แม้ว่าจะหลับไหลไปพร้อมกับฤทธิ์สุราแต่เช้านี้ชายหนุ่มก็ลงมาจากห้องด้วยสีหน้าสดชื่น สถาปนิกมากฝีมือผู้พ่วงตำแหน่งเจ้าของบริษัทอย่างเขาไม่เคยให้เรื่องพวกนี้เสียงาน
“ขอทายว่าอาหารเช้ามื้อนี้เป็นของโปรดของผม” ป้าจันทร์ยังไม่ทันจะเดินพ้นครัว คนซึ่งนอนตื่นเช้าก็เอ่ยพลางเอามือลูบท้องปอย ๆ ให้เห็นว่าเขาจะจัดการข้าวต้มสูตรพิเศษที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กเกลี้ยงถ้วยไม่ให้คนทำน้อยใจอย่างแน่นอน
“ป้าเห็นว่าเมื่อคืนคุณทิตดื่มไปเยอะเลยคิดว่าเช้านี้น่าจะต้องทานอะไรร้อนๆจะได้มีแรงไปทำงาน” ป้าจันทร์วางชามข้าวต้มลงตรงหน้าของชายหนุ่มก่อนจะยกที่เหลือวางไว้จนครบคน
“ในโลกนี้ไม่มีใครรู้ใจผมเท่าป้าจันทร์ของผมอีกแล้วครับ สงสัยชีวิตนี้ผมคงต้องฝากท้องอยู่กับป้าจันทร์ของผมไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ” ได้ทีอาทิตย์ก็พูดเอาใจแม่นมของเขาแต่เช้า
“อย่ามาปากหวานกับคนแก่หน่อยเลยค่ะ อีกหน่อยพอคุณทิตมีแฟน แต่งงานก็จะลืมคนแก่อย่างป้าแล้ว”
“ใครจะแต่งงานเหรอครับ” ภาสกรเดินลงมาจากบันไดบ้านพอดี ประโยคกึ่งแซวกึ่งสงสัยจึงดังขึ้น
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” อาทิตย์เอ่ยถามพี่ชาย
“ตีสี่” คนถูกถามนั่งลงยังเก้าอี้ประจำตำแหน่ง โดยที่นั่งหัวโต๊ะถูกเว้นว่างเอาไว้สำหรับคนเป็นใหญ่สุดของบ้าน แต่ดูเหมือนว่าเช้านี้คุณประภพจะลงมาสายกว่าทุกวัน
“ผมนับถือพี่กรจริงๆเช้าขนาดนี้ยังตื่นไหว”
“แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง เมื่อกี้ฉันได้ยินป้าจันทร์พูดว่าแกจะแต่งงานเหรอ” ภาสกรได้ทีก็ถามให้หายข้องใจ แม้จะรู้ว่าที่ป้าจันทร์พูดถึงคงจะเป็นเรื่องในอนาคต แต่ภาสกรก็ไม่แน่ใจว่าคนที่ไม่เคยคิดเรื่องชีวิตคู่อย่างน้องชายของเขาจะมีวันนั้นหรือเปล่า ต่างจากตัวเขาที่ตอนนี้ฝันอยากจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน ติดที่เขายังไม่เจอผู้หญิงถูกใจ ไม่สิ เขาเจอเธอคนนั้นแล้วต่างหาก
“ก็ไม่แน่นะครับผมอาจจะแต่งงานเร็วๆนี้ก็ได้” ภาสกรถึงกับชะงักตอนที่จะจิบกาแฟเข้าปากขนาดป้าจันทร์ยังแปลกใจ ปกติเวลาพูดถึงเรื่องแต่งงานอาทิตย์เป็นต้องบ่ายเบี่ยง แต่ครั้งนี้นึกครึ้มใจอะไรถึงได้พูดอย่างนั้นออกมา หรือว่าน้องชายของเขาจะแอบคบผู้หญิงที่ไหนอยู่
“หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าแกเกิดถูกใจผู้หญิงคนไหนเข้าแล้ว”
“ไม่รู้สิครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะวันนี้มีประชุมแต่เช้า” เจ้าของใบหน้าคมคายลุกออกจากเก้าอี้โดยไม่ได้สนใจฟังที่ภาสกรตะโกนไล่หลังตามไปติด ๆ “อย่าลืมพาว่าที่น้องสะใภ้มาแนะนำด้วยล่ะ”
“ตกลงว่านายทิตเจอผู้หญิงถูกใจแล้วจริงๆเหรอครับ” ภาสกรหันไปพูดกับป้าจันทร์ด้วยยังข้องใจไม่หาย การตอบแบบขอไปทีหนำซ้ำยังทิ้งท้ายให้อยากรู้ มันทำให้ภาสกรเริ่มสงสัยว่าอาทิตย์อาจจะเจอผู้หญิงถูกใจเข้าแล้วจริง ๆ
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ป้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าผู้หญิงแบบไหนที่ทำให้คุณทิตของป้าจะยอมสละโสด” ป้าจันทร์ตอบอย่างคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จะว่าไปแล้ว อาทิตย์ก็มีท่าทีแปลก ๆ มาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แต่นั่นก็ตอนที่พูดถึงผู้หญิงที่คุณประภพจะพามาแนะนำให้ภาสกรรู้จัก ไหนเลยจะเกี่ยวข้องกับเขา ป้าจันทร์สงสัยในจุดนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้ภาสกรฟัง จนเจ้าตัวทานข้าวต้มรองท้องเรียบร้อยก็รีบร้อนออกไปทำงานอีกคน
เมื่อก่อนภาสกรเป็นสถาปนิกเช่นเดียวกับอาทิตย์ แต่เพราะภาสกรมีความฝันอยากทำร้านอาหารเป็นของตัวเองเมื่อสามปีก่อนจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ปัจจุบันภาสกรเป็นเจ้าของร้านอาหารอย่างเต็มตัวและดูเหมือนว่า Pazza Italian ของเขาจะไปได้สวย เพราะเจ้าของกิจการพ่วงตำแหน่งเชฟมือหนึ่งของร้าน อีกทั้งยังขยันพัฒนาสูตรใหม่อยู่เสมอ อย่างเช่นเมื่อวานนี้ภาสกรก็เพิ่งจะบินไปต่างประเทศเพื่อศึกษาสูตรอาหารใหม่ ๆ
ภาสกรขับรถออกมาตามเส้นทางที่จะไปร้านอาหารแต่ระหว่างรอสัญญาณไฟจราจรสายตาก็สะดุดเข้ากับผู้หญิงร่างบางที่ยืนอยู่อีกฝั่ง
"คุณมุกริน" ภาสกรเรียกชื่อมุกรินออกมาทันที เขากับเธอเคยทำงานในสายอาชีพเดียวกันก็จริง และโอกาสที่จะเจอกันไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่ระหว่างเขากับเธอเหมือนคนเดินเฉียดกันไปมาบนถนน ทั้งที่ภาสกรมีโอกาสหลายครั้งที่จะเข้าไปทำความรู้จักแต่ก็โอกาสนั้นก็มักจะหลุดลอยไปต่อหน้า กระทั่งเขาตัดสินใจออกมาจับธุรกิจร้านอาหารก็ไม่ได้เจอกับมุกรินอีก พอวันนี้โชคชะตาเข้าข้างภาสกรจึงไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
เมื่อสัญญาณจราจรเปลี่ยนภาสกรก็เปลี่ยนเลนหักพวงมาลัยรถเลี้ยวไปอีกฝั่ง ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปหยุดยืนตรงหน้ามุกริน ซึ่งมุกรินก็รู้สึกตกใจที่เห็นว่าเจ้าของรถที่เพิ่งหักเข้ามาจอดเทียบฟุตบาทคือลูกชายคนโตของผู้มีพระคุณ
"คุณ...."
"จำผมได้ด้วยเหรอครับ"ภาสกรใจชื้นขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายยังจำตัวเองได้
"จำได้สิคะ ดิฉันจำได้ว่าคุณเป็นสถาปนิกของบริษัทตะวันฉาย ใช่ไหมคะ" มุกรินแกล้งไม่แน่ใจคำตอบของตัวเอง
“ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นสถาปนิกแล้วล่ะครับ" ภายใต้ใบหน้าเป็นมิตรภาสกรกลับรู้สึกใจหายที่วันนี้เขาไม่ได้ทำงานอาชีพเดียวกันกับมุกริน เพราะถ้าเขายังเป็นสถาปนิกอยู่ อาจจะหาข้ออ้างให้ตัวเองเจอกับเธอได้ง่ายขึ้น
"เรื่องนี้ดิฉันก็พอรู้มาบ้างค่ะ" แม้มุกรินจะไม่ได้รู้เรื่องที่ภาสกรผันตัวไปเปิดธุรกิจร้านอาหารจากปากของคุณประภพ แต่เธอก็ได้ยินคนอื่นพูดถึงเรื่องของสถาปนิกฝีมือเยี่ยมอย่างภาสกรอยู่บ้าง
"ว่าแต่คุณมุกรินกำลังจะไปไหนเหรอครับ" สายตาคมมองไปยังสองมือเล็กซึ่งกำลังถือของพะรุงพะรัง
“ดิฉันนัดลูกค้าไว้น่ะค่ะคือ...ที่จริงนั่งแท็กซี่มาแต่พอดีเพิ่งมาแถวนี้ครั้งแรกเลยบอกแท็กซี่ผิดซอย เลยต้องเดินอย่างที่เห็น" มุกรินเล่าด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อยกับนิสัยเปิ่น ๆ ของตัวเอง
"ทำไมไม่เรียกคันใหม่ล่ะครับ"
"บ้านลูกค้าอยู่ข้างหน้านี้เองน่ะค่ะเลยคิดว่าเดินไปน่าจะเร็วกว่า ยังไงดิฉันขอตัวก่อนนะคะ" มุกรินหันหลังให้ภาสกรด้วยท่าทางรีบร้อนแต่แล้วน้ำเสียงเข้มก็ดังไล่หลังเธอไป
"เดี๋ยวก่อนครับ " พอมุกรินหันกลับมาภาสกรก็บอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่ยอมเสียโอกาสที่จะได้สานสัมพันธ์กับเธออีกเป็นครั้งที่สอง
"ให้ผมถือไปส่งนะครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันถือไปเองได้ค่ะบ้านลูกค้าอยู่ใกล้แค่นี้เอง" มุกรินรีบปฏิเสธด้วยเกรงใจอีกฝ่าย อีกทั้งเธอยังรู้สึกว่าหลัง ๆ มานี้ชักจะบังเอิญเจอคนในครอบครัวอัครราชบ่อยเกินไป
"ให้ผมช่วยเถอะครับ พอดีเมื่อเช้าผมดูดวงมา เขาบอกว่าถ้าวันนี้ผมช่วยเหลือคนอื่นผมก็จะทำอะไรราบรื่นทั้งวัน ถ้าไม่เป็นการรังเกียจให้ผมช่วยนะครับ" แม้จะไม่รู้ว่าเรื่องดวงที่อีกฝ่ายดูจะให้ความเชื่อเกี่ยวข้องกับตัวเธอยังไง แต่พอถูกภาสกรเอาของจากมือเธอไปช่วยถือ มุกรินเลยจำเป็นต้องรับน้ำใจอย่างปฏิเสธไม่ได้
ภาสกรกับมุกรินเดินไปไม่ไกลก็ถึงจุดหมาย และเมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ทั้งคู่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นอาทิตย์เดินออกมาพร้อมกับเจ้าของบ้าน
"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่" ความจริงภาสกรอยากถามว่าอาทิตย์มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงมากกว่า ก็ไหนบอกมีประชุม
"ผมมาคุยเรื่องออกแบบบ้านให้ลูกค้าแล้วพี่กรล่ะครับ ทำไมถึงมากับคุณมุกได้"
“นี่แกรู้จักคุณมุกรินด้วยเหรอ” ภาสกรมองหน้าทั้งคู่สลับกัน จริงอยู่ว่าที่อาทิตย์กับมุกรินรู้จักกันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรเพราะทั้งสองคนทำงานอาชีพเดียวกัน แต่ภาสกรก็ไม่คิดว่าอาทิตย์จะบังเอิญรู้จักกับผู้หญิงที่เขาสนใจ
“รู้จักสิครับก็คุณมุกรินนี่แหละที่ผมไปเจอมาเมื่อวาน” ดูผิวเผินเหมือนอาทิตย์กำลังอธิบายถึงต้นสายปลายเหตุ ทว่าสายตาคมคายก็มีบางอย่างแอบแฝง
“ผมว่าเราค่อยคุยกันดีกว่านะครับ” ระหว่างที่ภาสกรกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวจากคำบอกเล่าของน้องชายอยู่นั้นอาทิตย์ก็พูดเป็นนัย ๆ ว่าให้เกรงใจลูกค้า ซึ่งภาสกรรู้มารยาทเรื่องนี้ดี
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ภาสกรหันไปบอกกับมุกรินก่อนจะหันหลังเดินออกไปทันที อาทิตย์กับมุกรินเดินตามลูกค้าเข้าไปในบ้าน
วันนี้อาทิตย์มาในฐานะสถาปนิกผู้ดูแลการออกแบบบ้าน ส่วนมุกรินรับผิดชอบเป็นมัณฑนากรในการตกแต่งภายในทั้งหมด
หลังจากคุยรายละเอียดกับลูกค้าเรียบร้อยทั้งสองคนก็ขอตัวกลับทันที อาทิตย์เดาว่าวันนี้มุกรินคงจะใช้บริการแท็กซี่อีกตามเคยเขาจึงอาสาจะไปส่งเธอที่บริษัท แต่เพราะคิดว่าตัวเองคงจะได้รับการปฏิเสธเหมือนคราวที่แล้ว ครั้งนี้จึงหยิบยกเรื่องงานขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
“ให้ผมไปส่งนะครับเราจะได้คุยรายละเอียดที่ค้างไว้กันต่อ” มุกรินอยากปฏิเสธแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมัณฑนากรอย่างเธอจำเป็นต้องประสานงานกับสถาปนิก ซึ่งดูเหมือนว่าสถาปนิกที่รับผิดชอบงานนี้จะถูกเปลี่ยนกะทันหัน
“เอางั้นก็ได้ค่ะ ” มุกรินเดินตามเจ้าของร่างสูงไปยังรถสีดำขลับที่จอดอยู่ อาทิตย์ทำหน้าที่ของการเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเดินไปเปิดประตูรถอย่างให้เกียรติอีกฝ่าย
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ทำให้มุกรินเกิดความประทับใจในตัวอาทิตย์
สายตาของเขาในวันนี้ยังคงอ่อนโยนเหมือนในตอนนั้น…