บริษัทแฟมิลี่โฮมส์
ชัยรัมภาเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้าตรงหน้า หล่อนยังลังเลว่าจะเข้าไปพบคงเดชดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปเพื่อขอให้เขาช่วย ทว่าอีกใจกลับยังกังวลด้วยไม่เคยรู้จักชายผู้นั้นมาก่อน ท่าทางเลิ่กๆ ลั่กๆ ของเธออยู่ในสายตาของรปภ. ตรงประตูตลอดเวลา
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” รปภ. เดินเข้ามาถาม
ชัยรัมภาเม้มปากแน่น การแต่งตัวของเธอช่างแสนธรรมดาเกินกว่าจะก้าวขาเข้าไปในตึกนี้เสียด้วยซ้ำ พนักงานของที่นี่ล้วนแต่งตัวดูดี แค่มองก็รู้ว่าเงินเดือนที่ได้รับของมากโข
“คือว่าหนูมา…”
ปี๊นนนนน
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร รถยนต์คันหรูเปิดประทุนสีแดงก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าประตูทางขึ้นตึกอย่างรวดเร็ว รปภ. ที่กำลังคุยกับหล่อนรีบวิ่งเข้าไปต้อนรับเจ้าของรถคันนั้น ชัยรัมภาหันไปมองตาม
ชายหนุ่มรูปร่างสูง หุ่นเฟิร์มบ่งบอกถึงการดูแลร่างกายเป็นอย่างดี ทรงผมเซ็ตมาอย่างดีสีดำเข้มเข้ากับคิ้วดกดำได้รูป จมูกเป็นสันรับกกับริมฝีปากกระจับสีส้มอ่อนๆ เขสสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พับแขนขึ้นมาจนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์พอดีตัว เขาลงมาจอดรถแล้วเงยหน้าท้าแสงแดดก่อนจะถอดแว่นกันแดดสีดำที่สวมใส่อยู่ออกแล้วส่งกุญแจรถให้รปภ. ที่เดินเข้าไปต้อนรับ
ชัยรัมภาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย เธอรู้สึกคุ้นกับผู้ชายคนนั้นเหมือนกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน จนเผลอยืนมองเขากระทั่งอีกฝ่ายลับสายตาหายเข้าไปข้างในบริษัท
“คงจะเป็นคนใหญ่คนโตแน่ๆ” เธอพูดกับตัวเอง
ชัยรัมภาตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน เพราะไม่มีเวลาที่จะมาลังเลอีกต่อไปแล้ว ค่าใช้จ่ายยังรอเธออีกเป็นหางว่าว ถ้าไม่รีบหาเงินให้ได้ตอนนี้ มารดาและต้นกล้าต้องลำบากแน่ๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณคงเดชค่ะ” หล่อนเอ่ยกับพนักงานต้อนรับที่ประชาสัมพันธ์
“คุณชัยรัมภาหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ”
“เชิญที่ชั้นสามสิบได้เลยค่ะ นี่ค่ะ”
พนักงานต้อนรับส่งคีย์การ์ดสีทองให้แก่หล่อน ชับรัมภารับมาก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์ ซึ่งมีพนักงานเฝ้าลิฟต์ผู้ชายยืนประจำหน้าประตูลิฟต์อยู่สามคน
“สวัสดีครับ ชั้นไหนครับ”
“สามสิบค่ะ นี่ค่ะ” เธอยื่นคีย์การ์ดให้เขาดู
“มาพบท่านประธานนะครับ เชิญครับ”
เขากดลิฟต์ให้หล่อน แล้วใช้คีย์การ์ดแตะไปที่ตัวลิฟต์เพื่อกดเลขชั้นที่สามสิบ ประตูลิฟต์ปิดลง ชัยรัมภาค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลาย
“ใจเย็นไว้นะยัยภา แค่มาของานเท่านั้น ของาน…”
ติ๊ง!
เพียงพริบตาเดียว ลิฟต์ก็พาหล่อนขึ้นมาถึงชั้นที่สามสิบ ประตูลิฟต์เปิดออก ข้างนอกเป็นห้องทำงานขนาดใหญ่ ชัยรัมภาก้าวเท้าออกไปก่อนประตูลิฟต์จะปิดอีกครั้ง เธอค่อยๆ เดินเข้าไปข้างในเพื่อมองหาคนที่นัดเจอด้วย
“มาแล้วเหรอ หนูรัมภา” น้ำเสียงนั้นเอ่ยด้วยความดีใจ
ชัยรัมภาหันกลับไปมองต้นเสียง ชายสูงวัยที่หน้าตาดุดัน ทว่าแววตากลับตกกันข้ามกำลังมองหล่อนด้วยสายตาราวกับดีใจเหลือเกิน
“สวัสดีค่ะ คุณลุงคงเดชใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้ว ลุงเอง หนูจำลุงได้ไหม”
“คะ?” หล่อนสงสัย เธอไม่เคยเจอเขามาก่อน แล้วจะจำเขาได้อย่างไร
“ฮะๆๆ คงจำไม่ได้สินะ แหงล่ะ ลุงเจอหนูครั้งสุดท้ายก็ตอนหนูสามขวบ คงจะแปลกถ้าจำลุงได้”
เขาเดินไปนั่งที่โซฟาสำหรับรับแขกก่อนจะผายมือเชิญให้หล่อนมานั่งที่ฝั่งตรงข้าม ชัยรัมภาเดินเข้าไปนั่งก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“คุณลุงเป็นเพื่อนกับคุณพ่อจริงๆ เหรอคะ”
“ใช่ ลุงกับพ่อของหนูเป็นเพื่อนรักกันมาก ลุงเป็นเด็กกำพร้าที่หลวงพ่อในวัดแถวบ้านของพ่อหนูรับไปเลี้ยง ปู่ย่าของหนูเอ็นดูลุงเหมือนลูกเหมือนหลาน ก็เลยคอยดูแลลุงเหมือนที่ดูแลพ่อของหนูมาตลอดจนกระทั่งเรียนจบมัธยม”
คงเดชเริ่มเหล่าประวัติความเป็นมา พร้อมกับเอาอัลบั้มรูปเก่าๆ ระหว่างเขากับบิดาของหล่อนมาให้ดู เป็นภาพที่ถ่ายคู่กันตั้งแต่สมัยเด็ก รวมไปถึงรูปถ่ายครอบครัวที่ถ่ายร่วมกับคุณปู่และคุณย่าของเธอ ชัยรัมภารับรู้ได้ผ่านรูปถ่ายเหล่านั้น ว่าชายสูงวัยตรงหน้าคงจะเป็นเพื่อนรักกับบิดามากจริงๆ
“พอเรียนจบมัธยม ไอ้ชัยกับลุงก็ต่างแยกย้ายกันไป เพราะเลือกเรียนไม่เหมือนกัน แต่พวกเราก็ยังโทรคุยกันตลอด จนกระทั่งไอ้ชัยแต่งงานและมีหนู ลุงเองก็ได้ภรรยาและมีลูกชายเหมือนกัน พวกเรานัดมาเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว และครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันก็คือตอนหนูรัมภาอายุได้สามขวบนั่นแหละ”
รูปใบสุดท้ายที่เขามีถูกส่งให้เธอดู มันเป็นรูปถ่ายระหว่างสองครอบครัวที่ถ่ายร่วมเฟรมเดียวกัน ครอบครัวฝั่งซ้ายของรูปถ่ายคือครอบครัวของหล่อน ที่มีบิดา มารดา และหล่อน ส่วนรูปทางฝั่งขวาคือครอบครัวของคงเดช ที่มีเขา ภรรยา และลูกชายวัยเดียวกันกับชัยรัมภา
“แล้วทำไมหลังจากนั้นถึงไม่ได้ติดต่อกันเหรอคะ”
“ลุงผิดเองแหละ หลังจากนั้นสองปี ลุงก็โง่ให้เพื่อนร่วมงานหลอกไปลงทุน ทำให้เงินเก็บที่สะสมมาทั้งชีวิตต้องหมดลง ลูกสาวที่คลอดก่อนกำหนดถึงสามเดือนและเป็นโรคหัวใจตีบตั้งแต่กำเนิดก็ต้องใช้เงินผ่าตัด ตอนนั้นลุงรู้มาว่าพ่อของหนูเพิ่งจะเริ่มจับทางธุรกิจได้ และกำลังค่อยๆ เริ่มต้นได้ดี ลุงไม่อยากจะรบกวนก็เลยเลือกสมัครงานไปที่อเมริกา ลุงได้งานที่นั่น แต่ก็ต้องจำใจจากลูกๆ และภรรยาไป ลุงพยายามอย่างมากเพื่อจะหาเงินส่งให้ครอบครัว รวมถึงหาเงินค่าผ่าตัดลูกสาว”
คงเดชเริ่มเล่าเรื่องราวของตนเองให้เธอฟัง ชัยรัมภานั่งฟังอย่างตั้งใจ
“แต่สุดท้าย การทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟไปวันๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้ลุงมีเงินมากพอที่จะเป็นค่าผ่าตัด ตอนนั้นเอง…ที่พ่อของหนู ซึ่งกำลังถูกจับตามองในฐานะนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงรู้เรื่องเข้า เจ้าบ้านั่นไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือลุง ไอ้ชัยติดต่อหมอที่ดีที่สุดที่อเมริกาแล้วช่วยเรื่องค่าผ่าตัดลูกสาวของลุงทั้งหมด ตอนนั้นพวกเราทำได้แค่โทรคุยกันเท่านั้น พอหมดเรื่องลูกสาว ลุงก็เริ่มเข้าที่เข้าทางที่อเมริกามากขึ้น และเริ่มได้โอกาสในการเข้าทำงานด้านอสังหาฯ ที่นั่น จนสุดท้าย…ลุงก็เติบโตในวงการอสังหาฯ ภายในเวลาสิบห้าปี พอกลับมาที่นี่อีกครั้ง ลุงก็ลงทุนเปิดบริษัทนี้ด้วยเงินเก็บที่มีทั้งหมด แล้วซื้อที่ดินสร้างหมู่บ้านภายใต้ชื่อ แฟมิลี่โฮมส์ ขึ้นมา ผีนี้ก็ปีที่แปดแล้วล่ะ ที่บริษัทนี้เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด”
ชัยรัมภาพยักหน้ารับ และรู้สึกนับถทอในความพยายามที่ไม่เคยย่อท้อของคงเดช จากเด็กวัดที่ไม่มีแม้แต่พ่อแม่ เขากลับสร้างอาณาจักรแฟมิลิโฮมส์นี้ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
“แล้ว…เกี่ยวกับที่คุณลุงตามหาภายังไงหรือคะ”
“อย่างที่ลุงเล่าไป ไอ้ชัยพ่อของหนู มีบุญคุณกับลุงมากเหลือเกิน ช่วงที่ลุงมัวแต่ทำงานเพื่อถีบตัวเองให้มากถึงจุดนี้ ลุงขาดการติดต่อกับพ่อของหนูไปหลายปีมากๆ ทำให้ช่วงเวลาที่ไอ้ชัยลำบาก ลุงไม่ได้รับรู้และช่วยเหลือเลยสักครั้ง ถ้าตอนนั้น…ไอ้ชัยติดต่อลุงได้ ชีวิตหนูอาจไม่เป็นอย่างทุกวันนี้”
คงเดชเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ใบหน้าของเขาฉายแววเศร้าอย่างชัดเจน
“ไม่ใช่ความผิดของคุณลุงหรอกค่ะ หนูเข้าใจว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจ”
“แต่ถึงอย่างนั้นลุงก็สามารถช่วยพ่อหนูได้ แต่เพราะลุงมัวแต่วุ่นวายอยู่กับความก้าวหน้า จริงๆ แล้วบริษัทของพ่อหนูไม่ได้ล้มละลายในชั่วงข้ามคืนหรอกนะ แต่มีปัญหาภายในนานแล้วต่างหาก เท่าที่ลุงสืบดู เหมือนจะมีการขโมยข้อมูลทางการค้าภายใน ลูกค้าและหุ้นส่วนที่พ่อหนูเคยมีถูกดึงไปจนหมด ทำให้ทุกอย่างค่อยๆ พังครืนลง”
“จริงเหรอคะ?” เธอย้อนถาม ด้วยตัวเองไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะตลอดมาก่อนบิดาจะเสีย เธอก็ยังคงใช้ชีวิตเป็นคุณหนูอย่างสุขสบาย ไม่รู้เลยว่าบริษัทกำลังวิกฤติ
“ใช่ พอลุงกลับมาแล้วรู้เรื่องการตายของพ่อหนูจากข่าวการเมืองต่างๆ ลุงก็พลิกแผ่นดินตามหาหนูกับแม่และน้องชายของหนูมาโดยตลอด แปดปีที่ผ่านมา ลุงไม่เคยหยุดตามหาหนูเลยนะ แต่ว่า…แม่ของหนูระวังตัวมาก ทำให้ลุงตามหาไม่เจอสักที”
เป็นเพราะยังคงมีเจ้าหนี้หลงเหลืออีกหลายราย มารดารวมถึงเธอและน้อง จึงใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ และปิดบังชื่อจริงของตัวเองกับคนรอบข้าง ซ้ำยังเปลี่ยนที่อยู่มาหลายที่จนมาลงตัวที่ชุมชนแห่งนี้
“พอดีมีปัญหาหลายๆ เรื่อง ทำให้ภาต้องหลบๆ ซ่อนๆ ค่ะ”
“ลุงเข้าใจ ที่ลุงตามหาหนู ก็เพราะว่าอย่างน้อย…ลุงก็อยากจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับไอ้ชัย ลุงอยากตอบแทนบุญคุณของเพื่อนคนนี้”
“สัญญา?” เธอทวนคำ
“ลองพลิกดูที่ด้านหลังของรูปสุดท้ายนั้นดูสิ” คงเดชบอก