ด้านชัยรัมภา พอออกจากร้านมา เธอก็ขึ้นรถเมล์ที่ป้ายหน้าร้านมาลงที่ซอยเข้าบ้านประมาณสองป้ายรถเมล์ แม้จะเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ และยังแออัดคับแคบ แต่ตลอดแปดปีที่ผ่านมา หล่อนก็อาศัยอยู่ที่นี่จนคุ้นเคยและมีความสุขตามกำลังที่มี ไม่ได้คิดถึงช่วงชีวิตที่เคยอู้ฟู่มีเงินใช้ไม่ขาดมือเลยสักครั้ง สิ่งที่เธอคิดถึง…คือบิดาที่จากไปแล้วต่างหาก
ร่างเพรียวเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านขายของชำในชุมชน ที่เจ้าของร้านคือคุณป้าใจดีที่คอยช่วยเหลือเธอกับมารดามาโดยตลอด หนำซ้ำลูกสาวของเธอที่ทำงานเป็นตำรวจก็ยังมีเมตตา คอยช่วยดูแลต้นกล้าที่เลิกเรียนก่อนเธอจะกลับมาให้เป็นประจำ
“ต้นกล้าครับ”
“แม่!” ต้นกล้าที่ได้ยินเสียงของชับรัมภารีบวิ่งเข้ามากอดด้วยความคิดถึง
ร้อยตำรวจตรี ‘เรวดี’ หรือหมวดเรย์ เดินตามออกมา วันนี้เธอได้ลาพักร้อน หลังจากไปซุ่มจับคนร้ายคดีปล้นฆ่าที่ทางการตามจับตัวมานานหลายเดือนอยู่เป็นอาทิตย์
“พี่เรย์ สวัสดีค่ะ วันนี้อยู่บ้านเหรอคะ” ชัยรัมภาทักทาย
“จ้ะ นานๆ ได้ลาพักร้อนสักที ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ลานานแค่ไหน แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง กินข้าวด้วยกันไหม พี่กำลังจะพาต้นกล้ากินข้าวอยู่พอดี” หมวดเรย์เอ่ยชวน
“ขอบคุณนะคะ ภาก็มีกับข้าวมาพอดีเลย ถ้างั้นทานด้วยกันเลยนะคะ”
“ได้สิ เข้ามาๆ” ชัยรัมภาเดินตามหมวดเรย์เข้าไปในบ้าน ‘ป้าล้อม’ มารดาของหมวดเรย์กำลังจัดแจงกับข้าวบนโต๊ะอยู่
“อ้าว มาแล้วเหรอหนูภา มาๆๆ มากินข้าวกันลูก”
“ค่ะป้า หนูมีกุ้งชุบแป้งทอดกับซุปเห็ดมาด้วยค่ะ” เธอบอก ก่อนจะไปหยิบถ้วยชามมาแกะกับข้าวใส่ การได้เพื่อนบ้านดีๆ ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชนนี้ ทำให้ชัยรัมภารู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้โหดร้ายกับเธอเกินไปนัก ยังมีคนใจดีอีกมายที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอ
“จริงสิหนูภา วันนี้ตอนที่หนูภายังไม่กลับ มีคนมาตามหาหนูภาด้วยนะ”
“ตามหาภาหรือคะ?”
“ใช่ ทีแรกป้าก็บอกว่าป้าไม่รู้จักหนูภา แถวนี้ไม่มีคนชื่อนั้น เพราป้ากลัวจะเป็นพวกเจ้าหนี้ทีตามราวีหนู แต่ว่าผู้ชายคนนั้นเขาเอารูปให้ป้าดู แล้วบอกว่าเขามาดี ไม่ได้มาร้าย” ป้าล้อมเล่าต่อ
“มาดี? รูป? รูปอะไรหรือคะ?”
“เหมือนจะเป็นรูปสมัยเขาหนุ่มๆ นะ ถ่ายกับแม่เราตอนสาวๆ ด้วย อ้อ มีรูปพ่อเราด้วยนะ”
สาเหตุที่ทำให้ป้าล้อมรู้จักหน้าค่าตาบิดาที่เสียไปแล้วของหล่อนก็เพราะว่า ช่วงที่มารดายังไม่ล้มป่วย มารดาชอบเอารูปสมัยหนุ่มๆ สาวๆ มาห้าล้อมดูแล้วเล่าอย่ามีความสุขอยู่บ่อยครั้ง
“เขาบอกว่าเป็นเพื่อนรัก อยากให้หนูภาติดต่อเขาไปโดยด่วน”
“เพื่อนรักหรือคะ” ชัยรัมภาเริ่มนึกสนใจ
คำว่า ‘เพื่อนรัก’ ทำให้หล่อนนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เรื่องที่นานจนเธอเกือบจะลืมมันไปหมดแล้ว
‘คงเดช จำชื่อนี้เอาไว้นะลูก ถ้าเป็นเพื่อนพ่อคนนี้ จะต้องช่วยเราได้แน่ๆ’
คำพูดของบิดาที่พูดกับหล่อนทางโทรศัพท์ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อแปดปีก่อนย้อนกลับเข้ามา เพราะมีเรื่องวุ่นวานเกิดขึ้นกับชีวิตมากมาย เธอจึงลืมสิ่งที่คุณพ่อบอกเป็นสิ่งสุดท้ายไปจนหมดสิ้น
“จริงสิ เขาฝากนามบัตรไว้ด้วยนะ เขาอยากให้หนูภาติดต่อเขาไปให้ได้”
ป้าล้อมลุกขึ้นไปรื้อค้นบางอย่างที่ชั้นวาง ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับนามบัตรหนึ่งใบส่งให้แก้หล่อน ชัยรัมภารับมา หญิงสาวรีบดูชื่อที่ติดอยู่บนนามบัตร
‘ประธานบริหารแฟมิลี่โฮม คงเดช เตชะฤทธิ์’
“คนๆ นี้…”
ต้องเป็นคนที่คุณพ่อของเธอพูดถึงก่อนตายแน่ๆ
แต่ว่า…ประธานบริหารงั้นเหรอ เพื่อนคุณพ่อที่เธอเคยรู้จัก ไม่เคยมีคนชื่อนี้มาก่อน แล้วถ้าเป็นถึงประธานบริหาร เธอต้องมีโอกาสได้เจอตามงานสังคมต่างๆ บ้างสิ แต่ว่าที่ผ่านมา…
เธอไม่เคยรู้จักเพื่อนของคุณพ่อคนนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“ยังไงก็ลองติดต่อไปดูนะ ถ้าเขาเป็นเพื่อนคุณพ่อ ก็อาจจะมีงานบริษัทดีๆ ที่เงินเดือนมั่นคงให้หนูภาทำก็ได้”
“ไม่หรอกค่ะ ภามีแค่วุฒิ ม.6 เอง บริษัทที่ไหนจะรับล่ะคะ”
“ไม่หรอก พี่ว่าภาเก่งจะตายไป คนมีความสามารถและความขยันติดตัว ต่อให้ไม่มีวุฒิสูงๆ พี่ว่าก็ไม่มีงานไหนยากเกินหรอก”
“พี่เรย์ชมภามากเกินไปอีกแล้ว ตัวลอยจะติดเพดานแล้วนะเนี่ย”
ทุกคนต่างหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ชัยรัมภาเก็บนามบัตรใส่กระเป๋าไว้แล้วลงมือทานอาหารต่อ ต้นกล้าหยิบกุ้งชุบแป้งทอดของโปรดเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากทานอาหารเสร็จ ชัยรัมภากับต้นกล้าก็พากันเดินกลับบ้าน ห้องเช่าเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังชุมชนคือบ้านแสนสุขของหล่อน ต้นกล้ารีบถอดเสื้อผ้าอาบน้ำทันที เด็กชายรู้ว่าหญิงสาวต้องเหนื่อยกับการทำงานอย่างหนัก จึงมักทำในสิ่งที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยตัวเองเพื่อแบ่งเบาภาระ เธอไม่เคยต้องเหนื่อยอาบน้ำหรือเก็บข้าวของของต้นกล้าให้เข้าที่เลยสักครั้ง
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงมือถือของชัยรัมพาดังขึ้น ร่างเล็กวางกระเป๋าสะพายลงกับพื้นก่อนจะหยิบมือขึ้นมาดู หน้าจอโชว์เบอร์ของทางศูนย์พักฟื้น
“สวัสดีค่ะ”
[คุณชัยรัมภาหรือเปล่าคะ?]
“ใช่ค่ะ ที่ศูนย์ใช่ไหมคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าคุณแม่เป็นอะไร?] หล่อนร้อนรน
[ดิฉันโทรจากฝ่ายการเงินของทางศูนย์นะคะ ดิฉันต้องการทราบว่า ทางคุณชัยรัมภาจะจ่ายยอดที่ค้างไว้ได้วันไหนคะ พอดีทางเราช่วยมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ ค่ะ เรามีเคสที่ต้องช่วยเหลืออีกเยอะเลย]
ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ ด้วยที่ผ่านมา หญิงสาวไม่เคยจ่ายเงินล่าช้า แต่เพราโรคระบาดทำให้การเงินสะดุด ทางศูนย์พักฟื้นเองก็พยายามที่จะยืดหยุ่นและช่วยเหลืออย่างถึงที่สุดแล้ว
“ภาต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่ทำให้ทางศูนย์เดือดร้อน ภาจะรีบหามาจ่ายให้เร็วที่สุดจริงๆ ค่ะ ภาสัญญา ช่วยรออีกหน่อยนะคะ”
[ทางเราช่วยคุณภาได้ถึงแค่สิ้นเดือนนี้นะคะ ถ้าสิ้นเดือนนี้คุณภายังไม่จ่ายยอดค้างทั้งหมด ดิฉันต้องเรียนแจ้งตามตรงว่าทางเราคงจะดูแลคุณแม่ของคุณภาต่อไปไม่ได้นะคะ เพราการดูแลผู้ป่วยติดเตียง ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทางศูนย์แบกรับภาระตรงนี้ให้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ หวังว่าคุณภาจะเข้าใจนะคะ]
“ภาเข้าใจค่ะ ภาจะหามาจ่ายให้ได้อย่างแน่นอน ช่วยดูแลคุณแม่ของภาต่อไปด้วยนะคะ ภาขอร้อง”
[…] ปลายสายเงียบ แต่เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาก็ทำให้ชัยรัมภารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหนักใจไม่แพ้กัน
“ภาจะรีบหามาจ่ายให้เร็วที่สุดค่ะ”
[ขอบคุณค่ะคุณภา สวัสดีค่ะ]
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงข้างตัว ก่อนจะเงยหน้ามองเพดานเพื่อระงับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ค่าใช้จ่ายในการดูแลมารดาซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่ใช่น้อยๆ ตกเดือนและสามหมื่นกว่าบาท เท่ากับตอนนี้หล่อนเป็นหนี้อยู่นับแสนบาท ไม่มีทางเลยที่จะหาเงินมาจ่ายได้ภายในสิ้นเดือนนี้
สายตาของชัยรัมภาเหลือบไปเห็นบางสิ่งโผล่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงของต้นกล้าที่ถอดวางเอาไว้ เธอเอื้อมมือไปหยิบมาดูก็พบว่าเป็นรูปถ่ายกิจกรรมของโรงเรียน ในรูป เด็กคนอื่นๆ พากันใส่ชุดไทยสวยๆ ยืนยิ้มแย้ม ทว่ามีแค่ต้นกล้าคนเดียว ที่ใส่ชุดนักเรียนเก่าๆ และยืนหลบมุมอยู่ด้านหลังเพื่อนๆ
“…” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น
เธอไม่เคยรู้เลยว่าที่โรงเรียนมีกิจกรรมให้เด็กๆ ใส่ชุดไทยสวยงามแบบนี้ไปที่โรงเรียน ต้นกล้าไม่เคยบอกเลยสักครั้ง
ชัยรัมภารู้สึกว่าตัวเธอช่างล้มเหลวในการเป็นแม่และลูกที่ดี เธอไม่สามารถดูแลคนสองคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตให้มีความเป็นอยู่ที่ดีได้ แม้ว่าเธอจะพยายามยิ้มสู่กับโชคชะตาอันโหดร้ายเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามแค่นั้นจะไม่ส่งผลอะไร
ความเลวร้ายทั้งมวลยังคงถาโถมเข้าใส่ชีวิตของหล่ออย่างไร้ความปรานี
“ฮึก…คุณพ่อคะ ช่วยภาด้วย…” เธอเริ่มสะอื้น
‘คงเดช จำชื่อนี้เอาไว้นะลูก ถ้าเป็นเพื่อนพ่อคนนี้ จะต้องช่วยเราได้แน่ๆ’
คำพูดนั้นแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง ชัยรัมภาหยิบนามบัตรที่เก็บไว้ออกมาดูอีกครั้ง ถ้าหากเป็นอย่างที่บิดาเคยบอกเอาไว้ ไม่แน่ว่าเธออาจจะขอยืมเงินเขา หรือของานพิเสษที่ได้เงินเร็วๆ จากเขาทำเพื่อแก้ปัญหานี้ก็ได้ เมื่อเริ่มมองเห็นทางออก หล่อนก็ไม่ลังเลที่จะกดโทรหาตามเบอร์ที่อยู่ในนามบัตร
ตรู๊ด….ตรู๊ด….
สัญญาณรอสายดังขึ้น หัวใจของหล่อนเต้นระทึก ในใจมีความหวังขอให้ชายคนนี้คือตัวช่วยที่คุณพ่อเคยบอกไว้
[ฮัลโหล]
“เอ่อ…สวัสดีค่ะ”
[นั่นใคร] เสียงทุ้มดูดุดันเอ่ยถาม
“เอ่อ…หนูชื่อชัยรัมภาค่ะ เป็นลูกของคุณพ่อชัยชนะ…”
[ลูกสาวไอ้ชัยเรอะ!] ปลายสายรีบแทรกขึ้นทันที น้ำเสียงของเขาดูดีใจที่ได้รับการติดต่อจากหล่อน
“ใช่ค่ะ พอดีเห็นว่าท่านประธานมาตามหาหนู คือว่า…”
[ไม่อยากจะเชื่อ นี่ลุงตามหาหนูจนเจอแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย หนูอยู่ที่บ้านใช่ไหม เดี๋ยวลุงไปหา]
“คะ?” เธอลังเล ไม่แน่ใจว่าควรให้เขามาที่บ้านหรือไม่
[ไม่สิๆ มันดึกแล้ว คงไม่ดีถ้าลุงจะไปที่บ้านหนูตอนดึกๆ เอาแบบนี้นะ พรุ่งนี้หนูมาหาลุงที่บริษัทตอนสิบโมง ลุงจะบอกประชาสัมพันธ์ข้างล่างไว้]
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่…ท่านประธาน…”
[คุณลุงเดช หรือจะเรียกลุงว่าคุณลุงเฉยๆ ก็ได้] คงเดชแทรกขึ้น
“ค่ะ คุณลุง”
[ดีลูก ดีมาก เรียกลุงว่าลุงเถอะนะ] น้ำเสียงของคงเดชสั่นเครือราวกับกำลังร้องไห้
“คุณลุงเป็นเพื่อนกับคุณพ่อของหนูเหรอคะ”
[ใช่แล้วล่ะ ลุงกับไอ้ชัยเป็นเพื่อนกันมานาน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เกิด พ่อแม่ของมันคอยช่วยเหลือและเลี้ยงดูลุงมาเป็นอย่างดี ที่ลุงไม่อดตายไปตั้งแต่ยังเป็นเด็กก็เพราะได้พ่อหนูกับปู่ย่าของหนูช่วยไว้นี่แหละ เรียกได้ว่า…เป็นผู้มีพระคุณ ที่ชั่วชีวิตนี้ ต่อให้ชดใช้จนตายก็คงชดใช้ไม่หมด]
ชัยรัมภาไม่เข้าใจ ปู่และย่าของหล่อนเสียไปตั้งแต่หล่อนยังเล็ก ทำให้ความทรงจำที่มีเกี่ยวกับพวกท่านน้อยนิดจนจำแทบไม่ได้
[เอาเป็นว่ามาเจอลุงพรุ่งนี้นะ แล้วลุงจะเล่าให้ฟังทุกอย่าง ต้องมาให้ได้นะหนูภา]
“ค่ะคุณลุง” เธอรับปาก
ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ไม่แน่ว่าวิกฤติชีวิตในครั้งนี้ของเธอ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่กังวลก็ได้ ขอแค่งานดีๆ ที่มั่นคงสักที่ให้เธอก็พอ…
เธออยากให้มารดาและต้นกล้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าในตอนนี้
ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ชัวรัมภาก็ยอมทั้งนั้น!