ตอนที่ 6 เสแสร้งเป็นคนดี

1403 คำ
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป หลินหลีเหว่ยนับเวลาถอยหลังจะได้ร่ายอาคมถลกหนังนักพรตผู้นี้ “อ๊าก!” เหลียนเฟินร้องเสียงดังจนทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นสะดุ้งด้วยความแปลกใจ เหตุใดคนที่ควรจะนอนหลับใหลถึงฟื้นสติได้เร็วปานนี้ “เจ้า...” เขาไม่รู้จะเอ่ยคำใด “คันจริง ๆ เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน” เหลียนเฟินจ้องหน้าชายขอทานพลางใช้มือลูบใบหน้าและร่างกายของตนเอง รอยแดงเป็นวงกลมปรากฏขึ้นบนผิวขาวของเขา “โอสถละลายร่าง” เขาเผลอตอบเพราะยังตกใจไม่หาย ใครก็ตามที่กินยานี้เข้าไปมักจะหนีไม่รอดสักราย ฤทธิ์ของมันจะค่อย ๆ กัดกร่อนหนังหุ้มร่างกาย ทำให้คนผู้นั้นทรมานปวดแสบปวดร้อนจนทนไม่ได้ วันนี้เข้าเพิ่มกำยานเข้าไปด้วยเพราะไม่อยากสู้กับเหลียนเฟิน ชะรอยไม่คิดว่าจะผิดแผนจนได้ “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย” เหลียนเฟินร่ายกระบี่จ่อคอเขาในทันที “ท่านนักพรต ทำไมถึงจ่อกระบี่มาทางข้าเล่า” มารยาร้อยเล่มเกวียนยังคงถูกนำมาใช้ต่อเนื่อง “เจ้าเป็นคนทำร้ายชาวบ้าน ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้” เหลียนเฟินกล่าวต่อ “ไม่มีใครรู้ว่าคนผู้นั้นทำอะไรกับร่างของชาวบ้าน แต่เจ้ากลับรู้ว่าจะมีคนเอาหนังหน้าเจ้าไป หากต้องการสิ่งนั้นจริง ๆ เหตุใดถึงได้กล้าฟันกลางใบหน้าเล่า” หลินหลีเหว่ยคิดตามเห็นด้วยกับสิ่งที่เหลียนเฟินพูด เขาผิดเองที่ไม่คิดให้ดี หากต้องการใบหน้าเพื่อสวมรอยต้องค่อย ๆ เลาะจากด้านข้าง การฟันผ่ากลางหน้าจะทำให้เนื้อหนังเสียหายมากเกินไป รอบยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของคนที่แอบดู เขาไม่รอช้ากระโดดเข้ามาข้างในห้องของเหลียนเฟิน “หวังเยี่ยนหลง!” เสียงของหลินหลีเหว่ยดังขึ้น พลางถอยหลังกรูดเข้าประชิดผนังห้องอีกฝั่ง ยามนี้มีศัตรูตัวฉกาจอยู่ตรงหน้าหนึ่งคน อีกคนก็ศิษย์วังธาราเหมันต์ เขาจะเอาตัวรอดไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร ครั้นนึกทบทวนเรื่องราวอีกรอบก็คิดว่าไม่น่าลงมือกับเหลียนเฟินเช่นนี้เลย อย่างน้อย นักพรตผู้นี้ก็คงจะกันหวังเยี่ยนหลงให้ห่างจากเขาได้พักหนึ่ง จนพอมีเวลาหาหนทางหนีที่ดีกว่านี้ สายตาของหวังเยี่ยนหลงจับจ้องมาที่ใบหน้าและร่างกายของเหลียนเฟิน รอยแดงกลม ๆ ทำให้เขานึกขัน “อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ” หลินหลีเหว่ยตะโกน มองซ้ายมองขวาหาทางหนีไปให้พ้น แต่กระบี่ของหวังเยี่ยนหลงเร็วกว่า มันลอยพุ่งเข้าไปหาหลินหลีเหว่ยโดยไม่ทันตั้งตัว เหลียนเฟินร่ายอาคมหยุดกระบี่ของหวังเยี่ยนหลงเอาไว้ “ฆ่าเขาไม่ได้ ข้าต้องสืบสวนหาความจริงก่อน” “หลักฐานมากมายเช่นนี้ จะรออันใดอีก” หวังเยี่ยนหลงชักกระบี่กลับมาแล้วร่ายอาคมอัดใส่หลินหลีเหว่ยแทน กระนั้น เหลียนเฟินก็ร่ายอาคมปัดเป่าพลังของเขาไปจนสิ้น การต่อสู้ย่อม ๆ ในห้องนอนโรงเตี๊ยมเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง แม้เสียงข้างในและข้าวของกระจัดกระจายเละเทะแต่ผู้คนด้านนอกกลับไม่รู้สึกหรือได้ยินสิ่งใดเพราะหวังเยี่ยนหลงร่ายอาคมปิดเรือนเอาไว้ ขณะที่ทั้งสองกำลังห้ำหั่นกันเอง หลินหลีเหว่ยร่ายอาคมหนึ่งคิดจะจัดการเหลียนเฟินที่กำลังหันหลังให้เขา ไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ ฉึก! เสียงกระบี่ของหวังเยี่ยนหลงพุ่งทะลุร่างของเขาในพริบตา ตามด้วยอาคมรุนแรงสะเทือนถึงวิญญาณ ครั้งนี้เหลียนเฟินไม่อาจห้ามได้ทัน หลินหลีเหว่ยจึงโดนพลังปราณของหวังเยี่ยนหลงโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาทรุดตัวลงที่พื้น เลือดกบปาก แววตาล่องลอยมีเลือดหลั่งไหลออกมา ก่อนจะฟุบหน้าลงกับพื้น “เจ้า...” เหลียนเฟินมองหน้าหวังเยี่ยนหลง เขาต้องการหลินหลีเหว่ยตัวเป็น ๆ เพื่อสอบสวนเรื่องราวต่อหน้าอ๋องเมืองเฟิงแล้วให้คนผู้นี้รับโทษตามสมควร ทว่า หวังเยี่ยนหลงกลับดึงดันจะฆ่าเขาให้ได้ “เจ้าก็เห็นว่ามันเป็นคนทำเรื่องพวกนั้น ยังจะต้องการสิ่งใดอีก” เขาไม่สบอารมณ์เพราะมีคนดื้อดึงไม่ฟังคำ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาทำเช่นนั้นทำไม” เหลียนเฟินถามบ้าง “ไม่” “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเขามาเมืองเฟิงทำไม” เหลียนเฟินถามอีกครั้ง “ไม่” หวังเยี่ยนหลงยังคงตอบสั้น ๆ “เรื่องเหล่านั้น รู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด” “แต่...” เหลียนเฟินรู้สึกเหนื่อยที่ต้องพูดกับคนผู้นี้ ครั้นเห็นว่าเขาเดินมาใกล้จึงยกกระบี่ห้าม “ข้าเพิ่งจะช่วยเจ้าไว้ เหตุใดยังยกกระบี่ชี้มาทางข้า” หวังเยี่ยนหลงเลิกคิ้ว สบตาเหลียนเฟิน อีกแล้ว หัวใจของข้า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาคิดในใจแล้วเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม “ข้าช่วยเจ้าไว้ ยังจะทำร้ายข้าอีกครั้งหรือ” “เจ้าไม่น่าไว้ใจ” เหลียนเฟินตอบตามตรง จู่ ๆ มีคนอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวจะทำร้ายเขาเดี๋ยวจะช่วยเขาอยู่ตรงหน้า นึกไม่ออกเลยว่าจะมาไม้ไหน “ข้าบาดเจ็บเพราะเจ้าเข้าใจข้าผิดแต่ข้าก็ยังเลือกที่จะช่วยเจ้าไว้ คำขอบคุณสักคำก็ไม่มีหรือ” หวังเยี่ยนหลงเริ่มตัดพ้อ สีหน้าเปลี่ยนไปเหมือนคนกำลังเศร้าเสียใจ “ข้าน่ะหรือเข้าใจผิด เรื่องอันใดที่ข้าเข้าใจผิด” เหลียนเฟินรู้สึกงุนงง คนตรงหน้ากล้าพูดว่าเขาเข้าใจผิดได้อย่างไร ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาตั้งใจบังคับกระบี่ทำร้ายตนเองหลายกระบวนท่าปานนั้น หวังเยี่ยนหลงยังคงไม่ลดละ เดินใกล้เข้าปลายกระบี่เรื่อย ๆ จนคมของมันทิ่มทะลุเสื้อผ้าของเขาเลือดไหลซึมออกมา “ครั้งแรกที่เจอเจ้า ข้าแค่คิดว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกันเลยแสดงออกไปแบบนั้น ข้าตามคนผู้นี้มานานมากแล้ว มันสังหารคนในครอบครัวข้า ใช้วิชามารทำร้ายผู้คน ข้าไม่อาจปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ได้จริง ๆ” “หยุดก่อน” เหลียนเฟินห้ามปรามแต่ยังไม่ลดกระบี่ลง “ต้องให้ข้าพิสูจน์อันใดอีก เจ้าจึงจะเชื่อว่าข้าไม่ได้ต้องการทำร้ายเจ้า” หวังเยี่ยนหลงยังคงเล่นละครหลอกเหลียนเฟิน คิดในใจว่าศิษย์วังธาราเหมันต์หลอกยากจริง ๆ เลือดบนหน้าอกเขาไหลซึมออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ปลายกระบี่แทงเข้าไปลึกจนเหลียนเฟินต้องลดกระบี่ตนเอง “หากข้าไม่เชื่อ เจ้าจะปล่อยให้กระบี่ข้าแทงหัวใจเจ้าอย่างนั้นหรือ” เหลียนเฟินโพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรให้เจ้าเชื่อใจ” “พอเถิด” เหลียนเฟินจำใจต้องยอมทำเป็นเชื่อเขา ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วในใจระแวงมากกว่าเดิม “บาดแผลที่มือเจ้า เจ็บมากหรือไม่” หวังเยี่ยนหลงถือวิสาสะจับข้อมือของเหลียนเฟินขึ้นมาดู “ข้าไม่เป็นไร” เหลียนเฟินรีบดึงมือกลับ แต่ถูกคนที่ตัวใหญ่กว่ารั้งเอาไว้ “เลือดไหลยังไม่หยุด ให้ข้าช่วย” ดูเผิน ๆ หวังเยี่ยนหลงคล้ายเป็นคนมีน้ำใจห่วงใยผู้อื่น แต่จริง ๆ แล้วเมื่อครู่เขาเพิ่งจะร่ายอาคมโลหิตมารเข้าไปในตัวของเหลียนเฟิน ครั้นพยายามบังคับให้มันขยายตัวเป็นหนามแหลมคมบาดร่างกายของเหลียนเฟิน คนตรงหน้ากลับไม่แสดงอาการใดออกมาจึงคิดลองร่ายอาคมอีกครั้งให้แน่ใจ ทว่า ยามได้จับมือเหลียนเฟิน ร่างกายของเขาดูแปลกไป ปราณมารร้อนรุ่มเหมือนค่อย ๆ อบอุ่นไหลเวียนนุ่มนวลมากขึ้น เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว ผ่านไปหนึ่งอึดใจ หวังเยี่ยนหลงยักยิ้มมุมปาก โลหิตมารของข้าใช้กับศิษย์วังธาราเหมันต์ไม่ได้ผล หมิงฮวา ข้าชักเสียใจที่วันนั้นปล่อยให้เจ้ารอดไปได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม