เขานั่งรถไปกับลูกน้องไม่นานก็มาถึงเซฟเฮ้าส์ที่ยังเปิดไฟสว่างจ้าเหมือนรออยู่ ฟีนด์ยืนกอดอกมองจากหน้าต่างก่อนจะปิดผ้าม่านทันทีที่เขาทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาอยากจะวิ่งเข้าไปกอดจูบแล้วเอาให้สมอยากเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดอยู่จะทำอะไรแบบนั้นคงถูกจับได้พอดี อีกอย่างคือลูกน้องที่มาเพิ่มอีกสี่คนก็ไม่รู้ว่าฟีนด์เป็นเมียของเขาด้วย
สี่ปีที่เก็บเรื่องของเราเป็นความลับ
เขาทำเพื่อความปลอดภัยของเมียคนเดียว
“ปล่อยกูนะเว้ย!!”
“ปล่อยกู!!”
แฮมกับเกรย์เดินออกจากบ้านพักออกมาไปทางด้านหลังบ้านทันที ทีแรกคิดว่าเป็นโรงเก็บของใช้ในสวนทั่วไปเฉยๆ แต่พอเดินเข้ามาแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น สี่คนที่มาเพิ่มเป็นของคุณท่านที่สั่งให้มาช่วยเพราะดูเหมือนเรื่องจะใหญ่กว่าที่คิดและต้องการจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณท่านทุ่มคนมาพอสมควร อาวุธสารพัดอย่างถูกจัดวางเรียงบนโต๊ะโดยมีหนึ่งคนดูแลความเรียบร้อย ส่วนอีกหนึ่งคนเฝ้าหน้าห้องนั้นที่มีเสียงร้องดังออกมา
“อ๊าก…”
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“เค้นคอไง พวกมึงจะเข้าไปช่วยบอสไหมล่ะ?”
“อืม”
“อย่าไปขัดอะไรบอสล่ะ เดี๋ยวบอสโมโหแล้วจะซวยกันหมด”
“เออ!”
เกรย์กับแฮมเดินเข้าไปในห้องที่สว่างจ้าไปและอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด พวกเขามองแผ่นหลังใหญ่ของหัวหน้าที่ไม่ได้หันมาสนใจกันมาก ถุงมือสีขาวที่สวมนั้นเต็มไปด้วยเลือดสดใหม่จากคนที่ร้องลั่นและพยายามดิ้นให้หลุดออกจากเชือกที่มัดตัวและมีอีกคนช่วยจับให้นิ่งมากขึ้น
ผ่ากระสุนออกแบบนี้เลยเหรอวะ
“มากันหมดแล้วใครเฝ้าคุณหนู?”
“คือว่า…”
“ให้ใครสักคนไปเฝ้า คืนนี้กูจะต้องได้คำตอบว่าใครจ้างพวกมันมา”
“ถ้าบอสลงมือเองมันได้ตายก่อนแน่!”
“มันจะได้รู้จักนรกก่อนตายไง!”
ในขณะฟีนด์พยายามจะข่มตาหลับแต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย เธอนอนพลิกซ้ายพลิกขวาด้วยใจร้อนรนมาก พอจะเดินลงไปชั้นล่างก็เห็นว่ามีคนอื่นมานั่งถือปืนเฝ้าอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าของบางอย่างที่เธอได้มาจะมีความลับซ่อนเอาไว้อยู่ แต่น่าเสียดายที่โน๊ตบุ๊คพังและข้อมูลต่างๆที่อัพโหลดไว้ก็จำรหัสเข้าไม่ได้อีกด้วย แต่ว่าเธอจดรหัสเอาไว้ที่คอนโด ถ้าอยากจะรู้ข้อมูลก็ต้องเสี่ยงกลับไปเอาที่นั่น เรื่องนี้ต้องคุยกับพี่บลูมอีกทีว่าเขาไหวไหม หรือจะเข้าไปเอามาเอง
ก็อกๆๆ
“นอนรึยัง?”
เธอแทบจะกระโดดลงจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู จากนั้นก็รีบเดินไปและจัดผมให้เข้าทรงนิดหน่อยถึงเปิดประตู แต่ว่าสภาพเขาในตอนนี้เหมือนไปออกศึกมางั้นแหละถึงมอมแมมมากขนาดนี้ ใบหน้าหล่อทำท่าเหมือนจะก้มลงมาจูบนั่นเลยทำให้รีบหลบเพราะกลัวจะตัวเปื้อน
“ตัวเหม็น!”
“ถ้างั้นพี่ไปนอนข้างล่าง”
“ก็ไปอาบน้ำก่อนแล้วมานอนด้วยกันสิจะไปนอนข้างล่างทำไมเล่า!”
“อย่าพึ่งหลับล่ะ พี่มีเรื่องจะถามด้วย”
“เมื่อกี้…”
“พี่ลากคอมันมาเองแหละ ตอนนี้ตายแล้ว”
เธอกลืนน้ำลายลงคอแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าพี่บลูมทำอะไรพวกนั้นไปบ้าง สิ่งที่คิดออกคือมันต้องเจ็บปวดทรมานมากแน่นอน ปรกติเขาก็ทำงานประมาณนี้อยู่แล้วถึงจะไม่ได้เล่าให้เธอฟังชัดเจน งานของเขาส่วนใหญ่เป็นความลับและนอกจากชื่อ อายุ นิสัย เรื่องอื่นของเขาก็แทบไม่รู้เลยทั้งที่เราคบกันมาสี่ปี มันต่างกันตรงที่เขารู้เรื่องเธอแทบทุกอย่างนี่แหละ
พ่อบอกว่าเขาเป็นคนของหุ้นส่วนใหญ่
ลุงคนนั้นเธอยังไม่เคยเห็นเลย
เรื่องความร่ำรวยของครอบครัวเธอมีอะไรไม่ได้ซับซ้อนมากหรอก พ่อแม่เป็นนักธุรกิจอยู่แล้วแต่ยังไม่รวยเว่อวังอลังการมากเหมือนตอนนี้ จนกระทั่งส่งเธอไปเรียนที่เมืองนอกก็เป็นจุดเปลี่ยนของฐานะที่ขยับไปแบบก้าวกระโดด พ่อเดินเข้าสู่โลกสีเทาอย่างช้าๆด้วยการลองเปิดบ่อนพนันใจกลางเมืองที่มีเงินสะพัดต่อวันอยู่ในหลักร้อยล้านประมาณสองปี ก่อนจะปิดตัวไปเพราะมีเรื่องกับเจ้าพ่ออีกบ่อนที่มีเส้นสายแน่นกว่าทำให้เกิดความเสี่ยงตามมาเยอะ
เขาอาจจะฆ่าพ่อแม่เอาได้
ฝั่งนั้นโหดเหี้ยมและเลือดเย็นมาก
จากนั้นก็ซื้อหุ้นในบริษัทสองสามแห่งแต่ยังไม่มากพอจะเป็นประธานบริษัทได้ ในช่วงที่ว่างกำลังหาแนวทางทำธุรกิจเพิ่ม ในตอนนั้นมีคนตีสนิทและชักชวนพ่อชวนมาลงทุนที่บริษัทนำเข้าอัญมณีและทองคำ ผ่านไปประมาณสองปีพ่อก็ได้ขึ้นแท่นเป็นประธานแล้วเริ่มตรวจสอบหลายอย่างที่น่าสงสัยจนเจอกับเรื่องที่ทำเอาเสี่ยงคุกและเสี่ยงตายได้ทุกเมื่อ
บริษัทถูกยักยอกเงินสักพักใหญ่
พวกนั้นวางแผนจะโยนความผิดให้พ่ออยู่แล้ว
หุ้นส่วนใหญ่คนนั้นพ่อแม่เล่าให้ฟังว่าเคยเจอแค่หนึ่งครั้งเท่านั้นแต่ว่าจำได้ดีเลย เขาน่ากลัวมากและต่างระดับอย่างชัดเจน เขาเกือบจะฆ่าพ่อแม่แล้วเพราะเข้าใจผิดคิดว่าโกงเงินไป แต่ก็ให้โอกาสหาหลักฐานทุกอย่างมาแก้ต่าง หุ้นส่วนคนนั้นมีลูกทั้งหมดน่าจะสามคน รู้สึกว่าเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน พ่อเคยเจอลูกชายคนโตมาแล้วเล่าให้ฟังว่าน่ากลัวมากไม่ต่างจากพ่อของตัวเองเลยซึ่งมันสมแล้วแหละที่เกิดในตระกูลมาเฟียแบบนั้น เพียงแค่มองตาก็รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกฆ่าเลย นี่ยังไม่รวมกับคำพูดและท่าทางอื่นๆที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่อันตรายเกินไป
ตอนนั้นเธอนึกถึงพี่บลูม
ตอนเราเจอกันครั้งแรกเขาโคตรน่ากลัว
“นั่งเหม่ออะไร?”
“คิดเรื่องงานน่ะ แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า?!”
“ต้องใส่ด้วยเหรอ?”
“คืนนี้ฉันงด!”
“ไม่เอาก็ได้ แต่ใช้ปากมาทำให้มันอ่อนลงหน่อยสิฟีนด์”
“จะบ้าเหรอ!?”
“ทำไม?”
“คนไม่มีอารมณ์จะให้มาอมได้ไงเล่า!”
“ที่ตัวเองยังลากพี่ออกมาขย่มในรถเลย!”
“หุบปาก!!”
บลูมเดินมานั่งบนเตียงแล้วเอนตัวพิงด้วยความเหนื่อยเพราะยังไม่ได้พักเลยตั้งแต่เดินทางมาถึงที่นี่ แถมเมียยังจับกินไม่พักเหมือนของขาดงั้นแหละ วันนี้เธอเรียกเขาขึ้นห้องแบบไม่แคร์ลูกน้องซึ่งพวกมันก็ดันโลกสวยเชื่อว่าเขาน่าสงสารเพราะด่าจากคุณหนูขี้วีน ครั้งที่สองก็หวงผัวจนหน้ามืดลากออกมาจากงานเลี้ยงแล้วขย่มจนรถโยก แถมหลอกพ่อว่ารองเท้ากัดจนต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งที่ความจริงออกไปนานเพราะถูกผัวดูดนมอยู่ต่างหาก แล้วตอนนี้เขาอาบน้ำให้ตัวหอมฟุ้งเพื่อเมียจะได้จับกินเต็มที่แต่ว่าเธอดันบอกไม่มีอารมณ์ซะงั้น
ถ้าไม่แตกในปากจะไม่เอากับเมียหรอก
ดูสิว่าใครจะใจแข็งกว่ากัน