ดั่งหนู...ติดกับดัก2

2329 คำ
ด้านมุกรินหลังจากเธอแยกกับปริญญ์ ก่อนกลับบ้านเธอได้แวะซื้อของเพื่อมาทำกับข้าว ความจริงเธออยากซื้อของกินอร่อย ๆ ติดไม้ติดมือเวลาเข้าบ้านไปฝากอนงค์ซึ่งเป็นญาติฝ่ายพ่อของมุกรินที่คุณประภพฝากฝังให้ช่วยดูแลมุกรินตั้งแต่เด็ก แม้จะได้เงินเป็นค่าใช้จ่ายจากคุณประภพทุกเดือนแต่ป้าของมุกรินก็ไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ จึงเปิดร้านขายข้าวแกงใกล้กับบ้านที่คุณประภพซื้อให้ ด้วยนิสัยเป็นคนประหยัดกินประหยัดใช้เลยไม่อยากให้หลานสาวเสียเงินซื้อของกินเพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวานหรือของโปรดมุกริน อนงค์ก็ทำอร่อยทุกอย่างและทุกวันก็จัดการเตรียมมื้อเย็นไว้ให้ หลังจากเสียงเครื่องยนต์ของรถแท็กซี่ค่อย ๆ ห่างออกไปอนงค์ก็เห็นร่างอรชรของมุกรินเข้ามาในบ้านพร้อมกับเพื่อนของเธอ "กลับมาแล้วค่าา คิดถึงที่สุดเลย" เสียงหวานเอ่ยทักผู้เป็นป้าพร้อมโผลเข้ากอดราวกับคนไม่ได้พบเจอกันมานานแต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของสองป้าหลานคู่นี้ อาจเพราะว่ามุกรินเหลืออนงค์เป็นญาติเพียงคนเดียวและอนงค์ก็เลี้ยงเธอมาตั้งแต่ที่แม่เสียชีวิต เธอจึงรักและเคารพอนงค์ไม่ต่างจากผู้ให้กำเนิด "หิวไหมลูก แล้วนี่ซื้ออะไรมา มันเปลืองเงิน" อนงค์เอ็ดหลานสาวอย่างเหนื่อยใจ แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะไม่อยากให้มุกรินสิ้นเปลืองเงินทอง แม้ว่าของแต่ละอย่างที่มุกรินซื้อมาก็ล้วนแต่เป็นของโปรดอนงค์ทั้งนั้น "พอดีมุกเดินผ่านเห็นมันน่ากิน แล้วแม่ค้าก็ขายถูกมุกเลยซื้อมาน่ะค่ะ" หญิงสาวรีบอธิบายให้ผู้เป็นป้าฟัง แต่มีหรือที่อนงค์จะไม่รู้จักนิสัยหลานสาวตัวเอง "อย่ามาโกหกช่วงนี้ไม่ใช่หน้าทุเรียนสักหน่อยเขาจะลดราคาทำไม ปกติราคาก็แพงอยู่แล้ว" อนงค์ว่าอย่างรู้ทันก่อนจะถือถาดโฟมบรรจุทุเรียนพูใหญ่น่ากินเข้าไปเก็บในครัว โดยมีมุกรินกับมัสยาตามเข้าไปช่วยจัดอาหารใส่จานเพราะได้เวลามื้อเย็นพอดี "ช่วงนี้งานเยอะเหรอเห็นกลับมามืดทุกวัน" หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นขณะล้อมวงทานข้าวกันอยู่บนโต๊ะ "ก็นิดหน่อยค่ะ" มุกรินไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก อย่างวันก่อนที่คุณประภพนัดไปทานข้าวแล้วได้เจอกับคนในครอบครัวอัครราช หรือแม้แต่วันนี้ที่จู่ ๆ ปริญญ์ก็ขอให้เธอออกไปเจอลูกค้าด้วยกันทั้งที่ควรจะเป็นมัณฑนากรที่รับผิดชอบงานนี้อยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เธอต้องกลับบ้านมืดค่ำเธอก็เลือกจะไม่พูดถึง แม้ว่าอนงค์จะพอรู้ว่าหลานสาวไม่ได้เล่าทั้งหมดให้ฟังแต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความด้วยรู้ว่าหลานรักคนนี้มีนิสัยใจคอยังไง "แล้วนี่รถยังซ่อมไม่เสร็จอีกเหรอ" อนงค์เปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่างานที่มุกรินทำอยู่ต้องกลับบ้านไม่เป็นเวลา ยิ่งช่วงนี้รถของมุกรินก็มาเสียอีกจึงเป็นห่วงที่หลานต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ คนเดียว "น่าจะวันสองวันนี่แหละค่ะ" "ซื้อรถคันใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ รถเราซ่อมไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะ เกิดขับๆ ไปเสียกลางทางตอนกลางคืนจะทำยังไง" อนงค์เป็นห่วงความปลอดภัยจึงได้แสดงความคิดเห็น รถคันนี้เป็นรถมือสองที่มุกรินใช้เงินเก็บส่วนตัวซื้อต่อจากคนรู้จักในราคาค่อนข้างถูก แต่ใช่ว่าอนงค์จะรังเกียจหรือดูแคลนของที่ผ่านมือคนอื่นมาแล้ว เพียงแต่ลูกรักของมุกรินคันนี้ก็ขยันเสียนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ที่ซื้อต่อเขามา "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ครั้งนี้มุกกำชับกับทางศูนย์แล้วว่าให้เขาช่วยเช็คให้ดีๆ ไม่น่าจะมีอะไรแล้วล่ะ" มุกรินแค่พูดให้ผู้เป็นป้าสบายใจเท่านั้น ความจริงเธอเองก็พอจะรู้ว่ารถคู่ใจของเธอชอบมีปัญหาจุกจิก แต่ถ้าจะให้เธอถอยรถคันใหม่ช่วงนี้ก็คงจะไม่ได้ เพราะเงินเก็บที่มีอยู่มุกรินตั้งใจจะเอาไปซื้อที่ดินคืนให้อนงค์ ซึ่งเป็นที่ดินมรดกที่อนงค์จำใจขายไปเมื่อหลายปีก่อนเพราะต้องเอาเงินไปใช้หนี้นอกระบบ มุกรินเลยตั้งใจจะซื้อคืนเพราะรู้ว่าผู้เป็นป้ารักที่ดินแปลงนั้นมาก อีกอย่างมันก็เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่อนงค์มีติดตัว อนงค์ได้ฟังก็ถอนหายใจออกมา ความจริงเงินเดือนของมุกรินสามารถซื้อความสุขให้ตัวเองได้ แต่มุกรินก็ไม่เคยฟุ่มเฟือยไปกับของใช้หรู ๆ แพง ๆ พวกนั้นเลย “ไม่สบายทำไมไม่บอกมุกล่ะคะ” มุกรินคิดอยู่นานว่าจะพูดเรื่องนี้ดีไหมแต่สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ ตอนแวะซื้อของมุกรินบังเอิญได้เจอเจ้าของร้านชำแถวบ้าน ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ติดกับร้านขายข้าวแกงของอนงค์ เธอเลยได้รู้ว่าเมื่อวันก่อนตอนที่อนงค์ออกไปเดินจับจ่ายตลาดเกิดเป็นลมหน้ามืดขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้หากไม่ได้คนอื่นพูดให้ฟังมุกรินคงจะไม่รู้ว่าป้าของเธอไม่สบาย “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรก็แค่เป็นลมเพราะหน้ามืด” อนงค์ไม่อยากให้หลานเป็นห่วงจึงตอบเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็ยิ่งทำให้มุกรินเป็นห่วงผู้เป็นป้ามากกว่าเดิม “เป็นลมเนี่ยนะคะเรื่องเล็ก ถ้าวันนั้นไม่มีใครช่วยไว้ทันจะเป็นยังไง มุกว่าไปโรงบาลเถอะค่ะ ไปตรวจสักหน่อยจะได้รู้ว่าเป็นอะไร” อนงค์รู้จักนิสัยมุกรินดียังไงเธอก็รู้จักนิสัยของอนงค์ไม่ต่างกัน ถ้าไม่ถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อมีหรือที่ป้าของเธอจะยอมไปให้หมอตรวจ “จะไปทำไม นี่ป้าก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว วันก่อนอากาศมันร้อนแล้วป้าไม่ได้กินข้าวก็เลยหน้ามืด” ผู้เป็นป้ารีบเอ่ยห้าม ไปโรงพยาบาลเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน อีกอย่างตอนนี้ตัวเองก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วอนงค์เลยไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของหลานสาว เพราะถ้าต้องไปโรงพยาบาลมุกรินก็ต้องลางานไปเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน “มุกบอกแล้วใช่ไหมคะว่ายังไงก็ให้กินข้าวก่อน เรื่องขายของก็เหมือนกันมุกว่าเลิกขายเถอะค่ะ ป้าคนเดียวมุกเลี้ยงได้” ในชีวิตนอกจากผู้มีพระคุณอย่างคุณประภพแล้วมุกรินก็มีเพียงอนงค์ ตั้งแต่แม่ของเธอเสียไปผู้เป็นพ่อก็ไม่เคยติดต่อมา เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้พ่อของตัวเองอยู่ที่ไหนหรือเป็นตายร้ายดียังไง อนงค์จึงเป็นดั่งบุพการี ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้อนงค์ต้องมาขายของเหนื่อยทุกวันแบบนี้ “เชื่อยัยมุกเถอะค่ะไปให้หมอตรวจสักหน่อย” หลังจากนั่งฟังสองป้าหลานผลัดกันหัวรั้นมัสยาก็เอ่ยขึ้น แต่ความห่วงใยที่มัสยามีให้ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความตั้งใจของอนงค์ได้อยู่ดี “ป้ารู้ว่ายัยมุกเป็นห่วงป้าแล้วก็เลี้ยงป้าได้ แต่ถ้าจะให้ป้านั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านเฉยๆก็ไม่ไหวหรอก ได้เครียดตายกันพอดี” อนงค์ไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้มุกริน ตราบใดที่ยังพอมีแรงทำมาหากินได้ก็อยากช่วยแบ่งเบา ทุกครั้งที่มุกรินพูดถึงเรื่องนี้อนงค์เลยปฏิเสธความหวังดีแบบนี้ทุกครั้ง หลังจากทานข้าวกันอิ่มแล้วมุกรินกับมัสยาก็เก็บล้างจานชามไปล้างซึ่งหลังจากนั้นมัสยาก็ขอตัวกลับทันที ส่วนมุกรินเมื่อปิดประตูหน้าต่างทุกบานเรียบร้อยก็รีบขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเพราะเธอกะว่าคืนนี้จะเข้านอนเร็ว ทว่าจังหวะจะล้มตัวลงนอนเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน ในตอนแรกเธอคิดว่าเป็นข้อความที่ปริญญ์ส่งมาเพราะปริญญ์มักจะชอบส่งข้อความมาสั่งงานทิ้งไว้ ไม่ก็ส่งข้อความบอกนอนหลับฝันดีจนเป็นความเคยชิน แต่พอเธอหยิบมือถือขึ้นมาอ่านกลับเป็นข้อความจากคนอื่น มุกรินที่กำลังจะล้มตัวลงนอนด้วยความง่วงนั้นรีบผุดขึ้นมานั่ง ดวงตาคู่สวยจ้องจอขนาดเล็กระคนตกใจเพียงได้อ่านข้อความสั้น ๆ จากคนที่ไม่ได้ถูกบันทึกชื่อเอาไว้ “ ‘สวัสดีครับ ผมอาทิตย์นะครับ’ มุกรินจ้องข้อความเหล่านั้น ในใจก็นึกลังเลว่าควรจะตอบกลับหรือแกล้งทำเป็นไม่เห็นดี แต่แล้วในระหว่างกำลังสองจิตสองใจ เสียงข้อความฉบับใหม่ก็ทำให้หัวใจเธอเต้นระส่ำขึ้นมาอีกครั้ง “ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน’ แม้จะเตรียมใจไว้แล้วที่ต้องร่วมงานกับอาทิตย์ ทั้งที่เธอพยายามเลี่ยงมาโดยตลอด แต่การที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ส่งข้อความทักมาส่วนตัวจึงทำให้มุกรินตั้งตัวไม่ทัน แต่ที่ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้ เป็นเพราะเธอกำลังคิดเข้าข้างตัวเองว่าในข้อความเหล่านั้นอาจจะมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอไม่ควรจะคาดหวัง สุดท้ายมุกรินก็เลือกที่จะไม่ตอบกลับข้อความของอีกฝ่าย เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนจะข่มตาจนหลับไปในที่สุด ในขณะเดียวกันด้านอาทิตย์ก็รอดูว่ามุกรินจะตอบกลับข้อความเขาหรือไม่ จากประสบการณ์ถ้าหากเขาส่งข้อความในทำนองนี้ไปให้ผู้หญิง ร้อยทั้งร้อยผู้หญิงคนนั้นจะต้องรีบสานสัมพันธ์ ทว่าก็ไม่ใช่กับมุกรินเพราะไม่เพียงไร้ซึ่งข้อความสานความสัมพันธ์เธอยังไม่แม้จะตอบอะไรกลับมาด้วยซ้ำ “แบบนี้สิค่อยน่าสนุกหน่อย” มุมปากหยักหนากระตุกรอยยิ้ม เพียงแค่คิดว่าพรุ่งนี้จะได้เจอมุกริน อาทิตย์ก็แทบอดทนรอไม่ไหว วันต่อมา ขณะป้าจันทร์กำลังเตรียมอาหารมื้อเช้าอยู่นั้น กลิ่นน้ำหอมแสนคุ้นเคยที่ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าตัวจะบรรจงฉีดจนส่งกลิ่นหอมฟุ้งมาแต่ไกลและเสียงผิวปากอย่างคนอารมณ์ดีทำให้ป้าจันทร์เอ่ยทักกึ่ง ๆ แซวขึ้น “วันนี้คุณอาทิตย์ของป้าไม่ไปทำงานเหรอคะ” แม้การแต่งตัวของชายหนุ่มจะเหมือนตอนออกไปทำงาน แต่ป้าจันทร์ก็อดคิดไม่ได้ว่าวันนี้อาทิตย์อาจจะมีนัดกับสาวที่ไหน ถึงได้ฉีดน้ำหอมฟุ้งขนาดนี้ ไหนจะเรื่องที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนี่อีก “ไปสิครับ ผมเคยเกเรงานที่ไหน” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาตอบอย่างทีเล่นทีจริงก่อนจะนั่งรอซดข้าวต้มร้อน ๆ ซึ่งเป็นสูตรที่ถูกปากมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ยิ่งไปกว่านั้นข้าวต้มของป้าจันทร์ยังเป็นสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณตะวันฉายแม่ของอาทิตย์โดยตรงอีกด้วย “งานวันนี้คงจะสำคัญมากใช่ไหมคะ” หญิงวัยกลางคนยังคงถามกึ่ง ๆ แซวขณะตักข้าวต้มร้อน ๆ ใส่ชาม และพอได้ยินที่ป้าจันทร์พูดอาทิตย์ก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมา “ถ้าเราจะไปเจอคนสำคัญเราควรมีของติดไม้ติดมือไปด้วยดีไหมครับ” ภายใต้ใบหน้าอ่อนโยนใจดี ป้าจันทร์ชักอยากรู้ว่าชายหนุ่มมีนัดกับใครถึงได้พิถีพิถันเป็นพิเศษ ทั้งที่ปกติเวลาออกไปเจอผู้หญิงอาทิตย์ไม่เคยทำให้มันต้องเป็นเรื่องยุ่งยากแบบนี้มาก่อน “มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะไปเจอเขาในโอกาสอะไร แต่ถ้าคุณทิตเห็นว่าเขาเป็นคนสำคัญ หรือถ้าเราอยากให้อะไรเขา ป้าว่าก็ให้เถอะค่ะ” ในคำแนะนำของป้าจันทร์แฝงไปด้วยคำสอน ที่ต้องการให้อาทิตย์ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองและจริงใจกับอีกฝ่าย “ว่าแต่วันนี้คุณทิตของป้าจะไปหาสาวที่ไหนเหรอคะ” ป้าจันทร์ถามด้วยความอยากรู้เต็มประดา แม้อาทิตย์จะหวงแหนความโสดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง ยิ่งทำตัวแปลก ๆ แบบนี้ป้าจันทร์ก็ยิ่งดูออก “เอาไว้ถ้าสำเร็จผมจะพามาแนะนำนะครับ” ว่าจบชายหนุ่มก็ตักข้าวต้มร้อน ๆ เข้าปากอย่างคนอารมณ์ดี ในตอนนั้นคุณประภพกับภาสกรก็ลงมาพอดีและทั้งสองคนก็ทันได้ยินที่อาทิตย์พูด ซึ่งภาสกรก็อดจะเข้าร่วมวงสนทนาด้วยไม่ได้ ในขณะที่คุณประภพไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา “จะพาใครมาแนะนำเหรอ” ภาสกรมองหน้าน้องชาย เพราะประโยคที่เขาเพิ่งจะได้ยินพร้อมคุณประภพทำให้เขาคิดได้อย่างเดียวว่า…อาทิตย์อาจจะเจอผู้หญิงถูกใจเข้าแล้วจริง ๆ “ก็อย่างที่พี่กรกับพ่อได้ยิน ไว้ผมจะพามาแนะนำทีหลัง ไปก่อนนะครับวันนี้ผมรีบ” ก่อนลุกออกจากโต๊ะอาทิตย์ก็หันไปสบตากับคุณประภพ ป้าจันทร์กับภาสกรต่างก็เข้าใจว่าเป็นการมองเชิงขอตัวไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน ทว่าคุณประภพกลับเข้าใจความหมายของลูกชายดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม