ดั่งหนู...ติดกับดัก

2104 คำ
บริษัทตะวันฉาย ดีไซน์ เนื่องจากอาทิตย์ต้องออกไปพบลูกค้าด้วยตัวเองเพราะสถาปนิกประจำบริษัทอีกคนนั่นก็คือ ภูวเนศ เกิดรถเสียกลางทางทำให้ล่วงเลยการประชุมสำคัญมาพอสมควร แต่เมื่อเจ้าของบริษัทเดินทางมาถึงยังห้องประชุม ริสาและกานดา ซึ่งเป็นพนักงานในบริษัทก็รีบนำแผนงานมาเสนอและการประชุมก็ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงกว่าจะได้ข้อสรุป “ตกลงเอาตามนี้ ยังไงวันนี้สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ผมด้วยนะ” “ค่ะบอส ส่วนแบบบ้านคุณจิตราเดี๋ยวสาส่งรายละเอียดให้คุณภูวันนี้นะคะ รถน่าจะซ่อมเสร็จเย็น” พนักงานสาวกล่าวรายงานต่อเจ้านายหนุ่มตามหน้าที่เหมือนเช่นทุกครั้ง ตะวันฉาย ดีไซน์ มีสถาปนิกด้วยกันสองคนคืออาทิตย์กับภูวเนศ ซึ่งทั้งสองคนจะเลือกรับงานตามความสมควร เมื่อวานนี้อาทิตย์เพิ่งจะรับออกแบบร้านอาหารให้ลูกค้ารายหนึ่ง งานนี้เลยต้องเป็นความรับผิดชอบของภูวเนศที่ก็รู้ตัวอยู่แล้ว แต่คำตอบจากบอสหนุ่มทำให้พนักงานสาวทั้งสองคนรวมถึงภูวเนศถึงกับขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะหันไปมองหน้ากัน “ไม่ต้องเดี๋ยวงานนี้ผมรับมาทำเอง” “จะดีเหรอคะ สาว่าให้คุณภูทำไม่ดีกว่าเหรอคะ” พนักงานสาวรีบออกความเห็น ต่อให้อาทิตย์จะมีความเป็นมืออาชีพซึ่งทุกคนเชื่อว่าเขาสามารถทำงานใหญ่พร้อมกันได้ แต่ทุกคนก็มองไม่เห็นความจำเป็นนี้อยู่ดี “ทำตามที่ผมบอก อ้อ! พรุ่งนี้ผมอาจไม่เข้าบริษัทนะส่วน construction ของคุณพฤกษ์เดี๋ยวผมส่งให้คุณทางเมลวันนี้เลย” ก่อนออกไปจากห้องประชุมอาทิตย์ก็หันกลับมาสั่งลูกน้อง ซึ่งพนักงานสาวทั้งสองคนไม่ได้ติดใจเรื่องงานเพราะปกติอาทิตย์ก็เป็นเจ้านายที่จริงจังกับการทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่พวกเธออดสงสัยไม่ได้ว่าบอสหนุ่มมีธุระปะปังอะไรถึงขั้นต้องแจ้งไว้ล่วงหน้าเป็นวัน ทั้งที่ปกติต่อให้มีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการก็ต้องแวบมาสั่งงานพวกเธอก่อน ช่วงเย็นของวันเดียวกัน รถคันงามสีดำขลับอันเป็นที่รู้ว่าเจ้าของรถคือลูกชายคนเล็กของตระกูลอัครราชก็เคลื่อนเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าของตัวบ้าน ป้าจันทร์ซึ่งกำลังยืนคุมความเรียบร้อยขณะนายมิ่งคนสวนกำลังตัดแต่งไม้ประดับอยู่นั้นถึงกับแปลกใจ ทำไมวันนี้อาทิตย์ถึงกลับบ้านแต่หัววันได้ แต่ป้าจันทร์ก็ไม่ได้ปล่อยให้ความสงสัยทำให้อีกฝ่ายต้องรอ รีบเปิดสายยางล้างไม้ล้างมือแล้วไปยืนรอต้อนรับ “ทำไมวันนี้คุณทิตกลับเร็วจังคะ” ด้วยความที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกสายตาของหญิงวัยห้าสิบจึงดูคล้ายผู้เป็นแม่เอ่ยแซวลูกชาย “เบื่อๆ น่ะครับ” ชายหนุ่มก้าวขาลงมาจากรถในสภาพเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมด้านบนสองเม็ดจนมองเห็นไหปลาร้า สถาปนิกไม่ใช่อาชีพที่ต้องใส่สูทผูกเนกไทเหมือนนักธุรกิจที่ต้องแต่งตัวเนี๊ยบและดูดีตลอดเวลา การออกไปทำงานของอาทิตย์จึงสบาย ๆ แต่ด้วยความที่เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด ใบหน้าตาหล่อคม ส่วนสูงเทียบเท่าระดับนายแบบ ดังนั้นไม่ว่าเจ้าตัวจะสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์ไหนก็ออกมาดูดีอย่างเหลือเชื่อ และดูเหมือนว่าสไตล์การแต่งตัวที่ค่อนไปทางผู้ชายลุคเท่ห์ ๆ ทำให้พวกผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาทำความรู้จักกันไม่ซ้ำหน้า “พอดีเลยค่ะคุณท่านสั่งป้าไว้ว่าถ้าคุณทิตกลับมาให้ไปพบที่ห้องทำงาน” ป้าจันทร์เอ่ยด้วยสีหน้าไม่มีรอยยิ้มต่างจากเมื่อครู่ เห็นดังนี้อาทิตย์จึงเดาว่าที่คุณประภพเรียกไปคุยน่าจะด้วยเรื่องสำคัญ “ขอบคุณครับ” ว่าจบเจ้าของร่างสูงก็เดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ พอมาถึงอาทิตย์ก็เคาะประตูเป็นเชิงบอกให้เจ้าของห้องรู้ก่อนจะเปิดเข้าไป “เห็นป้าจันทร์บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผมเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขณะทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทางที่ทำเหมือนไม่รู้สาเหตุที่ตัวเองถูกเรียกให้มาพบ คุณประภพวางปากกาในมือพร้อมกับละสายตาจากเอกสารตรงหน้าแล้วพูดสีหน้าเรียบเฉยไม่ต่างจากชายหนุ่ม “เมื่อวานไปเจอหนูมุกมาเป็นไงบ้าง” “ก็ไม่เป็นไงนี่ครับ” อาทิตย์กะอยู่แล้วว่าคุณประภพต้องถามถึงเรื่องนี้ ก็เขาเล่นเปลี่ยนคนดูตัวกะทันหันไม่ถูกเรียกมาซักถามสิแปลก แต่พ่อลูกคู่นี้ก็เปรียบเหมือนลูกไม้หล่นใกล้ต้นมาแต่ไหนแต่ไร คุณประภพเป็นคนมีระเบียบแบบแผนในชีวิต ทำอะไรมักจะมีเหตุผลรองรับแต่ก็เป็นคนนิสัยคิดอย่างพูดอีกอย่าง ซึ่งอาทิตย์ถอดแบบพ่อของเขามาทุกกระเบียดนิ้ว แม้กระทั่งการชอบหยั่งเชิงอีกฝ่ายเหมือนที่อาทิตย์กำลังทำอยู่ตอนนี้ ถ้าเป็นเพียงการแนะนำให้รู้จักกันธรรมดาทั่วไป ไหนเลยวันนี้ถึงต้องเรียกมาซักถาม นอกเสียจากว่าคุณประภพกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะให้ลูกชายคนไหนสนองความต้องการตัวเอง แวบหนึ่ง…สายตาคมคายของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัยก่อนจะเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมพ่อเอาแต่จมปลักอยู่กับอดีตนั่น ถ้าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะต้องการให้เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านเพื่อเหยียบย่ำหัวใจของภรรยาที่ไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้แล้ว มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนเกิดแรงสั่นสะเทือน ภายในใจเจ็บปวดรวดร้าวราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่นับพัน ๆ ลูกหล่นลงมาทับร่างกายจนแหลกเหลว ทว่าชายหนุ่มกลับแสดงสีหน้าเรียบเฉยออกมาก่อนจะเอ่ยต่อว่า “คุณมุกน่ารักดีนะครับ ผมหมายถึงเธอดูเป็นผู้หญิงตั้งใจทำงาน” ประโยคที่คนเป็นลูกพูดออกมานี้ทำให้คุณประภพฉุกคิดอะไรขึ้นมา อาทิตย์เป็นผู้ชายรักสนุกมีผู้หญิงมากมายเข้าหาเขา แต่คุณประภพก็ไม่เคยได้ยินลูกคนนี้เอ่ยถึงผู้หญิงคนไหนด้วยท่าทีสนใจเท่านี้มาก่อน ชายวัยกลางคนจึงมองอีกฝ่ายอย่างตรึกตรอง ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญขึ้น “ความจริงแล้วหนูมุกเป็นเด็กกำพร้าทีพ่ออุปการะมาตั้งแต่เด็ก” ขณะพูดคุณประภพก็คอยสังเกตท่าทีตามวิสัยของพ่อที่ห่วงความรู้สึกของลูกและเกรงว่าลูกจะเข้าใจผิดคิดอกุศลว่าตัวเองเป็นพวกวัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อนหรือเป็นประเภทพวกเ*******ูชอบเลี้ยงอิหนูทำนองนั้น แต่อย่างไรเสียคุณประภพก็ไม่อาจพูดความจริงทั้งหมดออกมาได้ “ผมคิดไว้อยู่แล้วครับว่าคุณมุกคนนี้ต้องไม่ใช่แค่ผู้หญิงทำงานเก่งที่พ่อแค่รู้สึกเอ็นดูหรืออยากสนับสนุนเรื่องงาน” “แกรู้แค่ไหน?” ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ แต่ด้วยนิสัยอาทิตย์ที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ผู้เป็นพ่อจึงคิดไม่ถึงว่าลูกชายจะจงใจเดินตามหมากที่ตนวางเอาไว้ “ก็ไม่เชิงรู้หรอกครับ ผมแค่คิดว่าคนอย่างพ่อน่าจะมีเหตุผลในการให้พี่กรไปเจอผู้หญิงคนนึงมากกว่าจะบอกว่าแค่อยากแนะนำให้รู้จัก” อาศัยว่ารู้จักนิสัยคุณประภพดีชายหนุ่มเลยเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้าง บวกกับหลักการอันมีเหตุมีผล คุณประภพจึงไม่ได้สงสัยในการสลับคนดูตัวครั้งนี้ เพียงแต่ผู้เป็นพ่อก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่า ทำไมลูกชายถึงดูสนใจมุกรินเป็นพิเศษ แต่นี่ก็ถือเป็นสัญญาณอันดีที่จะบอกให้รู้ว่าจุดประสงค์ที่คุณประภพต้องการและได้เตรียมการมาตลอดหลายปีอาจไม่ต้องถึงขั้นต้องบังคับกัน แต่อย่างไรคุณประภพก็ยังเกิดความลังเลว่าจะให้มุกรินแต่งกับลูกชายคนไหน ภาสกรเป็นคนที่เชื่อฟังบุพการีมาตั้งแต่เด็ก แทบจะเรียกได้ว่าชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้และเดินตามกรอบที่คุณประภพวางไว้มาตลอด ยกเว้นเรื่องธุรกิจร้านอาหารที่รู้ว่าเป็นความใฝ่ฝันของลูกจึงได้แค่สนับสนุน ผิดกับอาทิตย์ แม้ลูกคนนี้จะไม่เคยออกนอกลู่นอกทางหรือนำความเดือดร้อนมาให้ แต่ก็เป็นคนมีจุดยืนเป็นของตัวเอง อย่างการเป็นสถาปนิกก็เป็นความชื่นชอบของตัวอาทิตย์เองหาใช่เจริญรอยตามพ่อที่เป็นสถาปนิกอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ คุณประภพจึงคิดว่าหากจะเกลี้ยกล่อมหรือบังคับให้อาทิตย์ทำตามความประสงค์ อาจจะยากกว่าคนพี่ "ตอนนี้แกคบกับผู้หญิงคนไหนอยู่หรือเปล่า" คุณประภพจ้องหน้าลูกชายราวกับจะบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เขาคิดให้ดีก่อนตอบ "เปล่านี่ครับ ทำไมเหรอครับ" ชายหนุ่มถามกลับด้วยสีหน้าที่อยากรู้แม้ว่าในใจจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว "แกแน่ใจนะ" คุณประภพถามย้ำด้วยสีหน้าจริงจังกว่าทุกครั้ง ถึงแม้จะไม่ค่อยได้สนใจเรื่องส่วนตัวของลูกคนนี้เท่าไหร่แต่ก็พอได้ยินเข้าหูมาบ้างว่าอาทิตย์สนิทอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง รู้สึกจะเป็นเพื่อนสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นจะใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก "ครับ ผมไม่ได้คบใคร" ถึงแม้จะมีผู้หญิงควงไปกินไปเที่ยวด้วยแต่ก็ไม่ถึงขั้นคบหาเป็นแฟน ทั้งหมดนี้เขาจึงตอบด้วยความสัตย์จริง "งั้นก็ดีเพราะฉันอยากให้แกทำความรู้จักกับหนูมุกดู" "ทำความรู้จักแบบไหนครับ" อาทิตย์แสร้งทำเป็นไม่รู้เจตนาของผู้เป็นพ่อ แต่ก็ใช่ว่าคุณประภพจะไม่รู้เท่าทันลูกชาย "ตามใจแกนะถ้าแกไม่ถูกใจหนูมุกพรุ่งนี้พ่อจะนัดให้พี่แกไปเจอหนูมุกใหม่ก็ได้ ตอนนี้พี่แกคงจะกำลังปิดร้านพอดี" "ใจเย็นๆ ครับ" จังหวะที่คุณประภพกำลังจะต่อสายหาลูกชายคนโต อาทิตย์ก็รีบตะครุบมือคุณประภพราวกับกลัวว่าของมีค่าจะหลุดมือไป ทีแรกอาทิตย์ว่าจะลองหยั่งเชิงคุณประภพดูก่อน แต่พอได้ยินว่าเธอคนนั้นจะไปเจอกับภาสกรเขาก็รีบเปลี่ยนใจทันที ถ้าต้องให้ภาสกรมารับกรรมเป็นหมากตัวหนึ่ง สู้ให้เขาเป็นหมากตัวนั้นเองไม่ดีกว่าหรือ เพราะอย่างน้อยเขาก็คือคนที่อยู่ในสถานการณ์สูญเสียในตอนนั้น ดังนั้นแล้วคนที่สมควรเป็นผู้พิพากษาคดีนี้ก็ควรต้องเป็นเขาถึงจะถูก แม้ชีวิตไม่ได้แลกด้วยชีวิต แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีใครต้องชดใช้ "ไหนๆ ผมก็ไปเจอคุณมุกของพ่อมาแล้ว พ่อก็ควรจะให้สิทธิ์ผมก่อนสิครับ" "แกสนใจหนูมุกสินะ" ไม่ผิดสักนิด เขาสนใจในตัวมุกรินอย่างที่คุณประภพว่า เพียงแต่ในความสนใจมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ด้วยก็เท่านั้น "เอาเป็นว่าผมอยากทำความรู้จักคุณมุกของพ่อ พอใจไหมครับ"ชายหนุ่มฉลาดพอที่จะไม่แสดงออกว่าชอบผู้หญิงที่พ่ออยากยัดเยียดให้จนเกินไป “ได้ พ่อจะให้โอกาสแก แต่ถ้าหนูมุกเกิดไม่ชอบแกขึ้นมา ก็ถือว่าแกใช้โอกาสที่พ่อให้ไปหมดแล้วนะ” “ถ้าผมทำให้คุณมุกชอบผมไม่ได้ พ่อก็เอาบริษัทคืนไปได้เลย” เมื่อได้ยินว่าอาทิตย์ถึงกับเอาบริษัทที่เขารักเป็นเดิมพัน คุณประภพก็ต้องพูดให้ชัดเจน “ถ้าแกคิดจะเล่นๆ กับหนูมุก ก็หยุดซะ” ตั้งแต่เด็กจนโตอาทิตย์ไม่เคยเห็นคุณประภพแสดงแววตาน่ากลัวเท่าครั้งนี้มาก่อน ทว่าคำขู่ที่มาพร้อมกับการเอาความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกเป็นเดิมพันก็ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นเกรงสักนิด ดวงตาคมกล้าหันไปสบสายตากับผู้เป็นพ่อขณะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังไม่น้อยไปกว่ากันว่า “ไม่ต้องห่วงครับ คนนี้ผมจริงจัง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม