บทที่14.2 เมรีขี้เมา

1290 คำ
“หาใช่เรื่องที่เราจักกลับไม่ หากทำเช่นนั้น...” แต่ใครจะคิดว่าท่ามกลางอาการไม่สู้ดีของยักษ์หนุ่มในยามนี้นั้น เขาจะยังคงความปากกล้าเฉกเช่นเวลาเราวิวาทวาทีใส่กันเอาไว้ด้วย “เราอาจจักพลาดยลกลวิธีที่นารีเช่นเจ้าใช้ยั่วยวนบุรุษก็เป็นได้” ฟึ่บ! ร่างกายตอบรับคำดูถูกดังกล่าวด้วยการกระตุกปลายนิ้วชี้ออกจากฝ่ามือหนาอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนมาเอื้อมคว้าแก้วเครื่องดื่มสีเข้มตรงหน้ากระดกเข้าปากอึกใหญ่ให้คลายโมโห และเหมือนเคย ยิ่งแสดงท่าทางเกรี้ยวโกรธหรือไม่พอใจใส่เขาเท่าไหร่ แลดูอีกฝ่ายก็ยิ่งชอบใจ “นี่แก้วของคุณเรนทร์ค่ะ...” โชคดีที่ทีมงานซึ่งหายไปเตรียมแก้วเครื่องดื่มของท้าวอสุเรนทร์กลับมาพอดี ฉันจึงอาศัยโอกาสในตอนนั้นลุกออกจากที่นั่งเดินตรงไปหาพี่ช้างซึ่งดูท่าจะเมาได้ที่กับการดื่มมาพอสมควร ด้วยเพราะวันนี้ชุดที่ฉันแต่งกายมาเป็นจั๊มสูท เกาะอกขาสั้น และสวมเสื้อคลุมทับไว้อีกชั้นเพื่อกันความไม่สุภาพ ยามอยู่ต่อหน้านักข่าว ด้วยเพราะงานเลี้ยงในคืนนี้จัดเป็นแบบส่วนตัวเฉพาะคนร่วมกองเท่านั้น ทำให้บรรยากาศภายในผับคืนนี้จึงมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าปกติ “มาเต้นด้วยกันเม” และทันทีที่เป้าหมายเอ่ยปากเชิญชวน ฉันเองก็ไม่รอช้าที่จะถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตัวเองออกเพื่อเผยโฉมชุดสำหรับสายเที่ยวยามค่ำคืนให้คนในกองได้เห็น อีกสิ่งที่ทำให้ฉันกล้าที่จะเข้าไปร่วมจอยความสนุกกับพี่ช้างแบบไม่สนภาพลักษณ์ของนางเอกเบอร์หนึ่ง ก็คงเพราะฉันกับพี่ช้างเราร่วมงานกันบ่อย อีกทั้งพี่ช้างเองก็มีครอบครัวแล้ว ทำให้เรื่องการตกเป็นข่าวกับผู้กับกำคนนี้สามารถถูกตัดออกไปได้โดยไม่ยาก ฉันขยับกายโยกย้ายเรือนร่างตามจังหวะอัดบีทสนุกๆ ตามเสียงเร่งเร้าของเหล่าทีมงานที่พากันมาช่วยกันเติมเต็มพื้นที่ฟลอร์สำหรับเต้นให้คึกคักมากขึ้น จนงานเลี้ยงในผับคืนนี้ดูสมกับเป็นงานปาร์ตี้เล็กๆขึ้นมาถนัดตา ยิ่งได้เครื่องดื่มสีอำพันผสมน้ำอัดลมในมือกระดกเข้าปากด้วยแล้ว งานปาร์ตี้คืนนี้ก็ยิ่งดูสนุกมากเข้าไปใหญ่ แม้ความสนุกท่ามกลางเสียงเพลงและแสงสีจะทำให้คึกคัก แต่ก็ไม่สามารถลืมใครอีกคนซึ่งดูแตกต่างจากคนอื่นๆในผับแห่งนี้หรอกนะ พอนึกได้ สายตาก็เหลือบมองไปยังร่างสูงของท้าวอสุเรนทร์ซึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมบนเก้าอี้โซฟา ดูแตกต่างจากคนอื่นๆที่พากันมาเที่ยวหาความสนุก ดื่มด่ำกับแสงสีและเสียงเพลงยามราตรีโดยสิ้นเชิง ถึงท้าวอสุเรนทร์จะแสดงท่าทางนิ่งงันในท่ากอดอกอยู่ตรงนั้น แต่สายตาของเขาก็ใช่สนใจไปทางอื่นเสียที่ไหน เพราะสิ่งที่เดียวที่นัยน์ตาคมดุดันกำลังจ้องมองยามนี้คือตัวฉันขณะโยกย้ายเรือนร่างไปตามจังหวะเสียงเพลงสนุกๆ พอเห็นว่าเขาเอาแต่มองอยู่แบบนั้นในหัวก็ดันนึกถึงคำพูดดูถูกบ้าบอของอีกฝ่ายขึ้นมา พานให้ต้องยกแก้วเหล้าในมือกระดกเข้าปากจนหมดก่อนเอื้อมส่งแก้วเปล่าให้ให้ทีมงานซึ่งรอคอยอยู่แล้วสำหรับจัดเติมเครื่องดื่มแก้วใหม่ให้ แม้มือจะหมดพันธะถึงอย่างนั้นร่างกายก็ยังคงขยับโยกเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอยู่ดี ซึ่งคราวนี้เป้าหมายของความสนุกในค่ำคืนนี้ของฉันก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยกวาดตามองสภาพโดยรอบเพื่อเพิ่มเติมความคึกคักให้กับตัวเองและงานปาร์ตี้ ยามนี้เปลี่ยนไป เมื่อวิถีสายตาเลือกที่จะจ้องตอบนัยน์ตาคมดุดันของผู้ชายซึ่งเอาแต่นั่งนิ่งเหมือนหลักเหมือนตอบนที่โซฟาสำหรับนั่ง จากที่ขยับโยกย้ายเพียงแค่เรือนร่าง ยามนี้เริ่มเปลี่ยนไป มือไม้ซึ่งเคยถือแก้วเหล้าไว้ตอนนี้เลื่อนมาลูบไล้ไปตามสีข้างของตัวเองและกัดริมฝีปากล่างเพียงเล็กน้อยให้ดูยั่วยวน โดยเป้าหมายสายตายังคงเป็นชายหนุ่มคนเดิม และทันทีที่คนตัวใหญ่รู้ว่าฉันกำลังจงใจเต้นยั่วยวนให้เขาดู ยักษ์หนุ่มก็เริ่มแสดงปฏิกิริยาตอบรับบางอย่างให้เห็น จากที่เคยนิ่งกลับกลายเป็นลดละสายตาไปทางอื่น และบ่อยครั้งที่แสร้งทำเป็นยกแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นจิบ และการเห็นเขาแสดงปฏิกิริยาตอบรับกับท่าทางยั่วยวนกลับมาแบบนี้ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ หลังจากที่พยายามเอาคืนเขามาหลายรูปแบบในชั่วหลายวันที่ผ่านมา ความได้ใจมันทำให้ฉันยิ่งเอาใหญ่ พยายามโยกย้ายเรือนร่างบดเบียดเสียดสีกับคนนั้นที คนนี้ทีเพื่อเร่งความร้อนภายในฟลอร์สำหรับเต้นให้ลุกโชนขึ้น เมื่อสบจังหวะกับที่ท้าวอสุเรนทร์ยอมเลื่อนสายตากลับมามองอีกครั้ง ปลายนิ้วข้างถนัดจึงถูกยกขึ้นระดับสายตาก่อนกระดิกนิ้วเรียกเขาให้เข้ามาหา หากแต่การทำเช่นนั้นกลับกลายเป็นว่าทำเอาคนที่มองเห็นรีบหลุบสายตาไปทางอื่น จนฉันเผลอหลุดขำออกมาเบาๆ หากคิดว่าเพียงแค่นั้นฉันจะสะใจมากพอที่ได้เอาคืนเขาแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าไม่ ยิ่งระหว่างการโยกย้ายเรือนร่างไปบนฟลอร์ ร่างกายได้รับสารแอลกอฮอล์เพื่อเพิ่มความคึกคักให้ทางร่างกายด้วยแล้ว ความใจกล้าที่มีมากขึ้นจึงส่งผลให้ฉันตัดสินก้าวเท้าเคลื่อนไหวร่างกายเดินตรงกลับไปยังโต๊ะด้วยท่าทียั่วยวนหมายจะสั่งสอนเจ้ากรรมนายเวรของตัวเองคืนบ้าง ซึ่งได้ผล เพราะทันทีที่ฉันพาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของตัวเองได้สำเร็จคนตัวใหญ่ที่เอาแต่พยายามหลบเลี่ยงสบตา ก็สำลักเหล้าสีอำพันที่เขากำลังยกขึ้นดื่มออกมาทันทีด้วยเช่นกัน กึก! ไม่จำเป็นต้องรอให้อีกฝ่ายตั้งตัวใดๆทั้งสิ้น ร่างกายก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยการแสร้งทำเป็นเอื้อมตักอาการบนโต๊ะตรงหน้าท้าวอสุเรนทร์เข้าปาก โดยในทุกๆการเคลื่อนไหวฉันพยายามมองตอบโต้สายตาของอีกฝ่ายกลับไปอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน และเมื่อมีโอกาสได้สบสายตาต่อกันตรงๆ รอยยิ้มเล็กๆแสดงความเหนือกว่าก็ผุดขึ้นบนปาก ฉันเลือกที่จะสะบัดปลายผมและเป็นฝ่ายหันหลังใส่เขาก่อน แต่ก็ใช่ว่าทำเพราะต้องการหลบหนีเหมือนอย่างที่ผ่านมาแต่อย่างใด มือสองข้างเองก็รู้งาน วางทาบลงกับพื้นโต๊ะคนละฝั่งก่อนเริ่มโยกย้ายเรือนร่างลากสะโพกถูไถไปกับขอบโต๊ะอย่างจงใจเป็นหนสุดท้ายก่อนจะเดินปลีกตัวกลับไปยังฟลอร์ดังเดิม แต่ก่อนจะทำเช่นนั้น ฉันก็ไม่ลืมที่จะเหลียวหลังมองกลับไปยังคนตัวใหญ่เป็นหนสุดท้าย โดยอดคิดล่วงหน้าไปก่อนไม่ได้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าออกมาให้เห็นในรูปแบบไหน ทว่า วินาทีที่เหลียวหลังกลับไปมอง ร่างสูงใหญ่ซึ่งเคยนั่งอยู่ตรงนั้น ได้กลับอันตรธานหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงแก้วเหล้าสีอำพันที่เขาดื่มค้างวางเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม