เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ดวงตากลมโตเบิกโพลงทันทีและร่างบางก็ผวาตื่น หญิงสาวรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นถี่ผิดปกติและเหงื่อที่ชื้นเต็มตัว มือเรียวสั่นระริกขณะที่ยกมันแตะริมฝีปากของตนเอง เธอรีบผุดลุกไปส่องกระจกหาความเปลี่ยนแปลงหรือร่องรอยที่ยังเหลืออยู่ ทว่าสิ่งที่เห็นคือใบหน้าของใบหน้าหญิงสาวอายุ 22 ปี
“ฝันซ้ำๆ มาสามปีแล้วนะ”
‘ยิหวา’ พึมพำกับตัวเองเหมือนทุกครั้งที่สะดุ้งตื่นกับฝันประหลาด สามปีแล้วที่เธอฝันแปลกๆ แบบนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เธอถามกับตัวเองขณะพาร่างเพรียวที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอเข้าห้องเพื่ออาบน้ำมือเล็กหมุนปุ่มให้น้ำอุ่นจากฝักบัวไหลรินรดร่างเปลือยเปล่า น่าจะเป็นสามปีที่แล้วคืนนั้นพ่อกับแม่ทะเลาะกันเสียงดังจนเธอต้องหนอนเอาหมอนปิดหูแต่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงว่าแม่จะเป็นอันตราย ครอบครัวที่เคยอบอุ่นมาตลอดแต่จู่ๆ วันหนึ่งก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาแสดงตัวกับแม่ว่าเป็นภรรยาน้อยของพ่อ ครอบครัวที่เคยอบอุ่นแตกสลายในพริบตา เธอหลบขึ้นมาอยู่บนห้องตามคำสั่งของแม่ คืนนั้นฝนกระหน่ำลงอย่างหนักและฟ้าก็แลบแปลบปลาบจนเธอต้องลุกขึ้นมาเพื่อดึงม่านหน้าต่าง ทว่าภาพที่เห็นจากหน้าต่างห้องนอนคือชายหนุ่มสองคนทะเลาะวิวาทและมีคนหนึ่งทรุดลงไปกองกับพื้น ในแสงสลัวของโคมไฟหน้าบ้านทำให้เธอเห็นเหมือนเลือดไหลนองพื้น แล้วจู่ๆ บุรุษลึกลับก็เข้ามาในห้องเธอ
นั่นเป็นภาพในความฝันที่หลอกหลอนเธอมาตลอดสามปีที่ผ่านมา เมื่อเธอลืมตาในเช้าวันรุ่นขึ้นเธอก็พบตัวเองนอนหลับสนิทมีผ้าห่มคลี่คลุมอย่างเรียบร้อย เธอลุกขึ้นไปยืนดูที่หน้าต่างก็ไม่เห็นมีสิ่งใดผิดปกติผู้คนยังคนเดินผ่านหน้าบ้านเช่นทุกวันที่เคยเป็นมา แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือถ้อยคำของแม่ที่บอกเล่าเรื่องการจากไปของพ่อกับผู้หญิงคนนั้น เรื่องราวของพ่อกับแม่ทำให้เธอไม่ปริปากพูดเรื่องที่เห็นแม้ว่ารอยอบอุ่นยังคงทิ้งไว้ที่ริมฝีปาก
‘จุมพิตแรก’
ยิหวาออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดเก่งคือเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวและกางเกงยีนสีซีด ผมยาวหยักศกถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าด้วยยางสีดำ ใบหน้าหวานตบแต่งบางๆ เหมือนเช่นทุกวันเธอหยิบย่ามใบโปรดที่ได้มาจากเชียงรายของฝากจากหมู่บ้านกะเหรี่ยง น้ำอุ่นทำให้เธอสดชื่นจนทำให้หญิงสาวผิวปากเป็นเพลงเดินลงมาจากชั้นบน ยังไม่ทันพ้นบันไดขั้นสุดท้ายเสียงหัวเราะเบาๆ กับกลิ่นอาหารหอมๆ ก็ทักทายเธอเข้าให้แล้ว
“ผิวปากแบบนี้ไม่ดีเลยนะยิหวา” คุณช่อแก้ว-มารดาของยิหวาทักเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว
“ก็คนอารมณ์ดีนี่คะแม่” เธอยิ้มทะเล้นแล้วหยิบขนมปังปิ้งในจานกินหน้าตาเฉย
“นั่นของปลายรุ้งนะลูก” ช่อแก้วดุลูกสาวแต่ยิหวากลับไม่สนใจยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มอีกด้วย
“อร่อยไหม” หญิงสาววัยเดียวกับยิหวาเอ่ยถามปนหัวเราะน้อยๆ แล้วยกชามข้าวต้มวางตรงหน้าคุณช่อแก้ว “วันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งค่ะ”
“อะไรที่ปลายทำก็อร่อยทั้งนั้นแหละ” ยิหวายิ้มแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ถ้าไม่เกรงใจจะใส่ถุงห่อไปกินที่ทำงานด้วย”
“ก็เอาซิ ทำไว้ตั้งเยอะแหนะ” ปลายรุ้งทำท่าจริงจังจนยิหวาหัวเราะออกมา
“ตอนเช้าหวากินแค่นี้ก็เยอะแล้ว” ยิหวาเอ่ยพอดีกับภาพข่าวในโทรทัศน์กำลังออกข่าวดาราสาวเจ้าบทบาทอยู่
‘ภาพนั่นเป็นภาพตัดต่อค่ะ ไม่ใช่จีจี้เลย...จีจี้ไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นเลยค่ะยกเว้นงานโชว์ตัวซึ่งจีจี้มีผู้จัดการไปด้วยตลอดค่ะ’
“แหวะ! ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาละซิถึงจะยอมรับผิด” ยิหวาเบ้ปาก
“แล้วมันจริงไหมละลูก...หนูจีจี้นี่ไปปาร์ตี้ยาอีอะไรจริงเหรอ” คุณช่อแก้วอดถามไม่ได้
“โธ่แม่! ยัยจีจี้นี่จอมสตอเบอรี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว...เคยทิ้งนิสัยเดิมที่ไหนอ่ะไม่เชื่อถามปลายดูก็ได้”เธอหันไปทางเพื่อนสาวที่เพิ่งจะนั่งลงจัดการอาหารเช้าของตัวเอง
“อันนี้ปลายไม่รู้ค่ะ ปลายไม่ใช่นักข่าวเหมือนหวา”
“อ้าวยัยปลาย! หล่อนเพื่อนฉันนะยะต้องเข้าข้างฉันซิ” ยิหวาทำหน้างอนจนปลายรุ้งหัวเราะออกมา
“แต่ตามหลักแล้วเราต้องเชื่อหลักฐานไม่ใช่เหรอจ๊ะแม่นักข่าวสาวคนเก่ง” ปลายรุ้งยิ้มกว้างแล้วหันไปถามคุณช่อแก้ว “รับเพิ่มอีกไหมคะคุณแม่”
“ไม่แล้วจ๊ะ ปลายรุ้งนี่เป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆ น่ารักแบบนี้แม่อยากให้เป็นลูกสาวแม่จริงๆเลย”
“แม่พูดแบบนี้หวาน้อยใจนะคะ” ยิหวาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกอดคอปลายรุ้ง “ตั้งแต่ปลายมาอยู่บ้านเรา หวาก็คิดว่าเค้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้านแล้วละคะ”
“สำหรับแม่...ปลายก็เหมือนลุกสาวแม่คนหนึ่ง” คุณช่อแก้วยิ้ม “แต่แม่อยากให้หวาทำตัวเรียบร้อยน่ารักเหมือนปลายบ้างต่างหากละ”
“แม่ขออะไรที่หวาทำได้หน่อยไม่ดีกว่าเหรอ” ยิหวาหัวเราะแล้วหยิบย่ามคล้องไหล่ “เอาเป็นว่าหวาจะเข้มแข็งปกป้องสาวๆ ในบ้านนี้เองค่ะ”
ยิหวาลาคุณช่อแก้วและปลายรุ้งแล้วจึงเดินออกมาขึ้นรถโฟลค์สีเขียวอ่อนของตัวเอง มันเป็นรถเต่าเก่าแก่อายุมากกว่าเธอสักยี่สิบปีเห็นจะได้ แต่สภาพเครื่องยนต์ที่เจ้าของดูแลอย่างดีทำให้มันขับเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์กว่าสภาพภายนอกที่เห็น
ยิหวาทำงานเป็นนักข่าวสายบันเทิงให้หนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง ในความเป็นจริงเธออยากทำงานสายข่าวการเมืองมากกว่า แต่ไม่รู้ยังไงทำไมถึงจับเธอให้มาทำงานสายบันเทิง ทีแรกเธอก็ไม่คิดอะไรมากจบมาสมัครงานแล้วได้งานที่อยากทำเลยเธอก็รีบคว้าไว้ก่อน แต่ไปๆ มาๆ สองปีมานี่เธอก็ไม่มีวี่แววจะได้ย้ายไปทำโต๊ะข่าวการเมืองเลย
รถเต่าสีเขียวใบไม้เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ เข้ามาทำงานแถบประชานิเวศน์ ถ้าแม่ไม่มีปลายรุ้งอยู่เป็นเพื่อนก็คงเหงาไม่น้อยทีเดียว สามปีมานี่ชีวิตมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจนแทบตั้งรับไม่ไหว วันที่เธอรู้ว่าพ่อเลือกจากไปพร้อมหญิงสาวอีกคนนั้น เธอไม่มีน้ำตาเลยสักหยดทั้งที่เจ็บร้าวในใจนัก เธอรู้เพียงว่าต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นเสาหลักให้กับแม่ นับว่าตอนนั้นยังโชคดีครอบครัวเธอไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองและพ่อยกบ้านหลังนี้ให้เธอกับแม่อยู่ และเธอยังมี ‘ปลายรุ้ง’ เพื่อนสาวที่แสนดีคอยให้กำลังใจ ยิหวาหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงวันที่เธอไปหาปลายรุ้งที่บ้าน บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ คนที่ร้องไห้กลับเป็นปลายรุ้งแทนที่จะเป็นเธอ ปลายรุ้งกอดเธอแน่นแล้วร้องไห้เสียงดังจนป้าของปลายรุ้งต้องเข้ามาดูพวกเธอ ปลายรุ้งเป็นเด็กกำพร้าและเป็นเพื่อนเธอมาตั้งแต่ประถมเพราะเรียนห้องเดียวกันจึงทำให้สนิทสนมกัน แต่เมื่อขึ้นมัธยมปลายรุ้งก็ไปเรียนต่อที่อื่นแต่ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยมาจนกระทั้งปลายรุ้งสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับยิหวา มิตรภาพก็ทำให้ทั้งคู่ผูกพันกันมากขึ้นและเมื่อเกิดเหตุการณ์พ่อกับแม่แยกทางกันเธอจึงชวนปลายรุ้งมาอยู่ที่บ้านเธอด้วยกัน อย่างน้อยแม่ก็มีเพื่อนและปลายรุ้งไม่ต้องเสียค่าเช่าหอพัก
ไม่นานนักรถโฟลค์เต่าสีเขียวอ่อนก็แล่นเข้ามาจอดในที่ทำงานของเธอ แล้วร่างบางก็เดินเข้ามาที่ทำงานปกติเช่นทุกวันที่เคยเป็นมา ชีวิตที่แสนจะวุ่นวายทำให้เธอลืมคิดเรื่องฝันร้ายเมื่อเช้าตรู่ ฝันเช้าที่ใครหลายคนทำนายว่ามันจะเป็นจริง
“หวา! บก.เรียก”
“เรียกแต่เช้าเลยเหรอ” ยิหวาทำท่าโอดครวญเธอยังเดินไม่ถึงโต๊ะทำงานด้วยซ้ำแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร หญิงสาวเดินหน้าบึงตึงเข้าไปในห้องทำงานของคุณชิงชัย หัวหน้าของเธอซึ่งนั่งหน้าเครียดยิ่งกว่ากาแฟดำในแก้วของเธอเสียอีก
“พี่ชิงเรียกหวาเหรอคะ”
“ถ้าแกเรียกชื่อฉันเต็มๆ ไม่ได้ก็เรียกคำหลังได้ไหมอย่าเรียกคำหน้าคำเดียว” คุณชิงชัยเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าแต่งงานมาแล้วสองครั้งและคาดว่าจะมีครั้งที่สามเร็วๆ นี้
“ค่ะพี่ชิง....ชัย” ยิหวาลากเสียงยียวนแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับหัวหน้า
“เมื่อวานต้นสังกัดของจีจี้มาคุยกับพี่....”
“ให้ทำข่าวคาวๆ เป็นข่าวขาวๆ หรือคะ” ยิหวาดักคออย่างรู้ทัน “ก็แล้วแต่พี่ชิงนะคะ แต่หวายืนยันหว่าคลิปมือถือนั่นของจริงเพราะหวาถ่ายเองกะมือแล้วหวาก็อยู่ในงานนั่นด้วย”