ยิหวาลุกขึ้นจากโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อหยิบพจนานุกรมแต่แล้วเธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าด้านนอกมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมา หญิงสาวเดินไปที่หน้าต่างปลายนิ้วแตะกระจกหน้าต่างเบาๆ แล้วลากเส้นบนกระจกอย่างไม่รู้ตัว เธอกำลังเขียนสารคดีชุดหนึ่งเพื่อใช้มันส่งประกวดและเผื่อไว้สมัครงานที่นิตยสารท่องเที่ยวที่อื่นความจริงที่ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้ว่าเธอคงไม่มีวันได้ทำงานสายข่าวการเมืองแน่ๆ หากบิดาของเธอยังคงสนุกสนานกับการเล่นการเมือง เธอถูกกีดกัดทุกวิถีทางไม่ให้ทำงานอะไรที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดูมันจะไร้สาระไปหน่อยโดยเฉพาะพ่อแม่ที่แยกทางกันแล้ว พ่ออาจจะไม่ไว้ใจและคิดว่าเธอต้องคิดแก้แค้นขุดคุ้ยเอาเรื่องเน่าๆ ในวงการการเมืองมาเล่นงาน เธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการเป็นกระบอกเสียงที่ซื่อสัตย์ให้พี่น้องประชาชนเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นเธอก็ควรสำนึกบุญคุณของพ่อที่ยังส่งให้เธอเรียนจนจบมหาวิทยาลัยอย่างไม่เดือดร้อน และนี่อาจเป็นเรื่องหนึ่งที่ผลักดันให้เธอหางานทำให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้เป็นที่พึ่งของแม่ได้
ชีวิตมันต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องก้าวต่อไป
ยิหวาให้กำลังใจตัวเอง ตอนนี้เธอกำลังหาข้อมูลเกี่ยวการปล่อยสารพิษของโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของสัตว์เลื้อยคลาน แต่ยิ่งทำยิ่งเจอแต่ปมปัญหามกมายจนรู้สึกว่าตัวเองกำลังก้าวเข้าสู่เรื่องที่ไม่ควรรู้
กริ๊งงงงงง
ร่างเพรียวสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์บ้านที่วางไว้อยู่ใกล้เตียงนอน เธอรีบผวาไปรับสายทันที “ยิหวาค่ะ”
“หวา!ไปทำข่าวงานประกาศผลรางวัลฯได้ไหม”
“ทำไมละคะ ก็พี่ชิงให้คนอื่นไปทำแล้วนี่” เธอกรอกเสียงตอบประสาทหูยังได้ยินเสียงวุ่นวายจากปลายสายจึงเดาได้ไม่ยากว่าบก.หนุ่มยังอยู่ที่ทำงาน เธอจึงไม่แปลกใจที่บก.ขี้เหนียวของเธอจะโทรศัพท์เข้าบ้านเพื่อประหยัดเงินของบริษัทฯ
“ใช่แต่คนมันท้องเสียจะให้ไปยังไง คนอื่นพี่ก็ส่งไปที่อื่นหมดแล้ว”
“รู้สึกเหมือนตัวเองมีค่ายังไงไม่รู้” เธอรู้ว่าบก.ไม่อยากให้เธอไปต่อปากต่อคำกับใครเท่าไหร่นักจึงส่งไปทำสัมภาษณ์งานในส่วนอื่นมากกว่า
“ตกลงเราไปน่ะ”
“ทำอย่างกะหวาจะเลี่ยงได้” เธอหัวเราะแล้วหยิบปากกาวนเป็นวงกลมที่ตัวเลขบนปฏิทินตั้งโต๊ะ“แต่งตัวยังไงก็ได้ใช่ป่ะ”
“อย่าให้สวยเกินดาราแล้วก็อย่าให้ขี้เหร่ขนาดขายหนังสือพิมพ์หน้าก็พอแล้ว”
“งานหนักเลยนะเนี่ย” เธอเอาปากกาเคาะหัวตัวเองสองสามครั้ง “ไปกับใครคะ”
“หวานใจแกนั้นแหละ”
“โอเคถ้าไปกับคนรู้ใจก็ไม่มีปัญหาค่ะ” เธอยิ้ม “มีค่าโอทีไหมคะ”
“ยังจะมาพูดมากอีก แค่นี้นะพี่ยุ่งวะ”
“เจ้าคะพี่ชิง...”
“ชิงชัย! พูดให้มันครบๆ หน่อยซิ”
ปลายสายวางโทรศัพท์ไปแล้วยิหวาจดบันทึกงานก่อนจะวางหูแล้วเดินลงมาชั้นล่าง แม่กับปลายรุ้งยังนั่งคุยกันอยู่หน้าจอโทรทัศน์ บนโต๊ะเตี้ยๆ มีหนังสือเล่มหนาหลายเล่ม คุณช่อแก้วเคยเป็นครูภาษาอังกฤษมาก่อนจึงคอยช่วยเหลือตรวจดูความถูกต้องในการแปลหนังสือของปลายรุ้งเสมอๆ
ปลายรุ้งเงยหน้ามองยิหวาที่ก้าวลงบันไดแล้วก็หลบตาวูบในขณะที่คุณช่อแก้วยังนั่งนิ่งๆ แสร้งเปิดนิตยสารเหมือนไม่สนใจอะไร แต่ยิหวาก็ยิ้มที่มุมปากยกมือเท้าเอวตรงหน้าสองสาวต่างวัย
“แอบฟังโทรศัพท์หวาอีกแล้วละซิ”
ปลายรุ้งสะดุ้งเฮือกเธอเป็นคนเก็บอาการไม่อยู่ยิ่งถ้าโกหกมองตาก็รู้แล้ว แต่คุณช่อแก้วเงยหน้ามองลูกสาวยิ้มๆ “แม่เป็นคนต่อโทรศัพท์ให้ลูกเอง แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นความลับนี่”
“ไม่มีอะไรเป็นความลับเลย ยิหวาเป็นคนของทุกคนอยู่แล้วค่ะ” เธอย่นจมูกรู้ดีว่าเถียงกับแม่ยังไงก็ไม่มีวันชนะเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่แม่ยกเอามาใช้กับเธอได้หรอก “งั้นเข้าปัญหาเลยแล้วกัน พรุ่งนี้หวาจะใส่ชุดอะไรไปทำงานดี”
“กระโปรงซิจ๊ะ หวาต้องใส่กระโปรงจะได้สุภาพถูกกาลเทศะด้วย” ปลายรุ้งรีบเสนอความคิด
“นั้นแหละปัญหาใหญ่ หวาไม่รู้จะใส่กระโปรงตัวไหนค่ะ” ไม่ใช่เธอไม่มีกระโปรงแต่เรื่องการแต่งตัวนี่เป็นปัญหาใหญ่ของเธอ เพราะปกติใส่แต่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนไปทำงานจนแทบไม่เคยใส่กระโปรงเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นเราไปเปิดตู้เสื้อผ้ากันดีกว่า” คุณช่อแก้วเดินนำลูกสาวขึ้นมาที่ห้องของยิหวา แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าของยิหวาออก ซึ่งก็มีแต่เสื้อสีขาวกับดำและกางเกงยีนเสียส่วนใหญ่
“เปิดตู้กี่ที่ก็เหมือนเดิมมีแต่เสื้อผ้าสีงานศพ”
“โธ่แม่! ก็หวาชอบของหวาแบบนี้นะ” ยิหวาเดินไปนั่งที่ปลายเตียง “แม่หยิบอะไรก็ได้ออกมาสักชุดเถอะหวาจะได้รู้ว่าพรุ่งนี้หวาจะใส่อะไรไปทำงาน”
คุณช่อแก้วกับปลายรุ้งช่วยกันเลือกเสื้อผ้าในตู้ของยิหวา เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้นเธอรีบกดรับเมื่อเห็นชื่อที่ปลายทางที่โชว์อยู่บนหน้าจอ
“พี่หวา!ช่วยพวกเราด้วย!”
“เอ็ม! ตอนนี้อยู่ไหน”
“ผมอยู่ถนนพระอาทิตย์ฮะพี่! ตำรวจจับพวกเราแต่พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดนะฮะ”
“ใจเย็ยๆ พี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ยิหวาลุกขึ้นแล้วฉวยเสื้อยืดสีขาวที่ปลายรุ้งถือไว้พอดีกับกางเกงยีนสีดำที่คุณช่อแก้วหยิบออกมาวิ่งผลุบเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาในชุดทะมัดทะแมง
“ดึกแล้วจะไปไหนหรือลูก”
“พวกน้องๆ ที่หวาเคยทำสัมภาษณ์ถูกตำรวจจับคะ หวาจะไปดู”
“คุณพระช่วย” คุณช่อแก้วยกมือทาบอก “เรื่องอะไรเนี่ย”
“กลับมาหวาจะเล่าให้ฟัง ปลายฝากดูแม่ด้วยนะ”
ยิหวาหยิบย่ามใบเก่งแล้วรีบวิ่งลงมาชั้นล่างคว้ากุญแจรถแล้วกระโจนออกไปอย่างไม่กลัวสายฝนที่โปรยปรายลงมากลางดึก รถเต่าสีเขียวทำงานทันทีอย่างไม่งอแงแล้วพาหญิงสาวมุ่งไปสู่จุดหมาย เธอไม่ได้สังเกตเลยว่ามีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าบ้านเธอนิ่งนานแล้วขับเคลื่อนตามหลังเธอมาราวกับเงาที่คอยระวังภัย
ใช้เวลาเพียงไม่นานนักยิหวาก็มาถึงสถานทีตำรวจ สายตาของเธอมองกวาดไปยังเด็กหนุ่มที่เคยพบปะพูดคุย แล้วร่างเธอก็รีบมุ่งไปยังกลุ่มเด็กเจ็ดแปดคนที่เรียงกันอยู่หน้าตำรวจนายหนึ่งเหมือนกำลังลงบันทึกประจำวัน
“เอ็ม!”
“พี่ยิหวา” หนึ่งในนั้นร้องขึ้นอย่างดีใจที่เห็นยิหวามาตามที่พูดไว้จริงๆ
“คุณตำรวจคะ มีเรื่องอะไรหรือคะ” ยิหวาเข้าไปถามตำรวจนายหนึ่งที่กำลังลงบันทึกประจำวัน
“ทะเลาะวิวาท”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ยิหวาหันไปมองใบหน้าเด็กหนุ่มแต่ละคนที่หน้าตาบวมช้ำ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ก่อนสูดลมหายใจลึก “ดิฉันเป็นผู้ปกครองของเด็กพวกนี้ค่ะ”
คำพูดของยิหวาทำเอานายตำรวจจ้องมองใบหน้าหวานอย่างงุนงงแต่ก็ทำตามที่หญิงสาวต้องการ
ร้านข้าวต้มรอบดึกใกล้ศาลเจ้าพ่อหนูมีเด็กหนุ่มห้าคนที่กำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งผัดผักบุ้ง,ยำไข่เค็มและไข่เจียวทอดก็หมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ยิหวาได้แต่ดื่มชาร้อนมองฝนที่ยังโปรยปรายลงมาบางเบาลงกว่าเดิม
“อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะ”
“ฮะพี่หวา” ‘เอ็ม’ เด็กหนุ่มวัยสิบห้าที่สนิทกับยิหวามากที่สุดเอ่ยขึ้น “พวกเราต้องขอบคุณพี่ยิหวามากๆ ไม่ค่อยมีใครใส่ใจพวกเราเหมือนพี่หวาเลย“
“ถ้าพี่ไม่เคยทำสัมภาษณ์พวกเธอก็คงมองพวกเธอไม่ต่างจากคนอื่นนักหรอก” ยิหวายกมือขึ้นรองใต้คาง “พวกเธอเป็นเด็กดีและมีความมุ่งมันไปสู่ฝันน่าสนับสนุนกว่าเด็กที่วันๆ ทำตัวไร้สาระ แต่อย่าให้มีเรื่องอีกเพราะใกล้วันประกวดเต้นB-Boyแล้วพี่เป็นห่วง”
“พวกเราจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังฮะ” เอ็มให้คำมั่นสัญญา
เมื่อราวๆ สองเดือนก่อนยิหวามาเก็บสัมภาษณ์พวกเขาซึ่งกำลังฝึกเต้นB-Boyอยู่ที่สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ B-Boy หรือ Break Boy คือชื่อที่ใช้สำหรับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงใช้คำว่า B-Girl ย่อมาจาก Break Girl ทั้งสองอย่างนี้รวมกัน เรียกว่า Break danceหนึ่งในกีฬา X Games ท้าทายใจวัยรุ่นที่เห็นได้ตามสวนสาธารณะ และห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆหลายแห่ง แต่ถ้าใครเคยผ่านมาที่สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ในช่วงเย็น แดดร่มกำลังดี ก็จะพบเพื่อนๆกลุ่มหนึ่งที่โชว์ลีลา Break dance ได้ประทับใจคนดูมากๆ