บทที่ 10 ไม่สามารถขัดขืนได้

2093 คำ
เมื่อได้รับคำสั่งแน่ชัดแล้ว จ้าวเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการ­แต่งงานในครั้งนี้ เพราะต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นาง ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี และแม้จะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้นางจะต้องออกเรือน แต่เรื่องการแต่งงานของนางคงต้องเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งอยู่ดี เนื่องจากท่านแม่คงไม่ยินยอม จ้าวเยว่เดินมาที่บ่อปลาในสวนหลังจวนอีกเช่นเคย เนื่องจากทุกครั้งที่นางรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ชอบใจ น้อยใจ หรือว่าโกรธ ก็จะมาสนทนากับเหล่าสหายปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ตรงนี้เสมอ ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่ปลา ไม่สามารถกล่าววาจาโต้ตอบใด ๆ ได้ก็จริง แต่เมื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกมันฟังแล้ว พวกมันก็จะรับฟังแต่โดยดี จนนางรู้สึกสบายใจขึ้น จ้าวเยว่นั่งลงที่ข้างบ่อปลา หยิบกิ่งไม้ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาแล้ว­ตีน้ำเบา ๆ “เจ้าปลาทั้งหลาย พวกเจ้าคิดว่าเรื่องของข้านั้นน่า­เป็นกังวลหรือไม่ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ เป็น­อะไรที่ข้าไม่ยินดียินร้ายเอาเสียเลย ข้ารู้สึกลึก ๆ ว่าตนเองไม่ได้­อยากจะแต่งงานเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม หรือว่าหัวใจของข้าจะด้านชาไปเสียแล้ว อีกอย่าง ถ้าข้าออกเรือนไป จะทำอย่างไรกับพวกเจ้าดี เอาพวกเจ้าไปด้วยดีหรือไม่” “คุณหนูกลับห้องเถิดเจ้าค่ะ อากาศมันเริ่มจะเย็นแล้ว อย่ามัวนั่งตากน้ำค้างอยู่เลย” ผิงผิงเดินมาจากทางห้องโถง พร้อมกับส่งเสียงก่อนที่ตัวของนางจะเดินมาถึงจุดที่จ้าวเยว่นั่งอยู่ จ้าวเยว่ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปตอบ “ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าขอบอกลาเจ้าปลาพวกนี้ก่อน” เมื่อบอกลาพวกปลาแล้ว จ้าวเยว่กับผิงผิงก็เดินตรงไปยังเรือนของตน ระหว่างทางจากสวนหลังจวนไปยังห้องนอนนั้นต้อง­ผ่านประตูหลังที่พวกนางมักใช้แอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นประจำ “จ้าวเยว่ / ท่านพี่เยว่” เสียงของหนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรีดังขึ้น เป็นเสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบ จ้าวเยว่มองไปรอบ ๆ เพื่อตามหาเสียงนั้น ก็ปรากฏว่าเป็นเซียวเฟิงกับซูหนิงกำลังปีนกำแพงรั้ว และตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะยื่น­หน้าเข้ามาด้านในจวน “จ้าวเยว่ เปิดประตูให้กับพวกเราเร็ว” เซียวเฟิงรีบบอก ส่วนซูหนิงนั้นกำลังทำตาปริบ ๆ อยู่ข้าง ๆ “พวกเจ้ามาได้อย่างไร” จ้าวเยว่เอ่ยถามเสียงเบา เนื่องจากกลัวบ่าวไพร่ที่เดินมาบริเวณนี้จะได้ยินเข้า “อย่าเพิ่งถามเลย ช่วยเปิดประตูให้พวกข้าเข้าไปก่อนเถิด เดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้าเสียก่อน” เซียวเฟิงรีบย้ำเรื่องเปิดประตู ส่วนเรื่องอื่นค่อยเข้าไปคุยในเรือนดีกว่าหรือไม่ “นั่นสิท่านพี่เยว่ ข้าจะตกอยู่แล้ว” ซูหนิงเองก็เร่งเร้าด้วยเช่นกัน เนื่องจากเวลานี้นางกำลังเกาะ­กำแพงอยู่ หากเกิดพลัดตกลงไปสภาพคงดูไม่ได้ จ้าวเยว่ได้ยินวาจาเร่งเร้าของทั้งสองคน จึงมองซ้ายมองขวา พอดูว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น จึงรีบเปิดประตูให้ทันที โดยมีผิงผิง สาว­ใช้คนสนิทเป็นคนดูต้นทาง ทันทีที่เปิดประตูให้สหายทั้งสองคนเข้ามาแล้ว จ้าวเยว่จึงได้­เอ่ยขึ้น “รีบเข้าไปที่เรือนของข้าก่อน” กล่าวจบจ้าวเยว่จึงได้รีบพาสหายทั้งสองแอบย่องเข้าไปที่เรือนนอนของตนเอง หลังจากที่เข้ามาในเรือนนอน และได้ปิดประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนทั้งสี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาต่างมองหน้ากันไปมา จากนั้นจ้าวเยว่ก็รอให้สองคนเอ่ยออกมาก่อน ว่ามาหานางถึงจวนเยี่ยงนี้เพราะเหตุใด “ให้ผิงผิงออกไปข้างนอกก่อนหรือไม่เจ้าคะ” ผิงผิงเอ่ยถามขึ้นมา นางคิดว่านี่คือเรื่องของเจ้านาย คงไม่ใช่เรื่องที่สมควรนัก ถ้าหากนางจะอยู่ฟังด้วย แต่ทว่าซูหนิงกลับยกมือขึ้นมาห้ามไว้เสียก่อน “ไม่ต้องไปหรอก เจ้าอยู่ที่นี่แหละ เผื่อว่ามีเรื่องอันใดที่พวกข้าต้องการขอความช่วยเหลือจากเจ้า จะได้ไม่ต้องเรียกให้ยุ่งยาก” “เจ้าค่ะ” ผิงผิงตอบรับและขยับไปนั่งฟังเงียบ ๆ จ้าวเยว่พอจะเดาได้ว่าการที่สหายทั้งสองมาหาถึงเรือนนั้น น่าจะเป็นเพราะข่าวลือเรื่องสมรสพระราชทานของตน จึงได้เอ่ยกับทั้งสองไปอย่างไม่อ้อมค้อม “สาเหตุที่พวกเจ้าชวนกันมาหาข้าในวันนี้ คงเป็นเพราะเรื่องที่ข้าจะต้องแต่งงานใช่หรือไม่” “ใช่!!” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย “เป็นเรื่องจริงหรือไม่” เซียวเฟิงถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ในใจนั้นภาวนาให้เรื่องนี้เป็นเพียงข่าวลือ เขามีสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างชัดเจน ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะพระราชทานสมรสให้กับจ้าวเยว่ และก็ไม่คิดว่าเจ้าบ่าวจะเป็นเสวี่ยช่างเจิ้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะทั้งตระกลูจ้าวกับตระกูลเสวี่ย แทบจะไม่ได้ไปมาหาสู่กันเลย คนที่แต่งกับจ้าว­เยว่สมควรจะเป็นตระกูลเซียวมากกว่า และเจ้าบ่าวก็สมควรที่จะเป็นเขา “เป็นเรื่องจริง ท่านพ่อบอกกับข้าด้วยตัวเอง” จ้าวเยว่ตอบกลับอย่างเนือย ๆ เหมือนนางไม่มีความยินดีหรือทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้เลย “แล้วท่านพี่เยว่รู้สึกอย่างไรบ้าง” ซูหนิงถามความรู้สึกของจ้าวเยว่ เพราะนางห่วงใยอีกฝ่ายไม่น้อย พอฟังคำถามของซูหนิงแล้ว จ้าวเยว่ก็มีสีหน้าที่เศร้าขึ้นมา หญิงสาวนั่งคอตกอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ข้าอุตส่าห์ทำตัวให้มีชื่อเสียงที่ไม่ดีแล้ว ทำตัวขี้เกียจจนได้ฉายาว่าเป็นสตรีเกียจคร้านอันดับหนึ่งแห่งเมืองหมิงเว่ย และชื่อเสียงของข้า ที่เป็นสตรีเกียจคร้านอันดับหนึ่งคงดังทั่วแผ่นดินของฉางอันแล้ว ข้าพยายามอย่าง­มากเพื่อให้ตนเองเป็นสตรีที่ไม่มีความเป็นกุลสตรี ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวข้าได้ออกเรือน แต่ก็ยังมิวายถูกจับแต่งงานอยู่ดี พวกเจ้าคิดว่าข้าจะรู้สึกอย่างไรเล่า” จ้าวเยว่กล่าวขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย นางพยายามทำทุกอย่างเพื่อทำให้ชื่อเสียงไม่ดีเพื่อจะได้อยู่กับครอบครัวไปจนแก่ แต่ใครจะคิดกันละว่าสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้จะตกลงมาบนหัวตนเอง “ข้าเห็นใจเจ้ายิ่งนัก แต่ว่าเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” เซียวเฟิงถามกลับบ้าง เขาเห็นใจทั้งตัวนางและตัวเขาเอง จ้าวเยว่ได้แต่ถอนหายใจ แต่ยังไม่ได้ตอบคำ ซูหนิงก็รีบชิงตอบขึ้นมาแทน “จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเป็นพระราชโองการของฮ่องเต้ ท่านมีสิทธิ์ขัดขืนได้หรืออย่างไร” เซียวเฟิงทำท่าคิดอยู่สักครู่ ก่อนที่จะถามเมื่อตัดสินใจได้ “เจ้ายินดีที่จะหนีไปกับข้าหรือไม่ ข้าจะพาเจ้าหนีไปให้ไกลที่สุด เราออกจากแผ่นดินฉางอัน ไปอยู่กับชนเผ่าที่ไหนสักแห่งก็ได้” ซูหนิงนิ่วหน้าใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจในความคิดของอีกฝ่ายว่า “ตระกูลเซียวนี่มีแต่คน­อยาก­ตายกันหรืออย่างไรกันนะ คิดอะไรแต่ละครั้งมีแต่เรื่องรนหาที่ตาย คิด­หรือไม่ แม้ว่าท่านพาท่านพี่เยว่หนีรอดไป­ได้ แต่บิดามารดาของท่าน และบิดามารดาของท่านพี่เยว่ จะพ้นโทษประหารหรือ­อย่างไรกัน” “นี่เจ้า...” เซียวเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็หันมาจะเอาเรื่องซูหนิง “พอ ๆ พวกเจ้าทั้งสองเลิกเถียงกันได้แล้ว แทนที่จะมาปลอบข้า กลับมาสร้างความปวดหัวให้ข้าเสียนี่” จ้าวเยว่เอ่ยแทรกขึ้นมา พลางถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม นางรู้อยู่­แก่ใจดีว่าสหายทั้งสองคงไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ว่าการที่มีสหาย ย่อมดีกว่าไม่มี มิใช่หรือ ในขณะนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าของคนเดินดังมาจากทางหน้า­ห้อง และดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงคนเดียว จ้าวเยว่กลัวว่าจะเป็นบิดามารดาของตน จึงได้ไล่ให้เซียวเฟิงกับซูหนิงหลบไปก่อน เขาทั้งสองจึงวิ่งไปหลบข้างหลังหีบเก็บเสื้อผ้าใบ­หนึ่งตรงมุมห้อง “ผิงผิงออกไปดูว่าใครมา แล้วช่วยกันพวกเขาไว้ด้วย จนกว่าข้าจะบอกว่าเข้ามาได้” จ้าวเยว่สั่งความ พลางส่งสายตาให้แก่สาวใช้คนสนิท “เจ้าค่ะ” พอผิงผิงออกไปดู ก็พบว่าเป็นคุณชายใหญ่กับคุณชายรอง จึงทำทีเป็นเอ่ยทักทายเสียงดังเพื่อให้คุณหนูของตนได้ยิน “คุณชายใหญ่กับคุณชายรอง มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” “พวกเรามีเรื่องจะคุยกับน้องสามเล็กน้อย เจ้าเปิดประตูเถอะ” จ้าวหลู่เจินเอ่ยกับผิงผิงสาวใช้คนสนิทของจ้าวเยว่ “คุณหนูเจ้าคะ คุณชายทั้งสองมาขอพบเจ้าค่ะ ให้เข้าไปได้เลยหรือไม่เจ้าคะ” ผิงผิงแกล้งตะโกนถามนายสาวเสียงดัง เมื่อดูว่าเซียวเฟิงกับซูหนิงซ่อนตัวเรียบร้อยแล้ว จ้าวเยว่จึงได้อนุญาตให้พี่ชายของตนเข้ามาให้ห้องได้ “ให้เข้ามาได้” จ้าวเยว่ขึ้นเสียงดัง เพื่อให้ทั้งสองคนที่หลบอยู่รู้ว่ากำลังมีคนจะเข้ามาในห้อง “เจ้าทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่คนเดียว เหตุใดจึงได้เปิดประตูช้านัก” จ้าวอวี้เฉินถามน้องสาวขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องนอนของนาง “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าแค่รู้สึกจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไร เลยนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปลื่อย” จ้าวเยว่ตอบกลับเรียบ ๆ แววตาของนางฉายแววอ่อนล้า จ้าวหลู่เจินกับจ้าวอวี้เฉินนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับนาง พวกเขานิ่งไม่เอ่ยวาจาอยู่สักพัก เพราะไม่รู้จะให้ใครเริ่มก่อนดี ในที่สุดด้วยฐานะของความเป็นพี่ใหญ่ จ้าวหลู่เจินจึงเอ่ยขึ้นมาก่อน “น้องสาม เรื่องของเจ้าวันนี้ พวกข้าเองก็รู้ว่าเจ้าไม่สบายใจ และที่จริงแล้ว เจ้าไม่ได้อยากแต่งงาน แต่ว่าก็ไม่มีหนทางใดที่จะทำ­ได้แล้ว พวกเราจึงจะมาบอกให้เจ้าทำใจเสียเถิด” “ใช่ ถึงแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานที่เจ้าไม่ได้เต็มใจ แต่ก็ถือว่าเป็นการแต่งงานที่ดีอยู่ไม่น้อย ว่าที่สามีของเจ้านั้นก็ไม่ธรรมดา ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพใหญ่ฝ่ายซ้าย ด้วยความสามารถของเขา อีกไม่นานตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ต้องตกเป็นของเขาแน่” จ้าวอวี้เฉินกล่าวเสริม พวกเขาหวังจะใช้เรื่องนี้ปลอบโยนน้องสาวเพียงคนเดียวของตนเอง “อือ” จ้าวเยว่ทำเพียงตอบรับในลำคอ นางเอาคางเกยกับขอบโต๊ะอย่างคนหมดหวัง “นี่น้องสาม เจ้าช่วยร่าเริงหน่อยได้หรือไม่ พวกข้าพยายามเอ่ยข้อดีของว่าที่สามีเจ้าอยู่นะ” จ้าวอวี้เฉินกล่าวตัดพ้อ เพราะท่าทีของน้องสาวไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย จ้าวเยว่ยืดตัวขึ้นมาจากโต๊ะ พลางมองไปที่พี่ชายทั้งสองคน “ข้ารู้ ๆ ว่าเขาน่ะมีข้อดีมากมาย แต่ข้อดีของเขาสำคัญอย่างไรกับข้ากันเล่า เขาเป็นรองแม่ทัพใหญ่ฝ่ายซ้าย ข้าแต่งเข้าไปแล้วก็ไม่ได้เป็นรองแม่ทัพใหญ่ฝ่ายขวาตามเขาไปเสียหน่อย” ทั้งจ้าวหลู่เจินและจ้าวอวี้เฉินต่างก็ได้แต่ถอนหายใจ พวกเขาพยายามทำอย่างถึงที่สุด แต่น้องสาวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสดใสขึ้นอยู่ดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม