องเพลงเตรียมออกอัลบัมได้แล้วยะ”
“อย่างจีจี้ไม่ต้องซ้อมก็ได้แค่โปรยยิ้มหวานๆ ก็โอเคแล้วนี่” เธอพูดจาไม่สนใจกับหน้าตาดุๆ ของผู้จัดการนัก “แต่เอาเถอะ คราวนี้จีจี้จะยอมใส่ชุดที่พี่อามี่เลือกก็ได้”
อามี่ถอนหายใจโล่งอกแล้วส่งชุดราตรีสีชมพูไข่มุกให้จีระนันท์ “ไปลองซะจะได้ดูว่าพอดีไหม พี่ขอไปดูดบุหรี่ข้างนอกก่อนนะ”
จีจี้พยักหน้ารับแต่พอเห็นผู้จัดการส่วนตัวเดินออกไปแล้วเธอก็ทำหน้าเลี่ยนๆ “แหวะ! ทีตัวเองยังสูบบุหรี่แล้วยังจะมาว่าคนอื่นอีก”
จีระนันท์ผลุบหายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง นึกเจ็บใจที่ถูกมือดีแอบถ่ายภาพตัวเองในงานปาร์ตี้คืนนั้นไม่ได้ และเดาได้ไม่ยากนักหรอกสำหรับแม่สาวขี้อิจฉาอย่างยิหวาที่จะเป็นต้นตอของข่าวนี้เพราะมีเพียงหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวที่ลงภาพเธอได้ชัดแจ่มขนาดนั้น
จีระนันท์เชื่อมาตลอดตั้งแต่เรียนปีหนึ่งว่ายิหวาอิจฉาในความสวยและน่ารักของเธอ มีกิจกรรมหลายอย่างที่ทั้งสองเคยทำร่วมกันแต่เธอได้เป็นดาวเด่นเสมอและเป็นดาวประจำคณะ รุ่นพี่หนุ่มๆ หลายคนแวะเวียนมาจีบเธอและเป็นรุ่นพี่ที่จีระนัทน์มารู้ที่หลังว่ายิหวาก็แอบชอบอยู่ แต่ทำไงได้ละ! ก็คนมันสวยนี่ สวยเลือกได้น่าจะรู้อยู่แล้ว
หญิงสาวเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ปีสอง สวยใสสไตล์เกาหลีอย่างจีจี้เป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มๆ จากนางเอกMV ก็ก้าวมาเป็นนางเอกละครโทรทัศน์ในปีถัดมา เพราะร่าเริงในแวดวงบันเทิงจนทำให้เกือบเรียนไม่จบช้าไปหนึ่งเทอม แต่ก็ช่างเถอะ! ไม่ค่อยมีใส่ใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ถึงเรียนจบเร็วก็ต้องมาเตร่หางานทำเหมือนยิหวากับปลายรุ้งอยู่ดี แต่ไม่รู้ยังไงยิหวาถึงได้มาทำงานเป็นนักข่าวบันเทิงคงจะอิจฉาเธอมากๆ และจะได้หาทางกลั้นแกล้งเธออีก ส่วนยัยปลายหรือปลายรุ้งนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยสักนิด เพราะทั้งเฉิ่มและดูเหมือนจะเอ๋อหน่อยๆ ไม่มีพิษภัยอะไรกับเธอนักแม้จะเห็นว่าเป็นเพื่อนรักของยิหวาก็ตาม
จีระนันท์ออกมาจากห้องลองชุดก็ไม่เห็นผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวของตน เธอจึงเดินออกมาด้านนอกเรียกพนักงานคนหนึ่งของห้องเสื้อมาดูเพราะรู้สึกว่าเอวมันจะคับไปหน่อย
“ได้ค่ะ...ทางร้านจะแก้ให้พอดีกับเอวของคุณจีจี้”
“เอาให้ทันนะจีจี้จะใส่ไปงานประกาศผลฯ ” จีระนันท์อดสั่งไม่ได้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงทางร้านต้องจัดการให้เธอได้ทันเวลาแน่ๆ
“ไม่มีปัญหาค่ะ สำหรับคุณจีจี้ทางร้านเราจัดการให้พิเศษสุดๆ อยู่แล้ว” จีบปากจีบคอพูดไปอย่างนั้นแต่ก็รู้สึกหมั่นไส้นางเอกแอ๊บแบ๊วคนนี้เหมือนกัน “แล้วเครื่องประดับละคะ”
ยังไม่ทันที่จีจี้จะพูดอะไรออกมาประตูร้านของห้องเสื้อก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวสวมแว่นกันแดดสีชาเดินเข้ามาในร้านมองด้วยหางตาก็รู้ว่าไม่ใช่คนไทย ‘หล่อยังกะพระเอกเกาหลี’
“พี่กาอินมาหรือยังครับ” ‘กังยู’หนุ่มลูกครึ่งเกาหลีที่พูดสำเนียงไทยได้ชัดเอ่ยถามกับพนักงานสาวที่กำลังดูแลจีจี้อยู่ เขาหันไปเห็นจีระนันท์เข้าพอดีก็ยิ้มให้เล็กน้อยตามมารยาท
“คุณอินมาแล้วค่ะแต่เมื่อครู่เดินไปร้านดอกไม้ข้างๆ คงอีกสักครู่ก็เข้ามา หรือจะให้ดิฉันโทรตามให้คะ”พนักงานสาวรีบโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งสะเทือนนัก
“ขอบคุณครับแต่ไม่เป็นไร” เขาชี้นิ้วไปที่โซฟารับแขก “ผมนั่งรอตรงนี้ได้ใช่ไหม”
“เชิญตามสบายค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะยกน้ำมาให้”
“ไม่เป็นไรครับเชิญทำงานตามสบายเลยดีกว่าครับ” กังยูเอ่ยยิ้มๆ และเมื่อเห็นหญิงสาวที่รู้สึกคุ้นๆ หน้าจ้องมองมาทางเขา ชายหนุ่มจึงก้มศีรษะให้เล็กน้อยตามมารยาทและเดินไปนั่งที่โซฟา
“ใครนะเด็กคุณอินเหรอ” จีระนันท์อดกระซิบถามพนักงานคนเดิมไม่ได้
“คุณกังยูน้องชายคุณอินไงคะ” ‘ติดใจความหล่อเข้าแล้วละซิ’