03 - ข้าวเหนียวส้มตำ

2481 คำ
          "ตื่นสายจังนะ" เสียงไม่คุ้นหูทำให้ชลธารเงยหน้ามองต้นเสียงด้วยความแปลกใจ ใครวะนั่น มานั่งบนเตียงกูด้วย แล้วทำไมกูถึงนอนข้างล่างเตียงวะ          "เป็นอะไร? ความจำสั้น?" ผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งบนเตียงชลธารถามขึ้น เมื่อเห็นเขาทำหน้างง          "อ๋อคุณ.. ที่เมื่อคืน" ชลธารจำได้ละ ว่าเมื่อคืนเขาเก็บคนประหลาดได้คนนึงและพากลับบ้านด้วย แต่มันชื่อไรว้า           "พัทธดนย์ เรียกพัทก็ได้" พัทธดนย์มองหน้าชลธาร นอกจากจะประหลาดแล้วยังความจำสั้นด้วยนะนี่           "โอเคคุณพัท เดี๋ยวผมหาเสื้อผ้าให้คุณเปลี่ยนก่อน" ชลธารลุกขึ้นเก็บที่นอนแล้วเปิดตู้เสื้อผ้า เขาหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขายาวมาให้พัทธดนย์ใส่           "คุณสูงกว่าผม แต่ดูขนาดตัวพอ ๆ กับผม น่าจะใส่กางเกงผมได้ ยังไงก็ทนใส่ไปก่อน เดี๋ยวตอนเย็นผมเลิกงานแล้วจะพาไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่" ชลธารบอกแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกห้องไปอาบน้ำ สักพักใหญ่ก็กลับเข้ามา           "ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจะไปทำงานแล้ว คุณก็อยู่ที่บ้านนี่แหละ" ชลธารบอกแล้วแต่งตัวใส่เชิ้ตผูกไท           "คุณนี่ประหลาดดีนะชลธาร ให้ใครก็ไม่รู้มานอนด้วยทั้งคืน ไม่กลัวว่าเขาจะเป็นโจรปล้นแล้วฆ่าเอาเหรอ" พัทธดนย์ถามด้วยความแปลกใจ           "จะปล้นไรล่ะ? ทีวีหรือเตาอบ หรือจะเอาไมโครเวฟดี ตู้เย็นอีกหลังอ่ะ เอาไปเลย" ชลธารหัวเราะ ในบ้านเขามีแค่นี้แหละ นอกจากรถยนต์ของเขาแล้ว เครื่องประดับราคาแพง สร้อย แหวน เงิน ทอง ไม่มีทั้งนั้น เงินที่แม่ได้จากขายขนมก็ไม่ได้มากมายอะไร ขายบ้าง แจกบ้างตามประสาคนมีน้ำใจ กำไรไม่ต้องพูดถึง เขาให้แม่ขายขนมเป็นงานอดิเรกแก้เหงาเท่านั้น           "นั่นสินะ" พัทธดนย์พยักหน้าเห็นด้วย บ้านของชลธารโล่งจริง ๆ รายได้ต่อเดือนคงไม่มาก            "ไปอาบน้ำสิ จะได้ไปกินข้าวกัน" ชลธารไล่           "อืออ เข้าใจละ" พัทธดนย์หอบเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวผืนใหม่เดินออกจากห้อง แล้วเขาก็แปลกใจที่โต๊ะอาหารมีกับข้าวจัดรอไว้แล้ว ใครทำให้กัน ชลธารเหรอ? แต่เขาเพิ่งตื่นเมื่อกี้ งั้นแสดงว่าต้องมีคนอื่นอยู่ร่วมบ้านด้วย แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ? พัทธดนย์มองไปรอบบ้าน และเห็นประตูห้องนอนอีกห้องหนึ่ง คงจะเป็นเจ้าของห้องนี้แหละ           พัทธดนย์อาบน้ำเรียบร้อยก็เดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว เขามองกับข้าวพื้น ๆ อย่างไข่เจียว ผัดผัก และน้ำพริกบนโต๊ะแล้วรับจานใส่ข้าวจากชลธาร           "ใครทำกับข้าวให้?"            "แม่ผมน่ะ จะตื่นเช้ามาทำขนม ทำกับข้าวให้ผม แล้วถึงจะเอาขนมไปขายที่ตลาด" ชลธารตอบ           "แม่เหรอ..." พัทธดนย์มองกับข้าวอีกทีแล้วลงมือกิน ลูกชายทำงานนอกบ้าน แม่ทำขนมไปขายที่ตลาด เป็นคนจนนี่ลำบากเหมือนกันนะ           "คุณพัท เดี๋ยวไปกับผมนะ ไปนั่งเล่นที่ทำงานผม" ชลธารบอก           "ผมไม่อยากไป"           "ไปด้วยกันเถอะ อย่าอยู่บ้านคนเดียวเลยน่า"           "ทำไม? กลัวผมฆ่าแม่คุณแล้วยกเค้าบ้านคุณเหรอ?" พัทธดนย์ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย           "ผมกลัวคุณคิดบ้า ๆ แบบเมื่อคืนต่างหาก เดี๋ยวมาตายในบ้านผม กลายเป็นผีมาหลอกแม่ผมจะทำไงล่ะ แม่ผมยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย" คำบอกของชลธารทำให้พัทธดนย์สำลักข้าว           "เอ๊า! ก่อนจะฆ่าตัวตายมีหวังตายเพราะข้าวติดคอก่อนละมั้ง" ชลธารรีบยื่นแก้วน้ำให้พัทธดนย์           "ขอโทษที แต่คุณจะบอกว่าผีมีจริงเหรอ? เคยเห็นหรือไง?" พัทธดนย์ลูบอกหลังดื่มน้ำไปอึกใหญ่           "ไม่รู้สิ ผมไม่เคยเห็นหรอก" ชลธารไม่ใส่ใจแล้วกินข้าวต่อ           "ผมไม่ทำแล้วน่า ปืนผมคุณก็ทำมันตกน้ำไปแล้ว แล้วผมก็ไม่อยากกระโดดน้ำตายด้วย มันทรมานกว่าจะตาย ศพอืดด้วย จะให้รถสิบล้อชนก็กลัวจะเละแล้วศพไม่สวย จะผูกคอตายก็คงไม่เข้าท่า แก้มพองลิ้นจุกปากตลกน่าดู" พัทธดนย์พูดหน้าตาเฉย           "เออ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ" ชลธารโบกมือ มาพูดอะไรตอนกินข้าวว้าไอ้บ้านี่ "แล้วเอาไง จะไปกับผมไหม?"           "ไม่ไป ผมขอรออยู่ที่บ้าน"           "โอเค งั้นเดี๋ยวผมจะแวะไปบอกแม่ที่ตลาดก่อนไปทำงาน แม่จะได้ไม่ตกใจที่กลับบ้านมาเจอคนแปลกหน้า"           "อืม เข้าใจละ" พัทธดนย์พยักหน้า           หลังมื้อเช้าชลธารก็คว้ากระเป๋าและเสื้อสูทเดินไปที่รถ พอจะเปิดประตูรถพัทธดนย์ก็เรียกไว้           "ชลธาร อย่าบอกใครเรื่องผมได้ไหม"            "ทำไม? กลัวมีคนมาตามหาเหรอ?" ชลธารถามทีเล่นทีจริง           "ใช่ กลัวคนมาตามหา แล้วพาผมกลับไป" พัทธดนย์บอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ได้           "อืม เข้าใจละ จะไม่บอกใครละกัน" ชลธารพยักหน้าแล้วขับรถออกจากบ้านไปทำงาน กลัวเจ้าหนี้มาตามตัวหรือไงหว่า สงสัยจะเคยรวยแล้วเกิดหมดตัวเพราะอะไรสักอย่าง ชลธารคิดเรื่อยเปื่อยจนถึงบริษัท และเขาก็ลืมแวะตลาด!!           พัทธดนย์นั่งแหมะลงที่โซฟาและเปิดทีวีดู เขาไม่รู้จะทำอะไรไปมากกว่านี้แล้ว จะเข้าไปนอนก็ไม่ง่วง ก็เลยเปิดทีวีดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถึงตอนกลางวัน ความว่างจัดที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อดูทีวีที่ไม่มีรายการอะไรน่าสนใจเขาก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาและหลับไป           "ชล วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?" พินทุอรกลับเข้าบ้านมาในตอนกลางวันและพบว่าทีวีเปิดอยู่ และมีใครคนหนึ่งนอนที่โซฟา           "ชล.. ว้าย! ใครเนี่ย!" พินทุอรตกใจและวางถาดขนมลงบนโต๊ะรับแขกอย่างแรงจนคนนอนหลับตกใจตื่น            "ห๊ะ! อะไร!" พัทธดนย์ผวาตื่นมามองเลิ่กลั่ก           "คุณเป็นใคร? มานอนในบ้านได้ยังไง?" พินทุอรถามแล้วขยับตัวหนีด้วยความระแวง เธอไม่เคยเห็นผู้ชายหน้าหล่อคนนี้มาก่อน นอกจากทัตพล กานต์กันต์ กับศรัลรัศม์แล้วชลธารไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลย           "สวัสดีครับ ผมชื่อพัทธดนย์ คุณเป็นแม่ของชลธารใช่ไหม" พัทธดนย์รีบถามเมื่อเห็นหน้าตาตื่นของผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า นี่ชลธารคงไม่ได้บอกเธอล่ะสิ ความจำสั้นจังวะ           "เอ่อ ใช่ ฉันเป็นแม่ของชลธาร แล้วคุณ.. เป็นเพื่อนลูกชายฉันเหรอ?" พินทุอรถามแบบไม่ค่อยแน่ใจ ทำไมไอ้ตัวดีไม่บอกล่ะ ว่ามีเพื่อนมาอยู่บ้าน           "ผมไม่ใช่เพื่อนเขา ผมเพิ่งรู้จักเขาเมื่อคืน แล้วเขาก็พาผมมาพักที่บ้าน"             "เอ่อ.. อืม.. ฉันขอโทรถามลูกชายฉันก่อนนะ" พินทุอรขยับไปใกล้โต๊ะรับแขกแล้วรีบคว้าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าที่วางบนถาดแล้วรีบถอยออกมา ก่อนจะต่อสายหาลูกชายสุดที่รัก           "ไอ้ชล มีคนอยู่ในบ้านเนี่ย เขาบอกว่าเมื่อคืนแกพาเขามานอนที่บ้าน... เออ... นั่นแหละ... แล้วทำไมไม่บอกฉันยะ ตกใจหมด... เออ... ก็ได้ ๆ ซื้อกับข้าวเข้ามาด้วยนะ...8 เออ แค่นี้แหละ" พินทุอรโวยใส่ลูกชายจบแล้วหันมาหาคนที่นั่งมองเธอ           "ตามสบายเลยจ้ะ จะนอนดูทีวีต่อก็ได้" พินทุอรบอกแล้วเก็บถาดขนมบนโต๊ะรับแขกเดินไปทางหลังบ้าน           พัทธดนย์นั่งมองตามหญิงวัยกลางคนที่ใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย เสื้อผู้หญิงราคาถูกตามตลาดนัด กางเกงขายาวสีซีด ผิวพรรณแห้งและหยาบขาดการดูแล ผมยาวที่มีเส้นผมสีขาวแซมถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าที่ไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางใด ๆ ดูยังไงก็แค่หญิงชาวบ้านตามชนบท แต่ดวงตากลับสดใสและมีความสุข           คนจนแบบนี้ก็มีความสุขงั้นเหรอ ทั้งที่ในบ้านไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลยแถมยังต้องทำงานหนักด้วย ต้องตื่นแต่เช้ามืดทำขนมไปขาย ทำอาหารให้ลูกชาย ชลธารก็ต้องตื่นเช้าไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและแม่ แต่เขาก็ดูอารมณ์ดีและมีความสุข           ทำไมถึงมีความสุขล่ะ...           พัทธดนย์ไม่เข้าใจสักนิด เขาเกิดมาท่ามกลางทรัพย์สมบัติมหาศาลและความสุขสบายทุกอย่าง ที่แม้จะไม่ต้องทำอะไรก็ไม่อดตาย แต่กลับถูกปลูกฝังให้ทำงานหนักและแสวงหาเงินทองความร่ำรวยให้มากขึ้น ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องยากในการบริหารธุรกิจ แต่สำหรับเขามันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก และเขาไม่เคยชอบมันเลย            พินทุอรเดินไปหลังบ้านและล้างจานชามที่ชลธารเอาวางไว้ก่อนออกไปทำงานและล้างถาดขนมจนสะอาดวางคว่ำไว้ จากนั้นก็ทำความสะอาดบ้านและซักผ้า เธอเดินเข้าไปในห้องลูกชายและหอบตะกร้าผ้าใช้แล้วที่มีเสื้อผ้าของพัทธดนย์รวมอยู่ออกมาซักตากไว้หลังบ้าน และทุกการกระทำของเธอก็อยู่ในสายตาของพัทธดนย์ที่นั่งมองอยู่ตลอดเวลา           "หิวไหม บ่ายโมงแล้วนี่" พินทุอรถามผู้ชายหน้าหล่อที่ลูกชายเธอเก็บมา เขาหล่อมาก แต่หน้าตานิ่งเหมือนคนไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไร           "ผมไม่มีเงิน"           "เอาเถอะน่า กินอะไรดี ข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างไหม เจ้านี้แซ่บมากเลยนะ ไม่แพงด้วย"           "ตามใจคุณ"           "งั้นฉันจะออกไปซื้อมาให้นะ รอแป๊บเดียว" พินทุอรบอกแล้วเดินออกจากบ้าน เธอชำเลืองมองคนที่ลูกชายเก็บมาแล้วถอนใจ ผู้ชายคนนี้ประหลาดเหมือนที่ลูกชายเธอบอกเลย พูดน้อยมาก หน้าตาก็นิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา แถมยังนั่งนิ่งที่โซฟาไม่ยอมขยับไปไหน สติดีหรือเปล่าหว่า           พินทุอรไม่รู้ว่าคนประหลาดในบ้านจะกินเผ็ดไหม เธอจึงสั่งตำไทยไม่เผ็ด และตำปูปลาร้าอย่างละครก พร้อมไก่ย่างครึ่งตัวและข้าวเหนียวสองห่อ พอได้ของครบตามที่ต้องการเธอก็กลับบ้าน และพบว่าพัทธดนย์ยังนั่งที่เดิมเหมือนไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ เธอเดินเข้าครัว จัดการแกะห่อส้มตำไก่ย่างใส่จานยกมาวางบนโต๊ะ และเรียกคนหน้านิ่งมากินข้าว           "คุณพัท มากินข้าวเถอะ บ่ายโมงกว่าแล้ว"           พัทธดนย์ลุกจากโซฟาเดินมาที่โต๊ะอาหาร เขามองส้มตำไก่ย่างและข้าวเหนียวใส่ห่อตรงหน้าแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ แต่เขาไม่ได้หยิบห่อข้าวเหนียวมาเปิด เพียงแค่นั่งมองเฉย ๆ ผิดกับพินทุอรที่หยิบข้าวเหนียวในห่อมากินกับส้มตำและฉีกไก่ย่างกินด้วยความอร่อย           "อ้าว ทำไมไม่กินล่ะคุณ หรือไม่ชอบส้มตำ?" พินทุอรถามด้วยความแปลกใจ           "มีจานกับช้อนส้อมไหม ผมไม่เคยกินแบบนี้"           "หา? จะเอาจานกับช้อนส้อมเหรอ?" พินทุอรงงระดับสิบ แต่เมื่อมองหน้านิ่งจริงจังของอีกฝ่ายแล้วเธอก็รีบลุก            "เอ่อ รอเดี๋ยวนะ" พินทุอรรีบลุกจากเก้าอี้ไปหยิบจานมาให้พัทธดนย์           "ขอบคุณครับ" พัทธดนย์แกะห่อข้าวเหนียวแล้วเทลงจาน เขาใช้ช้อนกับส้อมตักข้าวเหนียวออกมาเป็นคำ ตักส้มตำในจานวาง แล้วตักใส่ปาก จากนั้นก็ใช้ช้อนส้อมตักไก่ย่างชิ้นหนึ่งมาใส่จาน แคะเนื้อไก่ออกจากกระดูกแล้วจึงตักใส่ปาก           พินทุอรมองคนนั่งด้านตรงข้ามด้วยอาการอึ้ง แค่กินข้าวเหนียวก็ใช้ช้อนส้อม โคตรจะผู้ดีเลยเว้ย หมอนี่หลุดมาจากโลกไหนวะ เอ๊ย! หลุดมาจากโรงพยาบาลไหนวะ ไอ้ชลไปเก็บคนสติไม่ดีมาแน่เลย           "นี่เรียกว่าส้มตำใช่ไหม ก็อร่อยดีนะ เนื้อไก่ย่างแห้งไป แต่รสชาติใช้ได้"           "งั้นเหรอ" พินทุอรกะพริบตาปริบ ๆ มองคนประหลาดกินข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างแบบสุภาพมาก แถมมือไม่เปื้อนสักนิด ดีนะที่ให้แม่ค้าสับไก่เป็นชิ้น ๆ มาให้ ถ้าเจอไก่ครึ่งตัวไม่สับแบบที่ชลธารชอบซื้อมาฉีกกินเล่นล่ะก็ คงได้กินแค่ข้าวเหนียวกับส้มตำแน่           "ส้มตำสองจานนี้ไม่เหมือนกันเหรอ คนละสูตรเหรอ?" พัทธดนย์มองจานส้มตำตรงหน้าเขากับตรงหน้าพินทุอรที่มีลักษณะต่างกันนิดหน่อย           "อ๋อ ของฉันเป็นตำปูปลาร้าน่ะ ของคุณคือตำไทย" พินทุอรตอบแล้วกินต่อ           "ปลาร้า? ปลาที่เอามาหมักจนเน่าน่ะเหรอ? มันกินได้เหรอ? ไม่เหม็นเหรอ?"           "เอ่อ.. ก็กินได้นะ แต่เหม็นนี่.. แล้วแต่คนมั้ง" พินทุอรเริ่มปวดกะโหลก หมอนี่นอกจากจะผู้ดี๊ ผู้ดี แล้วยังเหมือนจะไม่รู้อะไรสักอย่าง เป็นออทิสติกด้วยไหมวะ           "งั้นเหรอ" พัทธดนย์มองส้มตำปูปลาร้าในจานของพินทุอรด้วยความแปลกใจ ส่วนประกอบอย่างอื่นในจานส้มตำสองจานนี้ต่างกันเพียงแค่ ถั่วลิสงคั่วและกุ้งแห้งตัวเล็กในจานเขา กับปูตัวเล็กสีเข้มและปลาตัวเล็กที่ดูไม่น่ากินสักนิดในจานพินทุอร           เขารู้ว่าปลาร้าเป็นอาหารของคนอิสานและคนเหนือ แต่ไม่เคยเห็นหรือใกล้ชิด เพราะที่บ้านเขาไม่มีใครกินปลาร้า แถมแม่กับสุชาวดีคู่หมั้นสาวรังเกียจปลาร้าที่สุด โดยให้เหตุผลว่ามันเหม็นและเป็นของชั้นต่ำ ถ้าคนรับใช้คนไหนในบ้านแอบกินปลาร้าเมื่อไหร่ต้องถูกไล่ออกทันทีแต่ตอนนี้คนตรงหน้าเขา กลับกินส้มตำปูปลาร้ากลิ่นแรงด้วยความอร่อย มันกลิ่นแรงจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้เหม็นอะไรมากมายจนแสบจมูกเหมือนน้ำหอมชั้นดีราคาแพงที่แม่กับคู่หมั้นเขาใช้           "สนใจเหรอ ลองกินไหมล่ะ?" พินทุอรเลื่อนจานส้มตำปูปลาร้ามาตรงหน้าคนหน้านิ่ง           "ไม่เป็นไร คุณกินเถอะ" พัทธดนย์เลิกสนใจส้มตำในจานของพินทุอรแล้วกินในส่วนของเขาต่อ และนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้กินส้มตำอาหารของคนทั่วไป ไม่ใช่อาหารร้านหรูมีระดับหรืออาหารราคาแพงในภัตตาคาร           พินทุอรมองชายหนุ่มที่ดูอายุมากกว่าลูกชายเธอไม่กี่ปีแล้วจัดการมื้อกลางวันต่อ คนท่าทางผู้ดีแบบนี้คงไม่กินปลาร้าหรอก แถมไม่มีช้อนกลางให้ด้วย และเธอก็ใช้ช้อนตักส้มตำในจานใส่ปากโดยตรง คงจะรังเกียจละมั้ง            
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม