ตอนที่ 1 โชคชะตาที่โหดร้าย
หนึ่งอาทิตย์ก่อน
“ภา โต๊ะสามด้วย”
เสียงของเชฟตะโกนเรียกชัยรัมภาที่กำลังเช็ดโต๊ะอย่างขะมักเขม้น หลังจากลูกค้าวีไอพีโต๊ะใหญ่สุดเพิ่งจะพากันลุกออกจากร้านอาหารไป หญิงสาวรีบเช็ดให้เร็วขึ้น เพราะเป็นที่รู้ดีของทุกคนในร้าน ว่า ‘เชฟกอร์ดอน’ ลือเลื่องเรื่องความโหดมากขนาดไหน ใครทำงานช้าไม่ทันใจเขา เป็นต้องถูกดุด่าจนร้องไห้ลาออกกันทุกครั้งไป
“ภา!” เชฟกอร์ดอนเรียกชื่อเธออีกครั้ง
“ค่ะ เชฟ” ชัยรัมภาขานรับ เธอรีบยัดผ้าใส่เข้าไปในช่องกระเป๋าของผ้ากันเปื้อนแล้วรีบวิ่งไปล้างเจลแอลกอฮอล์ที่วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะไปหยิบจานอาหารที่เขาวางเอาไว้ไปเสิร์ฟที่โต๊ะ
อันที่จริงไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยถูกเขาดุด่า เธอโดนประจำจนเริ่มชินเสียแล้ว เรื่องฝีปากของเชฟกอร์ดอนไม่ใช่เรื่องน่ากลัสำหรับหญิงสาวเลยสักนิด สิ่งที่หล่อนกลัว คือการตกงานต่างหาก เพราะถ้าไม่มีงานทำ เธอก็จะไม่มีรายได้ไปเลี้ยงดูแม่และลูกชายวัยหกขวบของเธอ
ชัยรัมภาเคยเป็นคุณหนูที่แสนสุขสบาย ทว่าเมื่อแปดปีก่อน ธุรกิจของคุณพ่อเธอล้มละลายในชั่วข้ามคืนเพราะปัญหาเศรษฐกิจและหุ้นที่ร่วงดิ่ง คู่ค้ามากมายที่ดีลจ่ายแบบรายเดือนและรายปีเอาไว้ต่างพากันมาทวงเงิน ทั้งบ้าน รถ และที่ดินที่มีถูกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ซ้ำร้าย คุณพ่อของหล่อนยังมาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตหลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ แม้จะได้เงินประกันชีวิตที่บิดาทำไว้ แต่ก็ยังไม่พอจะชดใช้หนี้สินที่มี
ท้ายที่สุด…ชัยรัมภาต้องออกจากมหาวิทยาลัยอย่างกะทันหัน ไม่มีโอกาสแม้จะไปลาออกเสียด้วยซ้ำ เพราะคุณแม่พาเธอและน้องชายหนีเจ้าหนี้บางรายที่ยังหลงเหลืออยู่ไปที่อื่น ชัยรัมภากับคุณแม่ต่างพากันหางานทำเพื่อส่งเสียน้องชายที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายเรียน ทว่าพอจบชั้น ม.6 น้องชายของเธอกลับพลาดทำแฟนสาวตั้งท้อง แต่หลังจากที่คลอดลูกได้ไม่นาน ทั้งน้องชายของเธอและแฟน ต่างประสบอุบัติเหตุโดนลูกหลงในเหตุการณ์ห้างสรรพสินค้าถล่มระหว่างทำงาน
และใช่…เธอสูญเสียทั้งน้องและน้องสะใภ้ในสองปีให้หลัง หลังจากที่คุณพ่อเสียไป
ชัยรัมภาจึงรับเอาลูกของน้องชายมาเป็นลูกของตัวเอง แม้ว่าตามหลักฐานทางเอกสาร เธอจะเป็นเพียงป้าของเด็กชายคนนั้นก็ตาม แต่เพราะได้เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ หล่อนจึงรักและเอ็นดูหลานชายคนนี้เหมือนลูกในไส้
หลังจากสูญเสียลูกชายไป มารดาของเธอก็เริ่มมีอาการซึมเศร้า จนเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีกมาสามปีแล้ว ต้องอยู่ที่ศูนย์พักฟื้นเพื่อให้มีคนคอยดูแลตลอดเวลา ด้วยชัยรัมภาต้องทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว เธอจึงจำใจต้องพาแม่ไปฝากไว้ที่ศูนย์พักฟื้น แม้ว่าราคาต่อเดือนในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงจะมากโขก็ตาม
หากแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ นอกจากจะทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้ ชัยรัมภาก็ยังทำขนมขายทางออนไลน์ และรับจ๊อบส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้านในตอนเช้า ทำให้ในแต่ละเดือน มีเงินพอใช้จ่ายให้ผ่ายพ้นไปได้ แต่ก็ไม่ได้มากพอจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้เหมือนอย่างใครเขา ทว่าระยะหลังมานี้ ตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด19 การขายขนมก็ยากขึ้น ออเดอร์หนังสือพิมพ์ที่ต้องส่งก็น้อยลง ทำให้ค่อนข้างขัดสน ศูนย์ดูแลมารดาเอง เธอก็ค้างจ่ายมาสี่เดือนแล้ว ไม่รู้จะผลัดเขาไปได้อีกสักเท่าไหร่
ชัยรัมภาทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้มาได้หกปีแล้ว เรียกได้ว่าเธอเป็นพนักงานรุ่นพี่ของใครหลายคนในร้านนี้ และอยู่กับเชฟกอร์ดอนมาตั้งแต่ร้านเริ่มเปิดใหม่ๆ ทำให้หล่อนพอจะชินกับนิสัยของเขา แต่เวลาที่โดนขึ้นเสียงใส่ก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี
“เอ้า” เชฟกอร์ดอนเดินมายื่นถุงบางอย่างให้เธอหลังจากร้านปิด
“คะ?” หญิงสาวมองถุงในมือเขาด้วยความสงสัย
อันที่จริงก็พอจะรู้ว่าถุงนี้คืออะไร เพราะช่วงที่มารดาเริ่มป่วยแรกๆ ชัยรัมภาต้องลางานบ่อยขึ้น หรือบางครั้งก็มาเข้างานสาย ทำให้เธอต้องบอกเรื่องสถานการณ์ทางบ้านให้เขารับรู้ นานๆ ที เชฟกอร์ดอนก็มักจะเอากับข้าวที่ทำเหลือไว้จากที่ทำให้ลูกค้า ใส่ถุงให้เธอเอากลับไปกินที่บ้านเป็นประจำ
“ฝากไปให้ต้นกล้า วันนี้มีลูกค้าสั่งกุ้งชุบแป้งทอดเยอะ ฉันเลยทำเผื่อ”
“ขอบคุณมากค่ะเชฟ” เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขา
ปัจจุบันชัยรัมภาอายุยี่สิบแปดแล้ว เธอต้องหยุดเรียนตั้งแต่อายุยี่สิบเพราะปัญหาทางบ้าน และสูญเสียบิดาไปตั้งแต่ตอนนั้น ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวและหาเช้ากินค่ำมาตลอดแปดปี การที่ได้รับน้ำใจไม่ว่าจากใครก็ตาม มันทำให้เธอตื้นตันและซาบซึ้ง
“แล้วก็…มีซุปเห็ดเหลืออยู่ด้วยเหมือนกัน ฉันเอา…ใส่ถุงมาให้ด้วย”
“เหรอคะ ซุปเห็ดของโปรดฉันเลย แต่เอ…วันนี้ฉันไม่ได้เสิร์ฟซุปเห็ดเลยนะคะ มีลูกค้าสั่งด้วยเหรอ?” เธอเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย
เชฟกอร์ดอนกรอกตาไปมา ก่อนจะโบกมือไล่เธอ
“เถอะน่า มีก็แล้วกัน ซื่อบื้ออย่างเธอคงลืมไปแล้วล่ะสิ”
“เอ๊ะ งั้นเหรอคะ แต่ฉันว่า…”
“ไปๆๆ กลับไปได้แล้ว ฉันจะอยู่คิดเมนูอาหารใหม่” เชฟกอร์ดอนเอ่ยไล่
“ค่ะ เชฟ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” เธอยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ชายหนุ่มวัยสาสิบห้าปีมองตามหลังหญิงสาวไปจนลับสายตา เขาเดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง มองเศษซากวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำซุปเห็ดที่ยังไม่ได้ล้างก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ฉันทำให้เธอ สี่คำง่ายๆ มันพูดยากนักหรือไงวะ” เขาก่นด่าตัวเอง