"ผมกลับมาแล้วครับ" เสียงชายหนุ่มที่หน้าบ้านเรียกให้หญิงวัยกลางคนละความสนใจจากกะละมังใบใหญ่ตรงหน้า และเงยหน้ามองคนที่กำลังเดินเข้ามา
"กลับค่ำจังนะชล งานเยอะเหรอ?" พินทุอรทักทายด้วยรอยยิ้ม
"นิดหน่อยครับแม่ พอดีลูกน้องคนนึงของผมเขาจัดของให้ลูกค้าผิด แล้วลูกค้ามาโวยวายน่ะ ผมเลยให้ส่วนลดไป เรื่องเลยจบได้" ชลธารถอนหายใจแล้วทรุดนั่งลงที่โซฟาด้วยความเหนื่อยอ่อน
"ของมันผิดพลาดกันได้ อย่าดุลูกน้องเลยนะ"
"ผมไม่ได้ด่าเด็กผมนะ ลูกค้าต่างหากที่ผิด เขาสั่งของไม่ชัดเอง ชื่อมันเป็นภาษาอังกฤษน่ะ แต่เขาอยากอวดความรู้ด้านภาษาก็เลยออกเสียงผิดจนไปพ้องกับสินค้าอีกตัวหนึ่ง เด็กผมก็เลยจัดตัวนั้นให้ แล้วก็มาโวยวายว่าส่งของไปผิด ราคาก็ถูกกว่าตัวที่สั่ง จะฟ้องผู้จัดการให้ไล่ออกยังงั้นยังงี้ ผมก็เลยไปจัดการให้เด็กเปลี่ยนของให้ใหม่ และให้ส่วนลดเพิ่ม จะได้เลิกโวยวาย" ชลธารบ่นให้แม่ฟัง
"แล้วมันไม่มีชื่อภาษาไทยเหรอ?"
"มีครับ อยู่ด้านหลังตัวบะเริ่มเลย พร้อมคุณสมบัติเสริมและวิธีใช้ แต่ไม่อ่านเอง"
"ช่างเขาเถอะ ลูกค้าแบบนี้ต้องใช้ความอดทนเท่านั้นแหละ" พินทุอรยิ้มขำ
"หึ นี่ถ้าเจอไอ้ทัตเข้าไปคงอาละวาดหนักกว่าเจอผม" ชลธารหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงเพื่อนที่ปากจัดกว่าเขาหลายเท่า
"ทำงานตำแหน่งใหญ่โตกันขนาดนี้ ยังไม่ละนิสัยปากจัดกันเลยนะ" พินทุอรส่ายหน้าระอาในความเกรียนของพวกลูกชาย
"ช่างผมเถอะน่าแม่ เจ้านายผมก็ปากจัดพอ ๆ กับลูกน้องแหละ" ชลธารหัวเราะออกมาอีก
"หืมม จ้ะ" พินทุอรหมั่นไส้แรง
"แล้ววันนี้แม่จะทำขนมอะไรล่ะนั่น?" ชลธารมองชามที่มีผลไม้หลายชนิดหั่นชิ้นเล็กแยกใส่ชามไว้
"วันนี้จะเชื่อมผลไม้น่ะ พรุ่งนี้เช้าแม่จะทำเต้าฮวยนมสดใส่ผลไม้กับวุ้นผลไม้"
"ทำไมไม่เลิกทำขนมขายสักทีล่ะแม่ เงินเดือนผมก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะ แม่ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ได้สบายแล้ว แค่ดูแลผมก็เหนื่อยพอละ ยังต้องมาตื่นแต่เช้ามืดทำขนมไปขายตลาดอีก" ชลธารส่ายหน้า
"ก็แม่ว่างนี่ ตอนกลางวันชลก็ไปทำงาน แม่อยู่บ้านเฉย ๆ เบื่อจะตาย เสื้อผ้าชลก็ไม่ได้ซักรีดทุกวันสักหน่อย บ้านก็ไม่ได้หลังใหญ่ขนาดต้องทำความสะอาดทั้งวัน แล้วจะให้แม่ทำอะไรล่ะ นอกจากทำขนมขายและไปนั่งเม้าท์ที่ตลาด" พินทุอรบ่นใส่ลูกชาย
"โอเคครับแม่ ผมยอมแพ้ ทำแบบที่แม่อยากทำเถอะ" ชลธารรีบห้ามก่อนที่แม่จะบ่นมากไปกว่านี้ แม่เขาคงเหงาแหละที่ต้องอยู่คนเดียว พ่อเขาทิ้งแม่ไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นนานหลายปีแล้ว เขาก็เลยพาแม่มาอยู่ที่กรุงเทพด้วย และแม่เขาก็ทำขนมไปขายที่ตลาดในตอนเช้าจนถึงกลางวันแก้เหงา
"หิวหรือยัง? ไปอาบน้ำก่อนไหม แล้วค่อยมากินข้าว" พินทุอรเปลี่ยนเรื่อง
"ก็ดีครับ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ" ชลธารบอกแล้วลุกจากโซฟาเดินกลับเข้าห้องนอน บ้านเขาเป็นบ้านชั้นเดียวมีแค่สองห้องนอน เขาซื้อไว้ก่อนจะรับแม่มาอยู่ด้วย ก็เลยแบ่งให้แม่อยู่คนละห้องกับเขา
หลังจากอาบน้ำและกินข้าวเย็นแล้วชลธารก็มานั่งดูทีวีกับแม่ และเห็นแม่เขาตั้งใจดูมาก
"ละครแบบนี้มันสนุกตรงไหนอ่ะแม่ เห็นมีแต่ด่ากันทั้งเรื่อง" ชลธารนั่งดูด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งที่ดูทุกวันก็ยังไม่เข้าใจ
"สนุกสิ ดูนังตัวร้ายมันวีนใส่นางเอกสิ แหม! นางเอกทำไมไม่ด่ากลับวะ!" พินทุอรลุ้นน่าดู
"อืออ เป็นนางเอกที่น่ารำคาญมาก ปล่อยให้ตัวร้ายยืนชี้หน้าด่า พระเอกก็โง๊โง่ เจอแม่เป่าหูจนเห็นดีเห็นงามไปกับตัวร้าย" ชลธารส่ายหน้าด้วยความเบื่อ แต่ก็ปล่อยให้แม่นั่งดูต่อไป จะได้มีเรื่องไปเม้าท์กับพวกแม่ค้าในตลาด
"แบบนี้แหละถึงสนุก แกไม่ชอบดูก็ไปนอนไป๊!" พินทุอรไล่ลูกชายอย่างไม่ใยดี
"โอเคครับ" ชลธารเกาหัวแล้วลุกขึ้น แต่เขายังไม่ง่วงเลย คืนนี้อากาศดีด้วย ออกไปวิ่งสักหน่อยท่าจะดี
"แม่ ผมออกไปวิ่งนะ สักพักจะกลับ"
"เออ จะไปไหนก็ไปเถอะ" พินทุอรโบกมือไล่
ชลธารมองแม่แล้วถอนใจ คนเป็นแม่นี่เหมือนกันทุกคนป่ะวะ เห็นละครน้ำเน่าดีกว่าลูก ชลธารส่ายหัวแล้วกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปวิ่งออกกำลังกาย เขาไม่ชอบวิ่งตอนเช้า เพราะมันจะเหนื่อยก่อนไปทำงาน แต่จะชอบวิ่งตอนกลางคืนที่อากาศดีกว่า เหนื่อยมาจะได้หลับสบาย
เส้นทางวิ่งของเขาคือถนนเลียบแม่น้ำหลังหมู่บ้าน เขาไม่กลัวโจรปล้น เพราะไม่ได้พกอะไรที่มีค่าออกมาเลย แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้พกมาด้วย หมู่บ้านที่เขาอยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไร ไม่ใช่หมู่บ้านของพวกคนมีเงินด้วย แค่บ้านจัดสรรชั้นเดียวราคาปานกลางพอ ๆ กับบ้านของทัตพล
ชลธารจะวิ่งไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำแล้วก็กลับเหมือนเช่นทุกครั้ง สองฟากถนนก็ยังมีร้านบะหมี่กับอาหารตามสั่งที่เปิดขายบริเวณใกล้กัน และมันก็เป็นที่ฝากท้องตอนเขาหิวหลังจากวิ่งกลับมา
คืนนี้ชลธารวิ่งไปถึงสะพานตามปกติ สะพานที่ทั้งมืดและเงียบจนวังเวงเหมือนจะมีผีโผล่มาได้ตลอดเวลาทั้งที่ไม่ไกลจากชุมชน และเขาก็ต้องสะดุดตากับภาพเงาตะคุ่ม ๆ ที่นั่งบนขอบสะพาน
"หืออ ใครน่ะ จะมาฆ่าตัวตายเหรอ?" ชลธารมองด้วยความแปลกใจคนนั้นเป็นเป็นผู้ชาย นั่งบนขอบสะพานหันหน้าออกไปทางแม่น้ำ แต่ดูท่าทางไม่อมทุกข์เลย เพราะยังนั่งหลังตรงและมองไปยังความมืดข้างหน้า มือเขาล้วงไปหยิบอะไรบางอย่างในอกเสื้อออกมาและจ่อที่หัว
"เฮ้ยยยยย!!!" ชลธารพุ่งตัวปราดเดียวไปถึงผู้ชายคนนั้นและตวัดมือปัดปืนด้วยความรวดเร็ว
ปัง!! เสียงปืนดังก้องจนหูชา ชลธารรีบจับตัวผู้ชายคนนั้นไว้ด้วยความตระหนกและลากลงจากขอบสะพานจนร่วงพลั่กลงมากองบนพื้น และปืนกระบอกนั้นก็ร่วงลงน้ำไป
"ทันมั้ยวะ หรือตายแล้ว" ชลธารเสียงสั่น ใจเขาเต้นรัวยิ่งกว่ากลองชุด ผู้ชายคนนั้นนอนบนพื้นและมองมาที่ชลธารด้วยสายตาว่างเปล่าจนเขาใจเสีย แต่ร่างกายชายคนนั้นไม่มีเลือดเลย น่าจะไม่เป็นไร
"มายุ่งกับผมทำไม?" เขาผลักชลธารออกแล้วลุกนั่งปัดเสื้อผ้า
"คุณครับ มีปัญหาอะไรก็ค่อยพูดค่อยจาเถอะครับ อย่าทำแบบนี้เลยนะ เดี๋ยวครอบครัวจะเสียใจนะครับ" ชลธารปลอบ ชายคนนั้นแค่มองชลธารนิ่งและไม่พูดอะไรเลย
"ผมไม่รู้ว่าคุณมีปัญหาอะไรหนักหนาจนต้องทำแบบนี้นะ แต่ผมว่าการฆ่าตัวตายมันไม่ใช่ทางเลือกในการแก้ปัญหานะครับ มันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้แน่ครับ" ชลธารกล่อม แต่ชายตรงหน้าก็ยังเงียบ
"เอ่อ.. ผมชื่อชลธาร ถ้ายังไงกลับไปกับผมก่อนไหม ไปพักให้ใจเย็นลง แล้วค่อยคิดหาทางออกใหม่อีกครั้งนะครับ ชีวิตคนเรามีค่านะครับ อย่าคิดสั้นแบบนี้เลย ถ้าผมพอจะช่วยได้ผมจะพยายามช่วย"
"ทำไมต้องมายุ่งกับชีวิตคนอื่น?" เขาถามออกมาด้วยเสียงเรียบ
"ก็เราอยู่ร่วมสังคมเดียวกันไงครับ ต้องช่วยเหลือกันสิ แล้วผมก็ปล่อยให้คุณตายไปต่อหน้าไม่ได้หรอก"
"งั้นเหรอ?" เขาตอบแค่นั้นแล้วเงียบไป ชลธารเห็นเขาไม่เอะอะอาละวาด และไม่มีท่าทางของคนที่ผิดหวังเสียใจหรือมีอาการเมาเหล้าเมายาจึงคลายความระวังลง
"ผมชื่อพัทธดนย์ ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีคนให้รักด้วย"
"ไม่มีบ้านเหรอ? งั้นไปอยู่กับผมก่อนไหม แล้วค่อยคิดหาทางแก้ปัญหาต่อ" ชลธารปลอบ เขาเห็นผู้ชายตรงหน้าแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอย่างดี ท่าทางนิ่งและสุขุม ไม่เหมือนคนที่มีปัญหาหนักจนต้องฆ่าตัวตาย นิ่งและใจเย็นเกินไป
"ทำไมต้องให้ผมไปอยู่ด้วย ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย แล้วผมก็ไม่มีเงินตอบแทนคุณด้วย"
"เอาเถอะน่า ไปกับผมก่อนเถอะนะ" ชลธารลุกขึ้นและดึงพัทธดนย์ลุกด้วย
"จุ้นจ้าน" พัทธดนย์ว่าออกมา แต่ก็ยอมลุกขึ้นและเดินตามชลธาร
"ครับ ๆ ผมมันชอบสอดเรื่องชาวบ้านแบบนี้แหละ แล้วหิวไหม? แวะกินอะไรก่อนไหม?" ชลธารหันมาถาม
"ผมไม่มีเงิน"
"เออน่า ผมจ่ายเอง" ชลธารยิ้มออกมา อย่างน้อยก็ให้ผู้ชายคนนี้เลิกคิดเรื่องฆ่าตัวตายไปก่อนก็ยังดี ชลธารเดินไปที่รถเข็นขายอาหารรอบดึกข้างทางแล้วหันมาถามคนที่เดินตามเขามา
"กินบะหมี่กันเถอะ เจ้านี้อร่อยนะ ได้เยอะด้วย"
"ของข้างทางกินได้เหรอ? ไม่สกปรกเหรอ?" พัทธดนย์มองร้านอาหารรถเข็นด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ
"กินได้น่า มาเถอะ" ชลธารดึงพัทธดนย์นั่งลงที่เก้าอี้แล้วสั่งบะหมี่สองชาม ลุงคนขายรับคำแล้วรีบทำบะหมี่มาวางให้ที่โต๊ะ
พัทธดนย์นั่งมองบะหมี่ในชามและทำหน้าไม่กล้ากิน เขามองชลธารที่ใส่เครื่องปรุงแล้วคีบบะหมี่ใส่ปากด้วยความอร่อย พัทธดนย์กลืนน้ำลายแล้วหยิบตะเกียบมาคีบบะหมี่ใส่ปากตัวเอง
"นั่นแหละ จะฆ่าตัวตายแล้วยังจะกลัวอาหารไม่สะอาดเหรอ กินไปเถอะ ถ้าถึงเวลาตายยังไงมันก็ตายละน่า" ชลธารยิ้มแล้วมองคนนั่งตรงข้ามกินบะหมี่แบบไม่ปรุง
"เงียบซะ อย่าพูดมาก" พัทธดนย์ว่าออกมาแล้วกินบะหมี่ต่อไม่สนใจคนนั่งอมยิ้มด้านตรงข้าม
"เอาอีกไหม?" ชลธารถามคนที่นั่งมองชามบะหมี่เปล่าตรงหน้าที่เกลี้ยงแม้กระทั่งน้ำซุป
"ไม่ล่ะ อิ่มแล้ว"
"งั้นกลับบ้านกัน" ชลธารจ่ายเงินค่าบะหมี่แล้วเดินนำคนประหลาดกลับบ้าน เขาพูดน้อยมาก และท่าทางยังดูหยิ่งยโส แต่หน้าตากลับไร้อารมณ์ความรู้สึก เหมือนคุณเจนวัตรเจ้านายเขาเลยแฮะ เย็นชา หยิ่ง และปากร้าย
พอมาถึงบ้านพินทุอรก็นอนแล้ว ชลธารดึงแขนคนที่ยืนมองหน้าบ้านเขาเข้าไปในบ้าน และลากเข้าห้องนอน รื้อตู้เสื้อผ้าและยัดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นใส่มือเขา
"ไปอาบน้ำซะ ตัวมีแต่ฝุ่นกับเหงื่อ ห้องน้ำอยู่ข้างนอก เดี๋ยวผมจะปูที่นอนให้" ชลธารไล่ พัทธดนย์มองเสื้อผ้าราคาถูกในมือแล้วเดินออกจากห้องนอนตรงไปที่ห้องน้ำ พักใหญ่ก็กลับเข้าห้องมา และพบว่าชลธารปูที่นอนข้างล่างเตียงไว้
"คุณนอนบนเตียงเถอะ ผมจะนอนข้างล่างเอง" ชลธารบอกแล้วหอบเสื้อผ้าเดินออกจากห้องไปอาบน้ำ
พัทธดนย์มองตามหลังชลธารด้วยสายตาแปลกใจ คนประหลาด ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นทั้งที่บ้านเล็กและดูไม่มีเงิน เขาถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง ไหน ๆ ก็ไม่ตายแล้ว ลองอยู่ต่ออีกสักพักก็แล้วกัน เผื่อมันมีอะไรที่ทำให้หายเบื่อได้
สักพักชลธารก็กลับเข้ามาและเห็นพัทธดนย์นอนตะแคงหันหลังให้โดยไม่ห่มผ้า
"หลับแล้วเหรอ? ผ้าก็ไม่ห่ม" ชลธารดึงผ้ามาห่มให้คนที่นอนบนเตียงแล้วก็ลงมานอนที่นอนปิกนิกที่ปูไว้ล่างเตียง