“เจ้ากรรมนายเวรครับ...”
เสียงฮือฮาของพวกนักข่าวดังขึ้นทันทีที่คนตัวใหญ่ให้คำตอบ แม้คำตอบดังกล่าวจะสร้างความปั่นป่วนให้แก่ผู้ที่ได้รับฟัง ถึงอย่างนั้นท้าวอสุเรนทร์ในร่างจำแลงของมนุษย์นั้นก็ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าดังเก่า
บอกไม่ถูกเลยว่าการที่เขายิ้มแบบนั้นเพราะกำลังชอบใจที่ได้เอ่ยถ้อยคำยียวนนักข่าวพวกนั้นหรือเพียงแค่ต้องการตอกย้ำสถานะระหว่างเราแต่เพียงเท่านั้น
โชคดีที่ช่วงเวลาในตอนนั้น มีหนึ่งในกลุ่มทีมงานเดินออกมากจากภายในผับพอดี และนั่นจึงทำให้ช่วงเวลาสัมภาษณ์อันวุ่นวายในตอนแรกมีอันต้องยุติลง
“ขอโทษนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ รบกวนหลีกทางนิดหนึ่งนะคะ” ทีมงานคนดังกล่าวรีบใช้สิทธิ์ของการเป็นทีมงานร่วมกองถ่ายเดียวกันในการแหวกฝูงชน ตรงมายังทางฉันและท้าวอสุเรนทร์อย่างรีบร้อน ก่อนจัดการเปิดทางแทรกกลุ่มนักข่าวเพื่อกันฉันและท้าวอสุเรนทร์ให้เข้าไปภายในตัวอาคาร
วินาทีที่เท้าก้าวเข้าไปภายใน เสียงเพลงอัดบีทจังหวะสนุกๆ ก็ดังอัดแน่นไปทั่วอาณาเขตบริเวณ ทั่วพื้นที่มีเพียงแสงไฟเลเซอร์หลายสีเท่านั้นซึ่งแว๊บไปแว๊บมาเพื่อสร้างสีสันความสนุกในผับดัง
แม้ว่าแสงสีและเสียงเพลงภายในจะเป็นที่คุ้นชินตาดีของวัยรุ่นหรือคนที่มักเที่ยวกลางคืนบ่อย ซึ่งนั่นต่างจากยักษ์หนุ่มในร่างจำแลงที่เดินตามหลังมาโดยสิ้นเชิง
ฉันแอบลอบมองอาการเขาอยู่หลายต่อหลายครั้งขณะก้าวเท้าตามหนึ่งในทีมงานไปยังจุดจัดเลี้ยง และพบว่าคนตัวใหญ่ดูจะมีอาการกระวนกระวายแปลกๆ กับบรรยากาศรอบตัว เขาหันซ้ายที ขวาที บางทีก็ขยับตัวหลบคล้ายกับระแวงกับแสงสีของไฟที่ฉาบผ่านผิวกายตัวเอง
และบ่อยครั้งก็ยกมือขึ้นปิดหูราวกับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆกำลังรบกวนการได้ยินของเขาอยู่ยังไงอย่างงั้น เห็นท่าทางหวาดๆ เกร็งๆ แบบนั้นของเขาแล้วมันก็อดนึกขำในใจไม่ได้...
“อ้าวเม มาด้วยเหรอ สวัสดีจ้า!” เสียงเข้มของพี่ช้างบอกถึงอาการเมานำ ดังทักทายขึ้นทันทีเมื่อฉันโผล่หน้าเข้าไปยังบริเวณโต๊ะซึ่งเหล่าทีมงานกองถ่ายจับจองไว้
“สวัสดีค่ะพี่ช้าง ยินดีด้วยนะคะ”
“ขอบใจมากจ้ะเม นั่งก่อนสิ ดื่มอะไรไหม...อ้าวนั่น” แต่แล้วไม่นานเสียงทักทายอย่างเป็นกันเองของพี่ช้างก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มซึ่งเดินเข้ามาพร้อมกันกับฉัน ก่อนจะเปลี่ยนวิธีการพูดจา “สวัสดีครับคุณเรนทร์ มาด้วยเหรอครับเนี่ย”
ฉันเหลือบมองชายตัวสูงข้างกายเล็กน้อยก่อนพบว่าท้าวอสุเรนทร์ไม่ได้เอ่ยวาจาใดตอบรับพี่ช้างออกมา เขาเพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นระดับอกแทนการตอบโต้เท่านั้น
“พาคุณเรนทร์มานั่งก่อนสิ มาๆ” หูน่ะได้ยินเสียงของพี่ช้างซึ่งพยายามตะโกนบอกแข่งกับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ แต่สายตาน่ะดันเอาแต่มองสีหน้าและท่าทางแปลกที่ของคนตัวใหญ่แบบไม่วางตา
ท่าทางของท้าวอสุเรนทร์ตอนนี้ ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ไม่รู้หรอกว่าในหัวเขากำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ แต่พอเห็นเขาทำหน้าคล้ายกับกำลังเป็นกังวลต่อภาพโดยรวมของสถานที่ภายในแล้ว มันก็อดไม่ไหวที่จะช่วยปลอบประโลมลดความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีให้ลดลง
ฉันค่อยๆใช้ปลายนิ้วชี้สะกิดเบาๆบริเวณสันมือของเป้าหมาย ซึ่งนั่นทำเอาเขาสะดุ้งเฮือกจนรู้สึกได้ แต่ก็ชั่วเดี๋ยวเดียว เมื่อฉันจงใจถือโอกาสสอดปลายนิ้วชี้แทรกผ่านมือหนาซึ่งยามนี้เย็นเฉียบบอกถึงอาการที่เจ้าตัวกำลังรู้สึก รู้สึกได้ถึงอาการเกร็งจัดยามที่ปลายนิ้วแทรกเบียดลงกับฝ่ามือ แต่ไม่นานอาการเกร็งดังกล่าวก็ค่อยๆลดลง
แม้ไม่ได้พูดหรือบอกกล่าวอะไร ท้าวอสุเรนทร์ก็คงรับรู้ถึงจุดประสงค์ที่ฉันทำ เขาค่อยๆเปลี่ยนฝ่ามือเย็นเฉียบจากอาการเกร็งจัด กำกระชับรอบนิ้วชี้ที่ส่งไปให้อย่างช้าๆ และเป็นฝ่ายก้าวเท้าเดินตามทันทีที่ฉันต้องสวมบทของผู้นำ พาเขาไปยังที่นั่งซึ่งถูกเตรียมไว้
“เมรีดื่มผสมใช่ไหมเอ่ย?” อีกหนที่ความสนใจของฉันถูกดึงด้วยคำถามของทีมงานคนหนึ่งขณะหยิบยื่นแก้วเหล้าสีผสมส่งมาให้อย่างรู้ใจ พร้อมกันนั้นเธอก็ไม่ลืมที่จะถามคนตัวใหญ่ข้างกายฉันด้วย “ของคุณเรนทร์เอาเป็น on the rock นะคะ”
เชื่อเถอะว่าคนถูกถามน่ะไม่เข้าใจสิ่งที่ทีมงานคนดังกล่าวพูดหรอก แต่เพราะความไม่คุ้นชินกับสถานที่ในยุคมากกว่าเลยส่งผลให้เขาพยักหน้าตอบรับไปอย่างงั้น ยิ่งเห็นท่าทางอึดอัดของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกวินาทีแบบนี้แล้วมันก็อดไม่ได้จริงๆที่จะกระซิบถาม
“ท่านโอเคไหมเนี่ย?”
“เจ้าพูดสิ่งใด เรามิได้ยิน”
“ฉันถามว่าท่านไหวหรือเปล่า!” อีกหนที่ฉันถามด้วยเสียงที่ดังขึ้นจากตอนแรก
“เรามิคุ้นเคยกับดินแดนอึกทึกครึกโครมเช่นนี้ ไหนจักสายฟ้าวิปลาสหลากสีนั่นอีก...เราเวียนหัว” คำตอบเถรตรงหากแต่ฟังดูซื่อตรงต่อความรู้สึกจากปากคนตัวใหญ่ ทำฉันหลุดยิ้มเล็กน้อยอย่างนึกเอ็นดู สภาพเขาตอนนี้คงไม่ต่างจากฉันที่จู่ๆก็โผล่เข้าไปยังดินแดนนครวังยักษ์ของยักษ์เท่าไหร่
สับสน ตกใจ ประหลาดใจ และไม่เข้าใจ...
“ถ้าท่านไม่ชอบที่แบบนี้ ก็ไม่เห็นต้องมาเลยนี่ กลับไปที่ที่ท่านชอบดีกว่าป่ะ?” เพราะดูท่าจะไม่ไหวกับสภาพแวดล้อมรอบตัวจริงๆ ฉันซึ่งรู้สึกเห็นอกเห็นใจกับอาการที่เขาเป็นจึงพยายามพูดถนอมน้ำใจ เสมือนว่าก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน
“หาใช่เรื่องที่เราจักกลับไม่ หากทำเช่นนั้น...” แต่ใครจะคิดว่าท่ามกลางอาการไม่สู้ดีของยักษ์หนุ่มในยามนี้นั้น เขาจะยังคงความปากกล้าเฉกเช่นเวลาเราวิวาทวาทีใส่กันเอาไว้ด้วย “เราอาจจักพลาดยลกลวิธีที่นารีเช่นเจ้าใช้ยั่วยวนบุรุษก็เป็นได้”