หลินหลีเหว่ยในคราบชายขอทานวิ่งเร็วรี่มาหาเหลียนเฟิน ดวงตาเบิกโต สีหน้าหวาดกลัว แกล้งตบตา
แม้เหลียนเฟินและหลวนเล่อปลอมตัวเป็นชาวเมืองเฟิง แต่หากเรียกกระบี่เงินสลักลายคู่กายออกมาแล้ว ทุกคนย่อมรู้ว่าพวกเขาเป็นศิษย์วังธาราเหมันต์
“ท่านนักพรตช่วยข้าด้วย” เขาตะโกนเสียงดัง แล้วรีบวิ่งมาคุกเข่าต่อหน้าเหลียนเฟิน
“เกิดอันใดกับเจ้า” หลวนเล่อถามชายขอทาน
“คนผู้นั้น จู่ ๆ ก็เข้ามาทำร้ายข้า พยายามถลกหนังหน้าข้าออกไป ท่านนักพรตช่วยข้าด้วยเถิด ข้ากลัวไปหมดแล้ว” หลินหลีเหว่ยใช้มารยาของตนหลอกล่อให้ศิษย์วังธาราเหมันต์ตายใจ
“ถลกหนังหน้าเจ้าน่ะหรือ มีดีตรงไหนกัน” หวังเยี่ยนหลงที่เพิ่งมาถึงหยุดอยู่ตรงหน้าทุกคนหัวเราะร่า สมเพชละครหลอกเด็กของหลินหลีเหว่ย
“ข้าไม่รู้ คนดี ๆ ที่ไหนจะมาทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นปีศาจที่ผู้คนเล่าลือกันหรือ” หลินหลีเหว่ยได้ทีใส่ความเติมเชื้อเพลิงความเลวร้ายของหวังเยี่ยนหลง “ต้องใช่แน่ ๆ เจ้าต้องเป็นปีศาจตัวนั้นแน่ ๆ”
เขาทำท่าทางกลัวจนตัวสั่นรีบวิ่งมาเกาะขาของเหลียนเฟิน หลบสายตาไม่มองหน้าหวังเยี่ยนหลง
“ถอยไป!” หวังเยี่ยนหลงตวาดเหลียนเฟินที่ยังคงยกปลายกระบี่ชี้มาทางเขา
“ไม่!” ศิษย์ผู้นี้ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ตอบกลับเขาสั้น ๆ
“ข้ามีเรื่องต้องสะสางกับมัน ถอยไป!” สีหน้าหวังเยี่ยนหลงดูหงุดหงิดจนใครที่เห็นอย่าได้คิดจะเข้ามาขวาง พลอยทำให้หลวนเล่อสะดุ้งตกใจไปด้วย
“ใจดำอำมหิตเพียงนี้ยังเรียกว่าเป็นคนได้หรือ ท่านนักพรตช่วยข้าด้วย คนผู้นั้นอาจจะเป็นปีศาจเปลี่ยนโฉมล่อลวงท่านอยู่ก็ได้”
เหลียนเฟินฟังสิ่งที่หลินหลีเหว่ยพูดแล้วคิดตาม หากเป็นปีศาจอย่างที่เขาบอก เหตุใดจึงมองไม่เห็นปราณมารในตัวคนตรงหน้า หากเป็นเช่นนั้นคงพอจะคิดได้ว่ายังเป็นมนุษย์อยู่กระมัง
“เจ้ามีเรื่องอันใดกับเขาถึงขั้นต้องทำร้ายร่างกาย” เหลียนเฟินเอ่ยถามคนหน้าบึ้ง
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า อย่ามาขวางข้า” สายตาหวังเยี่ยนหลงเปลี่ยนไป พลันกระบี่ของเขาปรากฏอยู่ข้างกายคิดจะปลิดชีพทุกคนในที่นั้น
“ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย” หลินหลีเหว่ยหันไปเกาะขาของหลวนเล่อบ้าง ตั้งใจให้คนทั้งสองช่วยสังหารศัตรู
“ศิษย์พี่” เหลียนเฟินเอ่ยปากเพียงเท่านี้ หลวนเล่อก็รู้ว่าเขาหมายถึงสิ่งใดจึงพาชายขอทานจำแลงถอยออกมาทางด้านหลัง มือกำด้ามกระบี่ไว้แน่น
หวังเยี่ยนหลงไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่ายอาคมบังคับกระบี่พุ่งไปที่หัวใจของเหลียนเฟินในพริบตา ทว่า ศิษย์สำนักผู้มีฝีมือเก่งกาจลำดับที่สามย่อมไม่แพ้ง่าย ๆ
ทั้งสองคนผลัดกันรับผลัดกันโจมตีอยู่พักหนึ่ง จนหวังเยี่ยนหลงเริ่มหมดความอดทนกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างเหลียนเฟินเต็มแก่ จึงร่ายอาคมอ่านความคิดของเขาเพื่อหาหนทางจัดการสิ่งเกะกะไปให้พ้นหูพ้นตา
ง้างกระบี่ฟาดลงทางด้านขวา แล้วเอี้ยวตัวไปทางด้านหลัง เล็งที่ข้อเท้าด้านซ้ายแล้วฟันเข้าที่หน้าท้อง เสียงความคิดของเหลียนเฟินกำลังวางแผนจัดกระบวนท่า
หวังเยี่ยนหลงเลิกคิ้วยักยิ้ม ความโมโหหายไปเกือบครึ่งเพราะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
กระนั้นแล้ว สิ่งที่เขาคิดกลับไม่เป็นเช่นนั้น แทนที่เหลียนเฟินจะง้างกระบี่ฟาดลงด้านขวา เขากลับฟาดลงทางด้านซ้ายแทน กระบวนท่าต่อจากนั้นควรจะเป็นเล็งข้อเท้าก่อนฟันหน้าท้อง เขาดันเลือกฟันเข้าที่หน้าท้องก่อนข้อเท้า
เจ้าเด็กนี่กำลังปั่นหัวข้าอยู่หรือ จากที่เมื่อครู่เริ่มยิ้มได้บ้างเพราะคิดว่าจะจัดการตัวปัญหาได้ เวลานี้หวังเยี่ยนหลงเริ่มมีน้ำโหขึ้นกว่าเท่าตัว
เขาตั้งใจอ่านความคิดของเหลียนเฟินอีกครั้ง และลองทำเช่นเดิมอย่างเมื่อครู่ เหตุการณ์ต่อมากลายเป็นว่า เหลียนเฟินไม่ได้ทำตามที่คิดแม้แต่อย่างเดียว มิหนำซ้ำรอบนี้ร่างกายของเขายังได้แผลจากคมกระบี่ของเหลียนเฟินอีกหลายแห่ง
หลินหลีเหว่ยกระหยิ่มยิ้มคิดในใจว่านักพรตผู้นี้เก่งกาจเสียจริง สามารถทำให้หวังเยี่ยนหลงเลือดตกยางออกได้ เขาจึงคิดเกาะติดเหลียนเฟินจนกว่าตนเองจะปลอดภัย
หวังเยี่ยนหลงรู้สึกเจ็บใจที่พลาดท่าให้เหลียนเฟิน เวลานี้พลังปราณของเขาไม่กล้าแข็งเท่ายามปกติเพราะคอยระบายออกไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งคืนก่อนยังปลดปล่อยปราณมารไปบางส่วนเพื่อหลอกล่อหลินหลีเหว่ย เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้ามาประจันหน้ากับเขาด้วยซ้ำ
ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นจนไม่อาจเก็บสีหน้าเอาไว้ได้ หางตาเหลือบเห็นหลินหลีเหว่ยกำลังเย้ยหยันเขาอยู่ก็ยิ่งทวีความโมโห กระบวนท่าและอาคมต่าง ๆ ถูกร่ายออกมาไม่หยุดแต่กระนั้นเหลียนเฟินกลับปัดป้องการโจมตีได้ทั้งหมด จากนั้นจึงถึงคราวที่เหลียนเฟินจะสู้กลับบ้าง กระบวนท่ากระบี่อันอ่อนช้อยแต่พลังรุนแรงกระหน่ำใส่หวังเยี่ยนหลงไม่ขาดสาย
เหลียนเฟินเองก็รู้สึกสงสัยว่าเหตุใดคนตรงหน้าถึงรับการโจมตีของเขาได้ราวกับว่าเคยประมือกันมาก่อนหน้านี้
กระบี่เงินสลักลาย กระบวนท่าเช่นนี้ หวังเยี่ยนหลงคิดถึงใครบางคนที่เขาเคยสู้ด้วย มารดามันเถอะ! ศิษย์วังธาราเหมันต์
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับผู้ใด แต่เมื่อสังเกตเหลียนเฟินอย่างละเอียดแล้ว อย่างไรฝีมือของศิษย์ตรงหน้าก็ยังไม่เท่าคนผู้นั้น ดูเผิน ๆ เหมือนเพิ่งจะผ่านขั้นกลาง ดังนั้นแล้วหวังเยี่ยนหลงจึงเริ่มใช้กระบวนท่าที่สูงกว่านั้น
หวังเยี่ยนหลงร่ายอาคมสั่งการกระบี่ให้โจมตีหลวนเล่อกับหลินหลีเหว่ย ส่วนตัวเขาใช้วิชาที่เคยฝึกมาเข้าประชิดสู้กับเหลียนเฟินตัวต่อตัว
“ศิษย์พี่!” เหลียนเฟินส่งกระบี่ของเขาเข้ามาขวางเพื่อปกป้องนาง แล้วร่ายอาคมสายสีขาวกั้นเป็นเกราะกำบัง
จังหวะที่เขาไม่ทันได้ระวังตัวจึงมีคนฉวยโอกาสเข้าใกล้มากกว่าเคย ปลายนิ้วของเขาเผลอแตะแก้มเหลียนเฟิน ยามที่เจ้าตัวหันหน้ามาสบสายตากับเขาพอดิบพอดี
แววตาของหวังเยี่ยนหลงวูบไหว เปิดโอกาสให้เหลียนเฟินร่ายวิชาอัดพลังใส่ร่างของเขาเต็มเหนี่ยวจนกระอักเลือด
หัวใจที่เคยด้านชาราวกับมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด หวังเยี่ยน หลงไม่เข้าใจว่าตนเองมีสิ่งใดผิดปกติไปจึงถอยหนึ่งก้าวแล้วหลบหนีไปจากที่นั่น
เหลียนเฟินรีบไปหาหลวนเล่อ “ศิษย์พี่ บาดเจ็บที่ใดหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าอย่าได้กังวล” หลวนเล่อยิ้มให้เขา
“แต่ข้าบาดเจ็บ หูย แสบไปหมดแล้ว” เสียงของชายขอทานดังขึ้นเรียกร้องความสนใจ
“เช่นนั้นรักษาแผลให้เขา แล้วพาไปส่งศาลาว่าการดีหรือไม่” หลวนเล่อถามความเห็นของศิษย์น้อง
“ดีขอรับ อย่างน้อยที่นั่นก็มีทหารอารักขาพอสมควร ข้าอยากถามเบาะแสเพิ่มเติมด้วย” เหลียนเฟินครุ่นคิด
“ท่านนักพรต ข้าอยู่กับท่านไม่ได้หรือ ข้ากลัวคนผู้นั้นจะกลับมาทำร้ายข้าอีก หากเขาเป็นปีศาจเล่า ข้ายังไม่อยากตาย ช่วยพาข้าไปด้วยเถิดขอรับ ข้ากลัวจริง ๆ” หลินหลีเหว่ยแสดงละครให้สมบทบาทเพราะมีแผนใหม่ในใจ
ครั้นเห็นว่าทั้งสองคนไม่ตอบตกลงเสียทีจึงทำท่าจะร้องไห้กราบแทบเท้าให้เห็นใจ
“ก็ได้ ๆ คืนนี้เจ้าไปกับพวกข้าก็ได้” หลวนเล่อรีบบอก
จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินกลับโรงเตี๊ยม หลินหลีเหว่ยได้นอนในห้องว่างใกล้กับห้องเหลียนเฟิน
“ศิษย์พี่ ท่านนอนหลับให้สบายเถิด ข้าจะเฝ้ายามต่อเอง” เหลียนเฟินบอกนางก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้อง
เขาร่ายอาคมป้องกันแล้วนั่งฟื้นพลังปราณที่เสียไปอย่างเงียบ ๆ
ห้องเล็กทางด้านซ้ายมีเสียงกุกกักเบา ๆ หลินหลีเหว่ยกำลังร่ายอาคมจุดกำยานส่งผ่านมาที่ห้องของเหลียนเฟิน
กลิ่นของมันชวนให้ง่วงเหงาหาวนอนจนเหลียนเฟินต้องเอนกายนอนบนเตียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ครั้นแน่ใจแล้วว่าเป้าหมายหลับลึก เขาจึงแอบย่องเข้ามาในห้อง ในมือถือยาเม็ดสีสันประหลาดมาด้วย
คนผู้หนึ่งที่ล่วงล้ำเข้ามาอ่านความคิดของหลินหลีเหว่ยถึงกับยิ้มมุมปาก
“เจ้าหนูสกปรกคิดจะเปลี่ยนร่างตบตาข้าอีก?” เขาพึมพำกับตัวเอง
หวังเยี่ยนหลงนึกสนุกกระโดดเข้าไปดูเหตุการณ์ใกล้ ๆ อยากเห็นยามที่หลินหลีเหว่ยเลาะเนื้อหนังของนักพรตผู้นั้นออกมา
ยาเม็ดประหลาดถูกกรอกเข้าปากของเหลียนเฟิน สีหน้าของหลินหลีเหว่ยตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“หน้าตาดียิ่งนัก” เขาพึมพำพลางลูบใบหน้าของเหลียนเฟิน ในใจโลดเต้นจะได้สวมร่างของศิษย์วังธาราเหมันต์ จากนั้นเขาจะรีบซ่อนร่างจริงของเหลียนเฟินแล้วเผ่นหนีก่อนที่หวังเยี่ยนหลงจะรู้ตัว